รองประธานเฟดหนุนลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ปี 68 รับแรงกดดันตลาดแรงงาน
มิเชล โบว์แมน (Michelle Bowman) รองประธานฝ่ายกำกับดูแลของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือ เฟด (FED) ออกมาแสดงจุดยืนชัดเจนเมื่อวันที่ 9 ส.ค. ว่า ตัวเลขการจ้างงานล่าสุดที่อ่อนแอกว่าคาดเป็นสัญญาณชัดเจนว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯกำลังเปราะบาง จึงย้ำความเชื่อมั่นในคาดการณ์เดิมว่าปี 2568 ควรมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 3 ครั้ง เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจและการจ้างงาน
โดยมิเชล โบว์แมนเป็นหนึ่งในสองกรรมการเฟดที่ลงมติ “ค้าน” การคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา โดยเธอเริ่มเสนอให้ลดดอกเบี้ยตั้งแต่การประชุมเดือน มิ.ย. เพื่อรับมือเชิงรุกกับความเสี่ยงที่ตลาดแรงงานจะซบเซาลึกลง พร้อมระบุว่าการตัดสินใจล่วงหน้าจะช่วยหลีกเลี่ยงการปรับนโยบายครั้งใหญ่ในอนาคตหากแรงงานอ่อนแรงกว่าคาด
รายงานจ้างงานประจำเดือน ก.ค. ของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯระบุว่า อัตราว่างงานขยับขึ้นแตะ 4.2% ขณะเดียวกัน ตัวเลขการจ้างงานใน 3 เดือนล่าสุดถูกปรับทบทวนลดลงอย่างมาก เหลือการจ้างใหม่เฉลี่ยเพียง 35,000 ตำแหน่งต่อเดือน ต่ำกว่าระดับ 100,000 ตำแหน่งที่นักเศรษฐศาสตร์ใช้เป็นเกณฑ์ตลาดแรงงานคงที่ ซึ่งการลดลงนี้น่าจะมาจากอุปสงค์แรงงานที่อ่อนแรงลงอย่างมีนัยสำคัญ
แม้เจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่ยังระมัดระวังเรื่องการลดดอกเบี้ย เนื่องจากกังวลว่ามาตรการภาษีนำเข้าของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจกดดันเงินเฟ้อให้สูงต่อเนื่อง แต่โบว์แมนเชื่อว่าข้อมูลล่าสุดชี้ว่าความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ “ลดลง” โดยอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน PCE ในเดือน มิ.ย. ที่ 2.8% หากตัดผลกระทบจากราคาสินค้าที่เกี่ยวกับภาษีแล้ว จะใกล้เคียงเป้าหมาย 2% ของเฟดมากขึ้น
ทั้งนี้ มิเชล โบว์แมนยังมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เช่น การลดภาษีและผ่อนคลายกฎระเบียบ จะช่วยชดเชยผลกระทบด้านลบจากภาษีนำเข้า พร้อมระบุว่าความต้องการที่อยู่อาศัยอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินปี 2551 และแรงงานไม่ได้เป็นปัจจัยกดดันเงินเฟ้ออีกต่อไป
ทั้งนี้ เฟดยังเหลือการประชุมนโยบายการเงินอีก 3 ครั้งในปีนี้ คือ ก.ย., ต.ค. และ ธ.ค. โดยโบว์แมนยืนยันว่า แนวโน้มเศรษฐกิจ แรงงาน และเงินเฟ้อปัจจุบัน สอดคล้องกับความเสี่ยงที่เอนเอียงไปทางการจ้างงาน จึงควรเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจในระยะยาว