จากอู่ซ่อมเล็กๆ สู่การเป็นอาณาจักรระดับโลกของ "Honda" 1 ใน 4 ยักษ์ใหญ่แห่งญี่ปุ่น
การเดินทางจากอู่ซ่อมเล็ก ๆ สู่การเป็นอาณาจักรระดับโลกของฮอนด้า (Honda) คือเรื่องราวอันน่าประทับใจที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ ความเฉียบแหลม และนวัตกรรมอันไม่หยุดยั้ง
เมื่อพูดถึงรถมอเตอร์ไซค์ หลายคนย่อมนึกถึง 4 ยักษ์ใหญ่แห่งญี่ปุ่น ได้แก่ Honda, Suzuki, Kawasaki และ Yamaha
ด้วยเทคโนโลยีอันประณีต วิศวกรรมล้ำสมัย และคุณภาพที่เชื่อถือได้ แบรนด์จากญี่ปุ่นเหล่านี้จึงครองตำแหน่งสำคัญในตลาดรถมอเตอร์ไซค์ระดับโลก
ตามข้อมูลจาก Motorcycles Data บริษัทวิเคราะห์ตลาดมอเตอร์ไซค์ชื่อดัง ระบุว่า ยอดขายมอเตอร์ไซค์ทั่วโลกเมื่อปีที่แล้วเติบโตขึ้น 2.7% แตะที่ 61.8 ล้านคัน ซึ่งถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ฮอนด้านำโด่งด้วยยอดขาย 19.4 ล้านคัน คิดเป็น 31.4% ของส่วนแบ่งตลาด หรือพูดง่าย ๆ ว่า ในบรรดามอเตอร์ไซค์ทุก 3 คันทั่วโลก จะมีเกือบ 1 คันที่เป็น Honda
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2025 ฮอนด้ายังสร้างสถิติใหม่อีกครั้ง ด้วยยอดการผลิตมอเตอร์ไซค์สะสมทั่วโลกทะลุ 500 ล้านคัน ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญต่อจากสถิติ 100 ล้านคันในปี 1997, 200 ล้านคันในปี 2008, 300 ล้านคันในปี 2014 และ 400 ล้านคันในปี 2019
ฮอนด้า มอเตอร์ ก่อตั้งขึ้นในเดือนกันยายน ปี 1948 มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงโตเกียว และมีบริษัทย่อยกว่า 360 แห่ง ปัจจุบันดำเนินธุรกิจหลัก 4 ด้าน ได้แก่ มอเตอร์ไซค์, รถยนต์, บริการทางการเงิน, ผลิตภัณฑ์เครื่องยนต์และธุรกิจอื่น ๆ ฮอนด้าถือเป็น ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์รายใหญ่ที่สุดของโลก และยังติดหนึ่งในสิบ ผู้ผลิตรถยนต์รายสำคัญระดับโลก ด้วยจำนวนพนักงานกว่า 194,000 คน
ธุรกิจมอเตอร์ไซค์คือจุดเริ่มต้นของเส้นทางความสำเร็จของฮอนด้า
ผู้ก่อตั้งคือ โซอิจิโระ ฮอนดะ เกิดในปี 1906 ในครอบครัวช่างตีเหล็กที่ยากจน ณ หมู่บ้านโคเมียว อำเภออิวาตะ เมืองฮามามัตสึ ตั้งแต่วัยเด็กเขาหลงใหลในเครื่องจักรกล
เมื่ออายุเพียง 15 ปี เขาเดินทางไปโตเกียวเพื่อเป็นช่างฝึกหัดที่ Art Shokai และทำงานอยู่ที่นั่นถึง 6 ปี ด้วยความสามารถโดดเด่น เขาได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก อิคุซาบุโร ซากาคิบาระ ประธาน Art Shokai เพื่อกลับไปเปิดสาขาซ่อมรถยนต์ที่บ้านเกิด และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขามีรายได้ก้อนแรกในชีวิต
หลังสงครามโลก ญี่ปุ่นประสบปัญหาขาดแคลนพลังงานอย่างรุนแรง ผู้คนส่วนใหญ่ต้องหันมาใช้จักรยานเป็นพาหนะ แต่ด้วยสภาพถนนที่ขรุขระ ทำให้การเดินทางลำบาก โดยเฉพาะเมื่อบรรทุกสินค้า
ความต้องการพาหนะที่ สะดวก ประหยัด และใช้งานได้จริง จึงเพิ่มสูงขึ้น โซอิจิโระ ฮอนดะ มองเห็นโอกาสนี้ เขาซื้อเครื่องปั่นไฟขนาดเล็กจำนวนมาก มาดัดแปลงเป็นอุปกรณ์ช่วยขับเคลื่อนจักรยาน
