โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

เจ้าหนี้การบินไทยยิ้มแก้มปริ แบงก์-สหกรณ์โกยกำไรส่วนต่าง รอปลดล็อคอาจเห็นเกมเทพอร์ต

Manager Online

เผยแพร่ 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา • MGR Online

เจ้าหนี้ “การบินไทย” กำไรบานเบอะ จากส่วนต่างราคาหุ้นหลังกลับเข้ามาเทรดอีกครั้งในรอบ 4 ปี "แบงก์กรุงเทพ กรุงไทย ทหารไทยธนชาต " นำทีมธนาคารโกยกำไร 3.3 หมื่นล้านบาท และหากรวมกับอีก 12 สหกรณ์ออมทรัพย์ สูงถึง 6.3 หมื่นล้านบาท จับตาประเด็นล้างพอร์ตหลังหมดเวลาบังคับห้ามขาย คาดมีการเปลี่ยนมือหรือลดสัดส่วนถือครองเกิดขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจต้องแบกรับกับอุตสาหกรรมที่มีความอ่อนไหวสูง

การกลับเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกครั้งของ "การบินไทย" เดือนสิงหาคม 2568 ไม่ใช่เพียงแค่การกลับมาของสายการบินแห่งชาติ แต่ยังเป็นการเปิดฉากบทบาทใหม่ที่น่าจับตามองของธนาคารพาณิชย์ไทยหลายแห่ง จากสถานะเจ้าหนี้ที่ต้องรับมือกับภาระหนี้สินมหาศาล สู่การเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ถือครองสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จนอาจมีนัยสำคัญต่อราคาหุ้นของธนาคารซึ่งเป็นเจ้าหนี้อีกด้วย

การมาที่หุ้นการบินไทย (THAI) หลังจากหยุดการซื้อขายไว้ที่ระดับ 3.32 บาท/หุ้น เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2564 การกลับมาซื้อขายอีกครั้งในรอบเกือบ 4 ปี 3 เดือน (4ส.ค.2568) ราคาหุ้นเปิดขึ้นมาที่ระดับ 10.50 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น 216.27% เรียกได้ว่าร้อนแรงสุดของกระดานหลักทรัพย์ในวันนั้น และจากวันดังกล่าวมาจนถึงวันที่ 15 ส.ค. 2568 ที่ระดับ 16.50 บาท/หุ้น พบว่าเพิ่มขึ้น 6.00 บาท หรือ 57.14% โดยมีวอลุ่มเทรดลี่ยต่อวัน 368.99 ล้านหุ้น และมูลค่าเทรดเฉลี่ย 4.93 พันล้านบาท

THAI พลิกฟื้นจุดเปลี่ยนแบงก์เจ้าหนี้

หลังจากผ่านพ้นกระบวนการฟื้นฟูกิจการอย่างเป็นทางการ การที่“การบินไทย”ได้กลับเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้ง ถือเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จในการปรับโครงสร้างหนี้และเสริมสภาพคล่องทางธุรกิจ แต่สิ่งที่ทำให้เหตุการณ์นี้มีความพิเศษคือการแปลงหนี้เป็นทุน (Debt-to-Equity Conversion) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในแผนฟื้นฟู นั้นเพราะตอนนี้ได้ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ไทยหลายแห่งซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในทันทีโดยปริยาย

การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ทำให้ธนาคารพาณิชย์ไม่ได้เป็นเพียงสถาบันการเงินที่ให้การสนับสนุนทางการเงินเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงในอนาคตของสายการบินแห่งชาติด้วย

อย่างไรก็ตามการถือหุ้นในครั้งนี้มีเงื่อนไขสำคัญคือ Lock-up Period ที่ห้ามธนาคารขายหุ้นในช่วง 6 เดือนแรก ซึ่งเป็นการสร้างเสถียรภาพให้กับราคาหุ้นและป้องกันการเทขายที่อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาดในระยะสั้น และอาจช่วยสร้างความอุ่นใจให้แก่ผู้ถือหุ้นรายย่อยได้ในระดับหนึ่งในระยะเวลาอันสั้นด้วยเช่นกัน

