Tomorrowland ทางลัดหมื่นล้านสู่การฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย กับคำถามถึงแต้มต่อที่ผู้จัดงานไทยไม่เคยได้รับ
หลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณ 2 พันล้านบาท เพื่อสนับสนุนการจัดงานเทศกาลดนตรีระดับโลก Tomorrowland ในประเทศไทย ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอีเวนต์และท่องเที่ยวไทย ต่างมองว่านี่คือ ‘สัญญาณบวก’ ที่สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดงานมิวสิกเฟสติวัลระดับโลก และเชื่อว่าจะสร้างอิมแพ็กต์ให้กับเศรษฐกิจไทยอย่างมหาศาล
หากย้อนดูความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา จะเห็นว่ามีหลายประเทศที่สนใจเป็นเจ้าภาพจัดงาน Tomorrowland ทั้ง จีน หรือแม้แต่ญี่ปุ่นเอง แต่ก็ยังไม่มีรายละเอียดหรือความคืบหน้าออกเพิ่มเติม แต่เพราะอะไร เจ้าของลิขสิทธิ์ถึงเลือกปักหมุดในไทย ซึ่งถือเป็นประเทศแรกของเอเชียเลยก็ว่าได้
THE STANDARD WEALTH มีโอกาสสัมภาษณ์ เกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) หรือผู้ที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมอีเวนต์มายาวนานและนายกสมาคมโรงแรมไทย ที่จะพาวิเคราะห์และไขคำตอบนี้ไปพร้อมกัน
Tomorrowland สนใจมา 5-6 ปีแล้ว
โดย เกรียงไกร ได้เริ่มต้นสนทนาว่า อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ เป็นหนึ่งในผู้ที่ติดตามความเคลื่อนไหวนี้มาตลอด สิ่งที่น่าสนใจคือ การเข้ามาของ Tomorrowland นั้นไม่ได้เกิดจากการเชิญชวนของรัฐบาลเท่านั้น แต่ผู้จัดงานมีแผนที่จะเข้ามาจัดงานในประเทศไทยมานานกว่า 5–6 ปีแล้ว
“ถามว่าทำไม Tomorrowland ต้องเลือกเข้ามาจัดงานในไทย แทนที่จะไปจัดที่จีน อินเดีย ญี่ปุ่น หรือเกาหลีใต้ โดยจากที่ อินเด็กซ์ ได้เคยพูดคุยกับทีมผู้จัด และทางทีมงานได้อธิบายเหตุผลที่เลือกไทย เป็นเพราะไทยมี DNA ที่สอดคล้องกับคาแร็กเตอร์ของ Tomorrowland คือความอิสระ เท่าเทียมทางเพศ และเปิดกว้างให้ผู้เข้าร่วมงานแสดงออกได้เต็มที่”
ที่สำคัญประเทศไทยเป็นหมุดหมายที่ต่างชาติให้ความสนใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และเมื่อมีการจัดงานเฟสติวัลใหญ่ๆ ก็ยิ่งจะทำให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติบินเข้ามาได้เพิ่มขึ้น และหากจัดในช่วงไฮซีซันของไทย เช่น ปลายปี ก็ยิ่งจะมีโอกาสเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวสูงขึ้นไปอีก
คาดปีแรกผู้จัดอาจจะไม่ได้ตั้งเป้าผู้เข้าร่วมงานถึงแสนคน
เกรียงไกรกล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาผู้จัดได้ศึกษาศักยภาพของซัพพลายเออร์และบริษัทต่าง ๆ ในไทยมาอย่างจริงจัง เพื่อตรวจสอบว่ามีทรัพยากรและมีความสามารถเพียงพอในการจัดงานหรือไม่ พร้อมกับศึกษาเรื่องความพร้อมด้านโรงแรม คมนาคมต่าง ๆ ซึ่งพื้นที่พัทยา จังหวัดชลบุรี ก็มีสนามบินอู่ตะเภารองรับได้อยู่แล้ว
เบื้องต้นคาดว่า ในช่วงแรกอาจการจัดงาน ต้องอาศัยทีมงานจากต่างประเทศเข้ามาช่วยดูแลโปรดักชัน โดยเฉพาะงานในส่วนดีไซน์ ซึ่งมองว่าทีมคงตั้งใจออกแบบธีมงานที่ผสมผสานวัฒนธรรมไทยเข้าไปร่วมด้วย เพื่อสร้างอัตลักษณ์ Tomorrowland Made in Thailand
ทั้งนี้ประเมินว่า แม้ปีแรกเจ้าของงาน Tomorrowland อาจจะไม่ได้ตั้งเป้าจำนวนคนเข้าร่วมงานถึงระดับแสนคน แต่ฝั่งผู้จัดเคยระบุว่าจะมีนโยบายจัดสรรการขายบัตร ประมาณ 40% จะให้กับคนในท้องถิ่น และอีก 60% สำหรับชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นโมเดลเดียวกับที่ทำในเบลเยียม แต่ก็ต้องรอดูว่าสัดส่วนจะมีการเปลี่ยนแปลงมากน้อยแค่ไหน และถ้างานตั้งเป้าตัวเลขคนเข้าร่วมแค่ 4 – 5 หมื่นคนก็ถือว่าเข้าเป้าและจะช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้แน่นอน
Tomorrowland เปรียบเสมือนทางลัดกอบกู้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย
เกรียงไกร ฉายภาพต่อไปว่า แม้ตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่างานที่จะจัดในไทยจะมีขนาดใกล้เคียงกับที่จัดในประเทศเบลเยียมหรือไม่ ก็ต้องรอดูกันอีกครั้ง แต่จากประสบการณ์ในฐานะผู้ที่เคยไปเข้าร่วมงานที่เบลเยียม พบว่า ภายในงานอลังการมาก มี 11 เวที
และบรรยากาศของงานถูกยกระดับให้เป็นเมืองพิเศษหนึ่งเมืองที่สร้างขึ้นมาเพื่อเทศกาลนี้โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านทำผม ร้านเสื้อผ้า ห้องน้ำ ไปจนถึงซูเปอร์มาร์เก็ต ทุกอย่างถูกออกแบบในธีมเดียวกัน
ภาพ : Facebook – Tomorrowland
สร้างความรู้สึกพรีเมียมและเหนือจริง ยิ่งถ้าเป็นบัตรราคาสูง ยิ่งจะได้ประสบการณ์ที่พิเศษกว่าเดิม ที่สำคัญบรรยากาศจะโชว์ความเป็นนานาชาติเด่นชัด ทำให้ที่ผ่านมาผู้เข้าร่วมงานหลายคนจะนำธงชาติของประเทศตัวเองมา จนทำให้งานนี้กลายเป็นเวทีที่คนจากทั่วโลกมารวมตัวกัน
เรียกได้ว่าเมื่อแลนด์มาร์กงานใหญ่เกิดขึ้นในไทยครั้งแรก ก็ถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวใหม่และยังได้สร้างสิ่งใหม่ ๆ ให้กับประเทศ ยิ่งในวันที่ตลาดท่องเที่ยวโลก ทุกประเทศต่างแข่งขันกันหาวิธีดึงนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแลนด์มาร์กใหม่หรือจัดโปรโมชันต่าง ๆ เพื่อดึงนักท่องเที่ยว
แต่ก็ต้องบอกว่า ข้อจำกัดของการสร้างแลนด์มาร์กใช้เวลานานกว่าจะเป็นที่นิยม ในขณะที่การจัดงานอีเวนต์ใหญ่ ๆ อย่าง Tomorrowland มีข้อได้เปรียบตรงที่สามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนและเกิดผลได้ทันที ซึ่งถือเป็น ‘ทางลัด’ ที่ทำให้ไทยมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวได้จำนวนมากภายในเวลาสั้นๆ
อีเวนต์ไทยสู้ไม่ไหว เมื่อรัฐให้แต้มต่อต่างชาติมากกว่า