“จักรยานติดเครื่อง” รุ่นนี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ต่อมาเขายังคงพัฒนาต่อเนื่อง จนสร้างสรรค์เครื่องยนต์สองจังหวะ ขนาด 50 ซีซี รุ่น A-type หรือที่เรียกว่า “เครื่องยนต์ทดลองหมายเลข 1” ซึ่งออกแบบมาเพื่อใช้กับจักรยานโดยเฉพาะ และนี่คือ ผลิตภัณฑ์แรกในนาม Honda ที่กลายเป็นรากฐานสำคัญในการผลิตมอเตอร์ไซค์จำนวนมากในเวลาต่อมา
ปี 1948 โซอิจิโระ ฮอนดะ ได้ก่อตั้ง Honda Motor Co., Ltd. อย่างเป็นทางการ และในปีถัดมาได้เปิดตัวมอเตอร์ไซค์รุ่นแรกที่ผลิตจำนวนมาก คือ Dream D-Type ซึ่งมาพร้อมโลโก้รูป ปีกนกอินทรี อันเป็นเอกลักษณ์ของฮอนด้า
ก้าวเข้าสู่ทศวรรษ 1950 ฮอนด้าเดินหน้าสร้างสรรค์รุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Dream E, Cub F, Benly J และ Super Cub C100 พร้อมทั้งเริ่มต้นการส่งออกไปต่างประเทศ ขยายธุรกิจสู่ระดับโลก
นอกจากนี้ ฮอนด้ายังเข้าร่วมการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ระดับโลก เช่นรายการ Isle of Man TT เพื่อพิสูจน์สมรรถนะและยกระดับชื่อเสียงของแบรนด์อย่างไม่หยุดยั้ง
ปลายทศวรรษ 1950 ฮอนด้าก้าวขึ้นเป็น ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์รายใหญ่ที่สุดของโลก จากนั้นได้เปิดตัวตระกูล “Superbike” อันโด่งดัง อาทิ CB750, CB750Four, GL1000 Gold Wing, XRV650 Africa Twin และ Fireblade ครอบคลุมหลากหลายสไตล์ ตั้งแต่รถใช้งานประจำวัน รถสปอร์ต จนถึงสายลุยออฟโรด
ปี 1963 ฮอนด้าเริ่มขยายสู่เวทีโลก โดยเปิดโรงงานผลิตแห่งแรกในต่างประเทศที่ประเทศเบลเยียม และยึดมั่นในปรัชญา “ผลิตในท้องถิ่น” จนปัจจุบันมี 37 โรงงานใน 23 ประเทศและภูมิภาค ด้วยกำลังการผลิตต่อปีมากกว่า 20 ล้านคัน
กลยุทธ์การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของแต่ละตลาดก็เป็นอีกกุญแจสำคัญ เช่น Super Cub ที่โดดเด่นด้านความประหยัดและทนทานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, Activa รถสกูตเตอร์ยอดนิยมในอินเดีย และ Gold Wing มอเตอร์ไซค์หรูหราสำหรับตลาดอเมริกาเหนือ
ด้วยกลยุทธ์นี้ ผนวกกับเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายกว่า 30,000 แห่งทั่วโลก ฮอนด้าจึงสามารถประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในระดับสากล
ในปีงบประมาณ 2024 (เมษายน 2024 – มีนาคม 2025) ฮอนด้ามีรายได้รวม 21.69 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้น 6.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 835.8 พันล้านเยน ลดลง 24.5%
ธุรกิจมอเตอร์ไซค์สร้างรายได้ 3.63 ล้านล้านเยน (ประมาณ 1.775 ล้านล้านหยวน) เพิ่มขึ้น 12.6% และมีกำไรจากการดำเนินงาน 663.4 พันล้านเยน เพิ่มขึ้นถึง 18.3%
กำไรจากมอเตอร์ไซค์สูงกว่า 2.5 เท่า ของธุรกิจรถยนต์ (243.8 พันล้านเยน) คิดเป็นสัดส่วนถึง 54.3% ของกำไรทั้งกลุ่ม จึงกลายเป็น เสาหลักด้านกำไรของฮอนด้า โดยมีอัตรากำไรจากการดำเนินงานสูงถึง 18.3% ขณะที่ธุรกิจรถยนต์ทำได้เพียง 1.7% เท่านั้น