เปิดพอร์ตมูลค่าพุ่งจากต้นทุนที่ถูกลืม

ข้อมูลล่าสุดจากตลาดหลักทรัพย์ฯ และเอกสารของธนาคารชี้ให้เห็นว่ามีธนาคารพาณิชย์ 3 แห่งที่ถือหุ้น THAI ในสัดส่วนที่น่าสนใจ เริ่มที่ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) มีหุ้นจากการแปลงหนี้เป็นทุน 2.40 พันล้านหุ้น คิดเป้นสัดส่วน 8.51% ในราคาต้นทุน 2.5452 บาท/หุ้น คิดเป้นมูลค่าต้นทุน 6.13 พันล้านบาท ตามาด้วย ธนาคาร กรุงไทย (KTB) มีหุ้น THAI จำนวน 1.33 พันล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 4.69 % ในราคาเดียวกับ BBL โดยคิดเป็นมูลค่าต้นทุน 3.38 พันล้านบาท และธนาคาร ทหารไทยธนชาต (TTB) มีหุ้นการบินไทย 580 ล้านหุ้น คิดเป้นสัดส่วน 2.05% ในราคาต้นทุนเดียวกัน หรือคิดเป็นมูลค่าต้นทุน 1.48 พันล้านบาท

ไม่เพียงเท่านี้ ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ยังระบุว่า ยังมีอีกหลายธนาคารที่ถือหุ้นTHAI จากการแปลงหนี้เป็นทุน เริ่มที่ ธนาคารออมสิน ถือหุ้น 448 ล้านหุ้น หรือ 1.58% ถัดมาคือ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย 397 ล้านหุ้น หรือ 1.40% ,ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) จำนวน 239 ล้านหุ้น หรือ 0.85%(เพิกถอนหลักทรัพย์ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนโดยสมัครใจ ตั้งแต่ปี 2553 อย่างไรก็ตาม หุ้นของธนาคารแม่คือ Industrial and Commercial Bank of China (ICBC) มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของจีนและฮ่องกง) , ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์223 ล้านหุ้น หรือ 0.79% , ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย 167 ล้านหุ้น 0.59% และ ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย (CIMBT) สัดส่วน 147 ล้านหุ้น หรือ 0.52%

ดังนั้นเมื่อราคาหุ้น THAI พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว จะเห็นได้ชัดว่าการแปลงหนี้เป็นทุนในครั้งนี้ได้สร้างกำไรลอยตัว (Unrealized Gain) มหาศาลให้กับธนาคารทุกแห่ง

เริ่มที่ ธนาคารกรุงเทพ มีกำไรจากส่วนต่างราคาหุ้นTHAI ที่เพิ่มขึ้น (ณปิดตลาดวันที่ 4ส.ค. -15 ส.ค.2568) ที่ระดับ 1.44 หมื่นล้านบาท , ธนาคารกรุงไทย มีกำไรจากส่วนต่าง 7.96 พันล้านบาท , ธนาคารทหารไทยธนชาต มีกำไรจากส่วนต่าง 3.47 พันล้านบาท , ธนาคารออมสิน 2.68 พันล้านบาท ,ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย 2.38 พันล้านบาท , ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) 1.43 พันล้านบาท , ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ 1.33 พันล้านบาท ,ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย 1.0 พันล้านบาท และ ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย 884 ล้านบาท รวมเป็นกำไรส่วนต่างที่ธนาคารได้รับกว่า 3.38 หมื่นล้านบาท จากการถือหุ้น THAI รวมกัน 5.64 พันล้านหุ้น หรือ 19.96%

สหกรณ์ออมทรัพย์ไม่น้อยหน้า

นอกจากนี้ ไม่ได้มีเพียงแต่แบงก์พานิชย์ที่การถือหุ้นใหญ่ในสายการบินแห่งชาติ เพราะจากข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ฯพบว่าผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ “การบินไทย”อีกกลุ่มหนึ่งก็คือสหกรณ์ออมทรัพย์ของหลายองค์กร โดยในบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ 27 รายแรกของ THAI พบว่ามีสหกรณ์ออมทรัพย์ถึง 12 แห่ง ถือหุ้นรวมกัน 4.85 พันล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 17.16% ของหุ้นทั้งหมด ทำให้มีส่วนต่างกำไรหุ้นจากวันที่ 4ส.ค.-15ส.ค. 2568 ประมาณ 2.91 หมื่นล้านบาท ที่เข้าไปช่วยผลักดันงบดุลหรือผลประกอบการของสหกรณ์