อีกด้านหนึ่งของความเคลื่อนไหวทั้งหมด ในฝั่งผู้ประกอบการไทยที่อยู่ในอุตสาหกรรมอีเวนต์ กลับได้ตั้งคำถามเป็นเสียงเดียวกันว่า เหตุใดงานที่นำเข้าจากต่างประเทศถึงได้รับงบสนับสนุนจำนวนมาก ขณะที่งานที่จัดโดยผู้ประกอบการไทยกลับแทบไม่ได้รับการสนับสนุนเลย หรือได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“ผลที่ตามมาคือเมื่องานต่างชาติได้งบมากกว่า อาจส่งผลถึงภาพลักษณ์งานที่ออกมา จัดเต็ม แต่งานของคนไทยที่อาจมีงบน้อย อาจดูด้อยกว่า ทั้งที่ความจริงแล้วงานจะเล็กหรือใหญ่ ขึ้นอยู่กับการลงทุน แน่นอนว่าเมื่อต้นทุนต่างกันชัดเจน ทำให้ผู้จัดงานไทยสู้ไม่ได้อยู่แล้ว สิ่งนี้จึงถูกมองว่าไม่ต่างจากการให้แต้มต่อกับต่างชาติ” เกรียงไกร ย้ำ
พร้อมยกตัวอย่างว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคล้ายๆกับกรณีของ BOI ที่มักจะให้สิทธิประโยชน์กับนักลงทุนต่างประเทศ แต่ผู้ประกอบการไทยกลับไม่ได้รับสิ่งเดียวกัน และเมื่อผู้จัดต่างชาติมีทั้งเงินทุน ความเชี่ยวชาญ และสิทธิประโยชน์จาก BOI ยิ่งทำให้ผู้ประกอบการไทยเสียเปรียบ ถึงแม้จะพยายามพัฒนานวัตกรรมมากแค่ไหนก็ตาม แต่หากไม่มีแรงสนับสนุนหรือแต้มต่อเทียบเท่า ก็แทบจะไม่มีโอกาสเติบโตเลย
โรงแรมไทย มั่นใจงานใหญ่สร้างรายได้มหาศาล แต่แนะให้จัดช่วงโลว์ซีซัน
ด้าน เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย แสดงความเห็นกับ THE STANDARD WEALTH ว่า ถ้าหากงาน Tomorrowland มีกำหนดจัดขึ้นช่วงเดือนพฤศจิกายน–ธันวาคม ซึ่งปกติถือเป็นไฮซีซันที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากอยู่แล้วก็อาจทำให้โรงแรมหนาแน่นและอาจไม่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้เพียงพอ
โดยในช่วงดังกล่าวราคาที่พักและโรงแรมค่อนข้างสูง จึงอาจมีความเสี่ยงที่จะถูกร้องเรียนเรื่องค่าใช้จ่าย แต่ถ้าความชัดเจนของงานออกมาแล้ว ทางสมาคมธุรกิจโรงแรมก็จะมีการหารือกันอีกครั้ง เพื่อควบคุมระดับราคาและคุณภาพในการให้บริการ
แต่หากเป็นไปได้ ในมุมของผู้ประกอบการอยากให้งานจัดในช่วงโลว์ซีซันมากกว่า เนื่องจากจำนวนผู้เข้าพักและจำนวนนักท่องเที่ยวจะไม่หนาแน่นมาก และจะช่วยกระจายการท่องเที่ยวได้ดียิ่งขึ้น แต่ก็เข้าใจว่าต้องพิจารณาความเหมาะสมของกิจกรรมและกำหนดการโดยรวมก่อน
ทั้งนี้เชื่อว่าการจัดงานครั้งนี้จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่ม Gen Z เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น และจะสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการในพื้นที่ รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียงได้ด้วยเช่นกัน เพราะปกติที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาก็จะมีแผนเดินทางไปเที่ยวต่อในจังหวัดอื่น ๆ
“ที่สำคัญการที่ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงาน Tomorrowland ซึ่งถือเป็นงานที่โด่งดังไปทั่วโลก จะทำให้ไทยมีชื่อเสียงด้านดีมากขึ้น หลังจากที่มีกระแสข่าวลบอยู่บ่อยครั้ง” นายกสมาคมโรงแรมไทย ย้ำ
เปิดเหตุผลทำไม Tomorrowland ถึงกลายเป็นตำนานระดับโลก
เส้นทางของ Tomorrowland เทศกาลดนตรี EDM ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เริ่มต้นขึ้นในปี 2005 ที่เมืองบูม ประเทศเบลเยียม ใช้เวลานานกว่า 10 ปี กว่าจะเติบโตจนกลายเป็นอีเวนต์ระดับโลกที่มีผู้เข้าร่วมกว่า 400,000 คนต่อปี ชนิดว่าเปิดขายบัตรเมื่อไหร่ก็ขายหมดทันที
ภาพ : Facebook – Tomorrowland
สำหรับเสน่ห์ของงานอยู่ที่การจัดที่อลังการไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะเวทีหลัก (Main Stage) ถูกออกแบบให้เป็นงานศิลปะขนาดใหญ่ พร้อมธีมใหม่ทุกปี เช่น ธีมหนังสือในนิทาน ปราสาทเทพนิยาย หรือเมืองใต้ท้องทะเล ผสมผสานกับแสง สี เสียง ดอกไม้ไฟ และเทคนิคระดับโลก เพื่อทำให้ผู้ชมได้รับประสบการณ์เหมือนหลุดเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง
อีกหนึ่งจุดแข็งคือการรวมดีเจชื่อดังเอามาไว้บนเวทีเดียว เริ่มตั้งแต่ Martin Garrix, David Guetta, Armin van Buuren และ Dimitri Vegas & Like Mike ยิ่งทำให้งาน Tomorrowland กลายเป็นเป้าหมายของกลุ่มแฟนเพลง EDM ที่ต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต
ภาพ : Facebook – Tomorrowland
ปัจจุบัน Tomorrowland จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในเบลเยียม และที่ผ่านมาเคยขยายไปในสหรัฐอเมริกาและบราซิลมาแล้ว กระทั่งล่าสุดได้เข้ามาจัดในไทย ถือเป็นประเทศแรกในเอเชียเลยก็ว่าได้
รัฐบาล มั่นใจสร้างเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจกว่า 1.2 หมื่นล้าน
ด้าน สรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จับมือเจ้าของลิขสิทธิ์ Tomorrowland และพันธมิตรเอกชน เตรียมจัดเทศกาลดนตรีระดับโลก Tomorrowland อย่างเป็นทางการครั้งแรกในเอเชีย โดยใช้งบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลกว่า 2 พันล้านบาท โดยงานจะจัดขึ้นที่ Wisdom Valley พัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
ซึ่งหากได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) คาดว่าจะสามารถลงนามสัญญากับผู้จัดงานได้ภายในต้นเดือนกันยายน 2568 และเริ่มจัดงานจริงช่วงปลายปี 2569
สุดท้ายแล้วมองว่า Tomorrowland ถือเป็นหนึ่งในเทศกาลดนตรีที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก มีผู้เข้าร่วมหลายแสนคนทุกปี การที่ไทยได้สิทธิ์จัดงานนี้จะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) และวงการดนตรีระดับโลก พร้อมดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติกว่า 1 ล้านคนตลอด 5 ปี และคาดว่าจะสร้างเม็ดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท
ภาพปก:Mauricio Santana/Getty Images
อ้างอิง: