โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สังคม

เสียงจากไร่ข้าวโพด : หยุดวงจรราคาตกซ้ำซาก ถึงเวลาปรับตัวสู่การผลิตที่ยั่งยืน

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ตามที่ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประกาศให้ผู้รวบรวม หรือ พ่อค้าพืชไร่ต้องรับซื้อข้าวโพดจากเกษตรกรในราคากิโลกรัมละ 7.05 บาท สำหรับข้าวโพดที่มีความชื้นร้อยละ 30 และสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย พร้อมเปิดโรงงานรับซื้อ (ยกเว้นพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ผลผลิตยังไม่ออก) ถือเป็นมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร โดยเฉพาะเกษตรกรในจังหวัดเพชรบูรณ์ที่เผชิญปัญหาราคาผลผลิตอ่อนตัวลงหนักกว่าปีที่ผ่านมา จนหลายรายขายได้ในราคาขาดทุน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ยืนยันชัดเจนว่า ราคาข้าวโพดที่ตกต่ำในปีนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการนำเข้าจากสหรัฐฯ เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการเจรจาและกำหนดมาตรการนำเข้า หากจะมีการนำเข้าก็เป็นปีหน้า และมีเป้าหมายเพียงเพื่อทดแทนผลผลิตที่ไม่เพียงพอในประเทศเท่านั้น

ปัจจุบัน การผลิตข้าวโพดในประเทศทำได้ประมาณ 4.59 ล้านตัน แต่ความต้องการใช้จริงสูงอยู่ที่ประมาณ 9.2 ล้านตัน ปัญหาสำคัญจึงมาจาก กลไกตลาด ที่ผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมกันจำนวนมาก ทำให้อุปทาน (supply) สูงกว่าอุปสงค์ (demand) จึงเป็นธรรมดาที่ราคาจะปรับตัวลดลง

แถมในปีนี้ยังมีกระแสข่าวลือว่า โรงงานอาหารสัตว์จะหันไปนำเข้าข้าวโพดจากสหรัฐ และไม่รับซื้อผลผลิตในประเทศ ข่าวที่ไม่จริงนี้สร้างความกังวล กดดันให้เกษตรกรหลายรายแข่งกันขายผลผลิตออกไป ไม่มีอำนาจต่อรอง บวกกับการฉวยโอกาสของผู้ค้าบางราย ยิ่งซ้ำเติมปัญหาราคาที่ตกอยู่แล้วให้หนักขึ้นไปอีก

การซื้อขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แตกต่างจากสินค้าเกษตรทั่วไป เพราะโรงงานอาหารสัตว์รับซื้อข้าวโพดเมล็ดแห้ง ที่มีความชื้นมาตรฐาน 14.5% ในราคาที่กรมการค้าภายในกำหนดไว้ที่กิโลกรัมละ 9.80 บาท แต่คุณภาพของข้าวโพดที่เกษตรกรส่วนใหญ่เก็บเกี่ยว เป็นข้าวโพดที่สด มีความชื้นสูงถึง 30-33% ซึ่งไม่ตรงตามมาตรฐานของโรงงานอาหารสัตว์

เกษตรกรจึงไม่สามารถรับซื้อโดยตรงได้ ต้องอาศัยพ่อค้าพืชไร่หรือ ผู้รวบรวมเป็นตัวกลางในการอบแห้ง ทั้งการตากแดด และการใช้เครื่องอบ ก่อนขายต่อให้โรงงานด้วยความชื้นตามมาตรฐาน

สำหรับกรณีของเกษตรกรในเพชรบูรณ์ ที่เป็นพื้นที่ที่เริ่มปลูกข้าวโพดเร็วกว่าพื้นที่ปลูกอื่นๆ โดยเริ่มปลูกตั้งแต่เดือน เมษายน-พฤษภาคม และเก็บเกี่ยวในสิงหาคม-กันยายน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยังอยู่ในฤดูฝน

เช่นเดียวกับปีนี้ที่ในเดือนสิงหาคม ที่ยังมีพายุและฝนอยู่ เกษตรกรต้องรีบเก็บเกี่ยว เพื่อหลีกเลี่ยงผลผลิตเสียหาย ต้นข้าวโพดล้ม ทำให้ผลผลิตมีความชื้นสูง อีกทั้งยังมีต้นทุนเพิ่มจากการจ้างแรงงานเก็บข้าวโพดที่ล้ม ใช้รถไม่ได้ เมื่อรวมกับการหักค่าอบแห้ง และค่าขนส่ง ราคาที่เกษตรกรได้รับ จึงต่ำกว่าที่กรมการค้าภายในกำหนดไว้

มาตรการช่วยเหลือที่กำหนดราคารับซื้อขั้นต่ำที่ 7.05 บาท/กก. สำหรับข้าวโพดความชื้น 30% ถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นไม่ให้เกษตรกรถูกกดราคามากเกินไป แม้จะช่วยบรรเทาเฉพาะหน้า แต่ยังคงเป็นเพียงการแก้ปัญหาระยะสั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างตลาดและระบบการผลิตให้มีความยั่งยืน จึงทำให้เกษตรกรยังคงเผชิญปัญหาซ้ำซากเป็นวัฏจักรทุกปี