โดยสหกรณ์ที่ถือหุ้น THAI มากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ สหกรณ์ออมทรัพย์การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำกัด ถือหุ้น 1.53 พันล้านหุ้น หรือ 5.43% (ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ2) ถัดมาคือ สหกรณ์ออมทรัพย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จำกัด ถือหุ้น 475 ล้านหุ้น หรือ 1.68% และสหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ถือหุ้น 414 ล้านหุ้น หรือ 1.46%

ส่วนกำไรจากส่วนต่างราคาหุ้น (4 – 15 ส.ค.2568) พบว่า สหกรณ์ออมทรัพย์การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำกัด มีกำไร 9.22 พันล้านบาท ,สหกรณ์ออมทรัพย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีกำไร 2.85 พันล้านบาท และ สหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำกัด มีกำไร 2.48 พันล้านบาท รวมทั้ง 3 สหกรณ์ออมทรัพย์ มีกำไรส่วนราคาหุ้น THAI ที่ 1.45 หมื่นล้านบาท

และเมื่อรวมกำไรส่วนต่างราคาหุ้นTHAI จากทั้งการถือโดยธนาคารพาณิชย์และสหกรณ์ออกทรัพย์ พบว่าสูงถึง 6.3 หมื่นล้านบาท เรียกกว่าการกลับเข้ามาเทรดอีกครั้งของ “การบินไทย”แม้ยังไม่ถึง 1 เดือนเต็ม แต่ผู้เป็นเจ้าหนี้ทั้งหลายคงยิ้มแก้มปริได้จากกำไรส่วนต่างราคาหุ้นที่รวมกันสูงขนาดนี้

สัดส่วนถือหุ้น 37% ที่ไม่ควรมองข้าม

จากข้อมูลข้างต้นเมื่อทำการรวบรวมแล้วพบว่า ธนาคารพาณิชย์และสหกรรณ์ออมทรัพย์หลายแห่งถือหุ้นรวมกันกว่า 37.12% นั่นจึงนำไปสู่ประเด็นคำถามที่ว่า หลังผ่านพ้นเงื่อนไขการห้ามขายหุ้นแล้ว หุ้นTHAI เหล่านี้ยังคงถือครองโดยธนาคารและสหกรณ์ออมทรัพย์ที่เป็นเจ้าหนี้อยู่ทั้งหมดหรือไม่

มีการประเมินว่าเมื่อพ้นช่วง Lock-up Period แล้ว ธนาคารแต่ละแห่งจะต้องตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับหุ้น THAI ที่ถืออยู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่นักลงทุนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยทางเลือกหลัก คือ ทางเลือกที่ 1 ขายหุ้นบางส่วนเพื่อรับรู้กำไร สำหรับทางเลือกนี้มีข้อดี คือ สามารถรับรู้กำไรมหาศาลเป็นเงินสดได้จริง ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อผลประกอบการของธนาคารในทันที และช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ฐานะทางการเงิน นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหุ้นในอนาคตได้อีกด้วย

แต่ข้อเสียจากทางเลือกดังกล่าว นั่นคือ อาจทำให้ธนาคารสูญเสียโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นในอนาคต หากราคาหุ้นยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นการลดบทบาทการเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือเหมือนที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายมองว่ามีโอกาสที่จะเกิดขึ้น โดยคาดว่าอาจมีการขายหุ้นบางส่วนในสัดส่วนที่ไม่เกิน 25% นั้นเป็นไปได้สูง หากราคาหุ้นยังคงแข็งแกร่ง

สำหรับทางเลือกที่ 2 คือการถือหุ้นต่อเพื่อรับผลตอบแทนระยะยาว ซึ่งทางเลือกนี้มีข้อดี นั่นคือการแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพการฟื้นตัวของ THAI ในระยะยาว และมีโอกาสรับเงินปันผลหาก THAI กลับมาทำกำไรอย่างต่อเนื่องแต่ข้อเสียคือ เจ้าหนี้ต้องแบกรับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหุ้นที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต หากปัจจัยลบภายนอกเข้ามากระทบต่ออุตสาหกรรมการบิน

โดยเฉพาะหาก THAI สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพและเพิ่มจำนวนฝูงบินได้ตามแผน มูลค่าหุ้นก็มีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อไป อยงไรก็ตามการตัดสินใจของแต่ละธนาคารจะขึ้นอยู่กับนโยบาย กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยง และความต้องการทางการเงินของแต่ละแห่งเป็นหลัก ซึ่งไม่เพียงสะท้อนวิสัยทัศน์ของธนาคาร แต่ยังสะท้อนถึงมุมมองที่มีต่ออนาคตของอุตสาหกรรมการบินไทยด้วย

นอกจากนี้ ประเด็นที่นักลงทุนยังคงต้องจับตามองเพิ่มเติมคือ โครงสร้างผู้ถือหุ้นที่กระทรวงการคลังยังคงถือหุ้นในสัดส่วนสูงถึง 38.90% ซึ่งอาจนำมาซึ่งความเสี่ยงในการถูกแทรกแซงทางการเมืองได้ในอนาคตหรือไม่ แม้ว่าสถานะของ THAI ในปัจจุบันจะไม่ได้เป็นรัฐวิสาหกิจแล้ว แต่ถ้าหากการดำเนินธุรกิจของ THAI ยังต้องยอมรับนโยบายจากภาครัฐและการเมือง ราคาหุ้นบนกระดานของ THAI จึงเป็นอีกหลักทรัพย์ที่น่าติดตามอย่างยิ่งว่า จะสามารถทะยานไปได้ไกลเพียงใด หรือจะหลอกให้ดีใจเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ จากนั้นก็กลับเข้าสู่ลูปเดิม

มิติที่ซับซ้อนกว่าแค่กำไร

นั่นเพราะนอกเหนือจากการพิจารณาถึงกำไรลอยตัวแล้ว การถือหุ้น THAI ยังมีมิติที่ซับซ้อนกว่านั้น หากมองในมุมมองของนักวิเคราะห์และการบริหารงานของธนาคาร เริ่มที่มุมมองด้านธรรมาภิบาลและความเชื่อมั่นเพราะการที่ธนาคารพาณิชย์เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ถือเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกที่สำคัญต่อตลาดและนักลงทุนทั่วโลก โดยแสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนและการร่วมมือเพื่อฟื้นฟูธุรกิจที่เคยประสบปัญหาอย่างหนัก ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแผนฟื้นฟูของ THAI อย่างมีนัยยะสำคัญ

ขณะเดียวกันยังมีผลกระทบต่อระบบธนาคารพาณิชย์โดยรวมเพราะการถือครองสินทรัพย์ประเภทหุ้นการบินไทยในพอร์ตของธนาคารจะส่งผลต่อการบริหารความเสี่ยง (Risk Management) และการจัดสรรเงินทุน (Capital Allocation) ในระยะยาว ธนาคารอาจต้องพิจารณาถึงการตั้งสำรองความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความผันผวนของราคาหุ้นในอนาคต และจะต้องมีการวางแผนจัดการสินทรัพย์ส่วนนี้ให้สอดคล้องกับกลยุทธ์หลักของธนาคาร

เรื่องดังกล่าวมีกรณีศึกษาที่น่าสนใจของสายการบินในต่างประเทศที่ผ่านกระบวนการฟื้นฟูและมีการแปลงหนี้เป็นทุนเช่นกัน เช่น สายการบินอย่าง JAL ของญี่ปุ่น หรือ American Airlines ของสหรัฐฯ ซึ่งผลลัพธ์ที่ตามมานั้นแตกต่างกันไป การเรียนรู้จากกรณีศึกษาเหล่านี้จะช่วยให้ธนาคารและนักลงทุนมีมุมมองที่รอบด้านมากขึ้น และสามารถนำมาเป็นบทเรียนในการบริหารจัดการหุ้นของ THAI ได้

ทั้งนี้ แม้ว่าผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจะน่าประทับใจ แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะธุรกิจการบินเป็นอุตสาหกรรมที่อ่อนไหวต่อปัจจัยภายนอกอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนของราคาน้ำมัน, ภาวะเศรษฐกิจโลก, สงครามหรือโรคระบาดที่อาจเกิดขึ้นอีกครั้งในอนาคต รวมถึงความเสี่ยงจากการลงทุนขนาดใหญ่ในการจัดซื้อเครื่องบินใหม่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของ THAI ได้ในระยะยาว

THAI ฟื้นตัวจากแผนที่ชัดเจน

การฟื้นตัวของ THAI ที่ผ่านมาไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลมาจากแผนธุรกิจที่ชัดเจนและมุ่งมั่น โดยมีเป้าหมายในการปรับปรุงฝูงบินให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยการจัดซื้อเครื่องบินใหม่ ได้แก่ Boeing 787-9 จำนวน 45 ลำ และ Airbus A321neo จำนวน 32 ลำ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดและรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยว

นอกจากนี้ในแง่ของผลประกอบการล่าสุดในไตรมาส 2 ปี 2568 นั้นก็เป็นที่น่าพอใจ โดยสะท้อนถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยสินทรัพย์รวมที่กว่า 297,000 ล้านบาท และหนี้สินที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากสิ้นปี 2567 สภาพคล่องที่แข็งแรงและกำไรก่อนหักค่าใช้จ่าย (EBITDA) ที่สูงกว่าเป้าหมาย เป็นสิ่งที่ยืนยันว่า THAI กำลังเดินหน้าตามแผนฟื้นฟูได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าธนาคารที่ถือหุ้น THAI มีโอกาสสร้างกำไรจากมูลค่าหุ้นที่สูงขึ้น แต่ก็เตือนให้พิจารณาถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมด้วย หากการบินไทยสามารถบริหารจัดการการลงทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานได้ตามแผน กำไรในระยะยาวก็มีแนวโน้มที่จะเติบโตได้

ดังนั้นการถือหุ้น THAI ของธนาคารพาณิชย์ไทย เป็นกรณีศึกษาที่สะท้อนให้เห็นถึงการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสในโลกการลงทุนได้อย่างน่าทึ่ง การเปลี่ยนสถานะจากเจ้าหนี้เป็นผู้ถือหุ้นไม่เพียงแต่สร้างกำไรลอยตัวมหาศาลให้กับธนาคาร แต่ยังสร้างความเชื่อมโยงที่ลึกซึ้งระหว่างภาคการเงินและธุรกิจการบินของประเทศ

ทำให้ในอนาคต การตัดสินใจของธนาคารว่าจะขายหุ้นบางส่วนเพื่อรับรู้กำไรหรือจะถือหุ้นต่อไปเพื่อรอผลตอบแทนระยะยาว จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อทิศทางของราคาหุ้น THAI และสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของธนาคารแต่ละแห่งที่มีต่ออนาคตของสายการบินแห่งนี้อย่างแท้จริง นี่จึงเป็นสิ่งที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยควรให้ความสำคัญ ในการติดตามการดำเนินงานของ THAI อย่างใกล้ชิด ทั้งในด้านการบริหารจัดการฝูงบิน, การตลาด, และการจัดการต้นทุน

โบรกฯคาดกำไรปีหน้าไม่เหมือนเดิม

ส่วนมุมมองจากนักวิเคราะห์ต่อหุ้น THAI พบว่า ราคาหุ้นถูกประเมินความเหมาะสมไว้ที่ระดับ 7.00 – 8.00 บาท/หุ้น โดยการที่ราคาหุ้น THAI จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องได้ ต้องมาจากปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจของบริษัทที่แข็งแกร่งจริงๆ โดยตั้งแต่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ทำให้หลายสายการบินมีผลประกอบการที่ดีขึ้นกว่าก่อนมาก ขณะที่ซัพพลายเครื่องบินยังเติมเข้าระบบไม่เพียงพอ รวมถึงราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงด้วย

สำหรับการบินไทย สิ่งที่ทำในช่วงการฟื้นฟูกิจการ หลัก ๆ ทำอยู่ 3 ส่วน 1.ปรับโครงสร้างองค์กร ลดขนาด ลดคน ลดต้นทุน ทำให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ลดลงกว่า 40% หรือลดจากก่อนจะฟื้นฟูประมาณ 2 หมื่นล้านบาท/ปี

ถัดมาคือ 2.การปรับ Feed หรือฝูงบินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยขายเครื่องบินที่ไม่ทำกำไรออกไป และมีการลดประเภท/เครื่องยนต์ของเครื่องบิน เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และ 3.ปรับโครงสร้างทุน ทำให้ฐานะการเงินแข็งแกร่งขึ้น จากการแปลงหนี้เป็นทุนและเพิ่มทุนก่อนที่จะกลับเข้ามาซื้อขายบนกระดานหุ้น ทำให้การบินไทยสามารถล้างผลขาดทุนสะสมได้ทั้งหมด และส่วนของผู้ถือหุ้นกลับมาเป็นบวก

