กำลังซื้ออุบลฯ หดตัวรอบ 3 ปี “ยงสงวน” ชี้กระแสกัมพูชาต้านสินค้าไทยแรงต่อเนื่อง
นายประกอบ ไชยสงคราม ผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่ง บริษัท ยงสงวนกรุ๊ป จำกัด จ.อุบลราชธานี เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาโดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนอีสานใต้และจังหวัดอุบลราชธานี ทำให้การค้าขายซบเซา ประชาชนตกใจและอพยพหลายพื้นที่ ทำให้ยอดขายด้านการค้าตกต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี
โดยช่วงมีการสู้รบจริงจังและเสริมกำลังทหาร เศรษฐกิจในเมืองค่อนข้างคึกคัก เนื่องจากผู้คนซื้อบริจาคและช่วยเหลือทหารและผู้ประสบภัย ทำให้สินค้าบางประเภท เช่น ของยังชีพ มียอดขายดีขึ้น แต่การจับจ่ายเหล่านี้เกิดจากการซื้อไปบริจาคไม่ใช้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ทำให้หลังจากสู้รบยุติลงกำลังซื้อจึงหดตัวทันที และคาดว่ากำลังซื้อจะหดตัวลงต่อเนื่องนับจากนี้อย่างแน่นอน
“หลังจากนี้ประชาชนจะอยู่ในภาวะระมัดระวังการใช้จ่าย บางร้านค้าแถวชายแดนก็ปิดกิจการด้วยเพราะกลัวโจรกรรม แม้กำลังซื้ออาจจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง แต่จะอยู่ในลักษณะของการกักตุนสินค้า เพื่อเตรียมความพร้อมกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในอนาคต"
ส่วนการท่องเที่ยวก็ถือว่าได้รับผลกระทบอย่างมาก แม้ว่าเดือนก่อนหน้านั้น จ.อุบลราชธานี จะมีงานเทียนอุบลฯ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ประมาณ 10% แต่ก็เป็นเพียงการแย่งส่วนแบ่งตลาดเดิมภายในจังหวัด ไม่มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นจากกลุ่มใหม่หรือจากนักท่องเที่ยวนอกพื้นที่มากนัก
นายประกอบ กล่าวว่า ในด้านความสัมพันธ์ทางการค้ากับระหว่าไทยกับกัมพูชา ตอนนี้มีผลกระทบจากกระแสต่อต้านสินค้าไทยรุนแรงมาก ประตูการค้าชายแดนปิดลงจนไม่สามารถข้ามฝั่งค้าขายได้แล้วแม้กระทั่งเขตชุมชน เพราะกลัวเรื่องความไม่ปลอดภัย และตอนนี้ความขุ่นเคืองในชุมชนเริ่มก่อตัวขึ้น กลายเป็นความเกลียดชังทางเชื้อชาติ ซึ่งมันไม่ใช่สงครามอย่างเดียวแล้ว
แม้การเจรจาจะดีขึ้นแต่ความรู้สึกเกลียดชังนี้จะไม่หายไป หากการค้าขายระหว่างชุมชนกลับมา น่าจะต้องผ่านตัวกลางเสมอ ไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้โดยตรง ต้องส่งของจากไทยและให้ฝั่งกัมพูชามารับที่ชายแดน
"ผมคิดว่าสงครามชายแดนไทยและกัมพูชานับจากนี้จะไม่จบง่ายๆ เพราะเป็นเรื่องผลประโยชน์ตั้งแต่ระดับผู้นำมาจนถึงระดับชาติ ในจังหวัดที่มีแรงงานต่างชาติกัมพูชาเป็นจำนวนมากน่าจะได้รับผลกระทบเมื่อแรงงานกลุ่มนี้กลับประเทสไปแล้ว ต้องรอดูสถานการณ์ว่าจะเกิดการจ้างงานคนไทยเพิ่มขึ้นหรือไม่ จะมีแรงงานส่วนไหนที่จะมาทดแทนส่วนที่หายไปได้หรือเปล่า"