การสร้างความมั่นคงให้เกษตรกร ต้องแก้ที่ “รากของปัญหา” ไม่ใช่เพียงมาตรการกำหนดราคาขั้นต่ำเท่านั้น หากยังมีแนวทางที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ กระทรวงพาณิชย์ ต่างมองเห็นเป็นทางเดียวกัน ได้แก่

1. ลดต้นทุนการผลิต – ผ่านการปรับราคาปัจจัยการผลิต และส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเกษตรแม่นยำ เช่น การมีข้อมูลฝนตก การกำหนดวันปลูก-วันเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม และการวิเคราะห์ดิน เพื่อใช้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้เครื่องจักรที่ช่วยเพิ่มคุณภาพดิน

2. เพิ่มศักยภาพเกษตรกร เสริมองค์ความรู้ – ส่งเสริมการรวมกลุ่มเกษตรกร เพื่อการบริหารการใช้เครื่องจักรและเครื่องอบแห้งร่วมกัน สร้างเสริมความรู้ให้เกษตรกรพัฒนาการผลิต ปรับตัวรับความท้าทายต่างๆ

3. สร้างระบบตลาดโปร่งใสและเป็นธรรม – พัฒนาระบบการซื้อขายที่มีมาตรฐาน ต่อยอดมาจากการยกระดับคุณภาพของสินค้าได้ตรงตามมาตรฐาน สร้างเสถียรภาพของราคาสินค้า

ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่เกษตรกรได้รับในปัจจุบัน ไม่ใช่ผลจาก การถูกเอารัดเอาเปรียบ แต่เป็นผลของกลไกตลาด และคุณภาพผลผลิต บางครั้งอาจเจอการฉวยโอกาสของผู้ซื้อในบางพื้นที่

มาตรการกำหนดราคาเป็นเพียงการประคับประคองระยะสั้น สิ่งที่จะทำให้เกษตรกรอยู่ได้อย่างมั่นคงจริงๆ คือ การพัฒนาศักยภาพของเกษตรกร สู่ระบบการผลิตที่ยั่งยืน ลดต้นทุน ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ผู้ผลิตสินค้าเกษตรของไทย จึงควรมองไปไกลกว่าการรอ “ราคาประกัน” แต่หันมาร่วมกันสร้างความเข้มแข็ง ในการผลิตของเกษตรกร เพื่อให้ได้ราคาขายสินค้าที่สะท้อนคุณภาพ สร้างสมดุลกลไกการตลาด เป็นคำตอบสู่การทำเกษตรที่มั่นคงและเกษตรกรอยู่ได้อย่างแข็งแรงและยั่งยืน

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ฐานเศรษฐกิจ

ค่าเงินบาทปิดตลาดวันที่ 26ส.ค.ที่ระดับ 32.47 บาทต่อดอลลาร์

38 นาทีที่แล้ว

ถ่ายทอดสดวอลเลย์บอลหญิงไทย พบ เนเธอร์แลนด์ ศึกชิงแชมป์โลก 2025

51 นาทีที่แล้ว

ครม. ไฟเขียวงบฯ ปี 69 องค์กรร่วมไทย–มาเลเซีย 5.6 ล้านดอลลาร์ เดินหน้าแผนพัฒนาปิโตรเลียมต่อเนื่อง

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

คิกออฟ 30 บาทรักษาทุกที่ กระตุ้นศก.ฐานราก จ้าง Care Giver 1.8 หมื่นคน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสังคมอื่นๆ

ทิดอลงกต เปิดใจ รับรากเหง้าของตนเอง สวมชื่อเพื่อนรัก หวังหนีทหาร

สยามนิวส์

สึกแล้วสารภาพสิ้น! ที่แท้คือ 'จอร์จ เกรียงไกร' ใช้ชื่อเพื่อนรักบังหน้า หลอกทั้งวงการสงฆ์

THE ROOM 44 CHANNEL
วิดีโอ

ตั้งกรรมการสอบ “วัดพระบาทน้ำพุ” ส่อเจอตอ! คณบดีมจร.-นักวิชาการ ลั่น! พระทำงานช้า ถึงมือตำรวจ?

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์
วิดีโอ

หวิดโศกนาฏกรรม! เปิดนาทีบ้านยายถล่ม ต่อหน้าผู้ว่าฯชลบุรี

THE ROOM 44 CHANNEL

"คนไทย" ไม่ทนฮือรวมตัวร้องเพลงชาติขับไล่ "คนกัมพูชา" ออกจากแผ่นดินไทยที่บ้านหนองจาน

TOP NEWS ONLINE
วิดีโอ

เหลือจะเชื่อ! 'ทิดอลงกต' ฝากคำเทศน์สุดท้ายก่อนสิ้นผ้าเหลือง 'เตือนสังคมอย่าให้กิเลสนำทาง'

THE ROOM 44 CHANNEL

เพลิงไหม้รถเหมือง คนงานเข้าไปเคลียร์ เจอเหตุระเบิดซ้ำ บาดเจ็บสาหัส

สยามนิวส์

ครม. ไฟเขียวงบฯ ปี 69 องค์กรร่วมไทย–มาเลเซีย 5.6 ล้านดอลลาร์ เดินหน้าแผนพัฒนาปิโตรเลียมต่อเนื่อง

ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...