แต่ในอนาคตมีการประเมินว่า อุตสาหกรรมการบินน่าจะชะลอลง โดย Pent-up Demand ก็คงไม่ได้ดี เหมือนช่วงแรก ๆ หลังโควิด-19 คลี่คลาย ขณะที่สายการบินต่าง ๆ ก็เติมเครื่องบินเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ ฉะนั้นการแข่งขันจะรุนแรงขึ้น ทำให้ราคาตั๋วจะค่อย ๆลดลง และปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์โลกในช่วงถัดจากนี้อาจไม่ค่อยดีจากหลาย ๆ ปัจจัยที่กดดัน

ทำให้มีการคาดการณ์ปี 2568 นี้ THAI จะมีกำไรปกติ 2.62 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพต่อเนื่อง อัตราบรรทุกผู้โดยสาร 80% ราคาตั๋วโดยสารเฉลี่ย 9,483 บาท สูงกว่าช่วง Pre-COVID ถึง 56% และยังได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันลดลง 9% ทำให้ต้นทุนบริการต่อหน่วยลดลง 6% อีกด้วย

แต่ปี 2569 คาดมีกำไรปกติ 2.21 หมื่นล้านบาท ลดลง 16% จากแนวโน้มการแข่งขันสูงขึ้น และราคาน้ำมันสูงขึ้น ฉุดอัตราทำกำไร หลังจากปีนี้การบินไทยยังมีสิทธิประโยชน์ทางภาษี Tax Loss Carry Forward ที่ยังใช้ได้ 100% แต่ปี 2569 จะไม่สามารถใช้ได้เต็มกับกำไรทั้งก้อน ฉะนั้นค่าใช้จ่ายภาษีจะเพิ่มขึ้นบางส่วน ทำให้กำไรปีหน้าชะลอลง

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Manager Online

จัดหนักๆทีเถอะ!พบศพชาวเกาหลีใต้ในแหล่งสแกมกัมพูชา สภาพเหมือนถูกทรมานก่อนตาย

50 นาทีที่แล้ว

กลัวตกขบวน!พวกผู้นำยุโรปแห่เข้าร่วม ประชุมซัมมิตระหว่างทรัมป์กับเซเลนสกี

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

"หลี่เหลียนเจี๋ย" โพสต์ภาพป่วยบนเตียงโรงพยาบาล ยอมรับ “ผ่านบททดสอบแห่งความไม่เที่ยง” ทำแฟนคลับเป็นห่วง

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

"ลิซ่า" BLACKPINK สวมชุดขนฟูสีชมพู Labubu สุดน่ารักบนคอนเสิร์ตที่ลอนดอน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

ธุรกิจท่องเที่ยว วอนรัฐดูแลบาทแข็งฉุดความสามารถแข่งขัน แถมไม่สอดคล้องศก.

MATICHON ONLINE

TCL รุกตลาดทีวีพรีเมียม! ตั้งเป้าขึ้นแท่นผู้นำตลาดจอใหญ่ใน 3 ปี

ฐานเศรษฐกิจ

หอการค้าชี้งบ 69 ผ่านสภาส่งสัญญาณบวก ศก.หัวเลี้ยวหัวต่อ ลดความกังวลการเมืองไม่นิ่ง

MATICHON ONLINE

11 หุ้น SETHD เสิร์ฟปันผลจุก ๆ เกิน 5% แถมรอบ 1 เดือนราคาพุ่งกระจาย

Manager Online

MALEE รุกขยายพอร์ตครบวงจรQ4 “จางหลิงเฮ่อ” ดันน้ำมะพร้าวในจีนพุ่ง

Manager Online

“บาร์บีก้อน” ลุยบุฟเฟ่ต์ผู้สูงวัย ปิดตี5รวม9สาขาลุยศึกกลางคืน

Manager Online

ข่าวและบทความยอดนิยม

11 หุ้น SETHD เสิร์ฟปันผลจุก ๆ เกิน 5% แถมรอบ 1 เดือนราคาพุ่งกระจาย

Manager Online

"อนุสรณ์" ชี้โอนเงินช่วยคนจนตามระบบ "ภาษีเชิงลบ" ตรงกลุ่มเป้าหมาย ลดสวัสดิการซ้ำซ้อน

Manager Online

"ขุมทรัพย์ธุรกิจสีเทาตระกูล 'ฮุน'! 'ฮุน โต' เขย่ากัมพูชา...เมื่ออำนาจเศรษฐกิจใต้ดินถูกแฉ!

Manager Online
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...