'ระบบขีปนาวุธไทฟอน' (Typhon) สหรัฐฯยกมาจ่อคอหอยจีน วางแนวที่ฟิลิปปินส์-ญี่ปุ่นเล็งเป้าปักกิ่งถึงเซี่ยงไฮ้
เบื้องหลังสถานการณ์
มีรายงานข่าวที่ว่า ในระหว่างการซ้อมรบร่วมที่ญี่ปุ่นในเดือนกันยายน กองทัพสหรัฐฯ วางแผนที่จะติดตั้งระบบขีปนาวุธพิสัยกลางไทฟอนในญี่ปุ่นและดำเนินการฝึกซ้อมที่เกี่ยวข้อง ระบบดังกล่าวจะถูกถอดออกหลังจากการซ้อมรบ
จากการรายงานของสำนักข่าวซินหัว กัวเจียคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นควรเคารพข้อกังวลด้านความมั่นคงของประเทศอื่นๆ งดเว้นการติดตั้งระบบขีปนาวุธไทฟอน และสนับสนุนสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคด้วยการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม
“จีนแสดงความกังวลอย่างมากในประเด็นที่เกี่ยวข้องหลายครั้ง จีนคัดค้านการที่สหรัฐฯ ติดตั้งระบบขีปนาวุธไทฟอนพิสัยกลางในประเทศแถบเอเชียมาโดยตลอด” กัวกล่าว และเสริมว่าการติดตั้งระบบขีปนาวุธไทฟอนในญี่ปุ่นจะยิ่งบ่อนทำลายผลประโยชน์ด้านความมั่นคงที่ถูกต้องตามกฎหมายของประเทศอื่นๆ และก่อให้เกิดภัยคุกคามร้ายแรงต่อความมั่นคงเชิงยุทธศาสตร์ในภูมิภาค
'ไทฟอน'คุกคามจีนได้แค่ไหน?
'ระบบขีปนาวุธไทฟอน' (Typhon missile system) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า 'ระบบการยิงระยะกลางเชิงยุทธศาสตร์' (SMRF) และได้รับการขนานนามว่า "ไทฟอน" เป็นเครื่องยิงจรวดขนส่งแบบตั้งตรงของกองทัพบกสหรัฐฯ ประกอบด้วยระบบยิงขีปนาวุธ 4 ระบบ, รถบังคับบัญชา 1 คัน, รถสนับสนุนการบรรจุขีปนาวุธ, รถยก, รถสนับสนุนกำลัง ฯลฯ ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ได้อย่างรวดเร็วในพื้นที่ขนาดใหญ่โดยใช้เครื่องบินขนส่งยุทธศาสตร์ C-17
ไทฟอนรอบรับขีปนาวุธมาตรฐาน SM-6 และโทมาฮอว์ก เพื่อโจมตีเป้าหมายต่างๆ ภายในระยะ 500 ถึง 2,000 กิโลเมตร ด้วยพิสัยการยิงนี้ขึงช่วยเติมเต็มช่องว่างอำนาจการยิงระหว่างขีปนาวุธพรีซิชั่นสไตรค์ (PrSM) ของกองทัพบกสหรัฐฯ ซึ่งมีระยะยิง 482 กิโลเมตร และดาร์กฮอว์ก ซึ่งเป็นอาวุธความเร็วเหนือเสียงพิสัยไกลที่มีระยะยิง 2,776 กิโลเมตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศ SM-6 ไม่เพียงแต่มีศักยภาพในการสกัดกั้นขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงเท่านั้น แต่ยังสามารถโจมตีภาคพื้นดินได้อีกด้วย ทำให้เป็นอาวุธโจมตีภาคพื้นดินที่มีความแม่นยำและใช้งานได้หลากหลายและมีราคาไม่แพงนัก
พลเอกกาวิน การ์ดเนอร์ ผู้บัญชาการกองบัญชาการยุทธการที่ 8 กองทัพบกสหรัฐฯ กล่าวว่า "ระบบขีปนาวุธภาคพื้นดินความเร็วเหนือเสียงเคลื่อนที่อย่างไทฟอน จะช่วยให้ผู้บัญชาการสหรัฐฯ สามารถกำหนดเป้าหมายเรือที่กำลังเคลื่อนที่ในทะเล เครื่องบินบนอากาศ หรือเป้าหมายบนบก โดยบูรณาการความสามารถเหล่านี้เข้ากับระบบโจมตีภาคพื้นดินแบบหลายโดเมนแบบใหม่"
ไทฟอนคือมีดที่เอาไว้จ่อคอจีน
ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2567 กองทัพบกสหรัฐฯ ได้ส่งกำลังพลไทฟอนจากหน่วย MDTF แรกไปยังฟิลิปปินส์ ซึ่งถือเป็นการส่งกำลังพลครั้งแรกในต่างประเทศ โดยส่งกำลังพลจากฐานทัพร่วม Lewis–McChord ผ่านเครื่องบิน C-17 Globemaster ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ไปยังสนามบินที่ไม่ระบุชื่อในลูซอนตอนเหนือสำหรับการฝึกซ้อมทางทหารร่วมในชื่อปฏิบัตืการ Salaknib 2024
เจ้าหน้าที่กองทัพบกสหรัฐฯ ระบุว่า จากตำแหน่งที่ตั้งของระบบไทฟอนบนเกาะในลูซอน ขีปนาวุธของไทฟอนสามารถครอบคลุมไม่เพียงแต่ช่องแคบลูซอนทั้งหมดเท่านั้น แต่ยังไปถึงชายฝั่งจีนและฐานทัพต่างๆ ของกองทัพปลดปล่อยประชาชนในทะเลจีนใต้ได้อีกด้วย เจ้าหน้าที่กลาโหมฟิลิปปินส์ระบุว่า ระบบนี้ไม่ได้ถูกใช้ในการฝึกซ้อมยิงจริง แต่กองทัพฟิลิปปินส์ได้รับการฝึกฝนเกี่ยวกับวิธีการจัดการและบำรุงรักษาระบบขีปนาวุธ ระบบนี้ยังถูกนำมาใช้ในการฝึกซ้อมที่บาลิกาตัน 24 อีกด้วย
ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารกล่าวว่า การส่งไทฟอนไปประจำการที่ฟิลิปปินส์เป็นส่วนหนึ่งของการปรับกลยุทธ์ของกองทัพสหรัฐฯ เพื่อต่อต้านการสะสมขีดความสามารถด้านขีปนาวุธของจีนในแปซิฟิก ด้านโฆษกกองทัพฟิลิปปินส์กล่าวว่าการติดตั้งระบบขีปนาวุธไทฟอนในฟิลิปปินส์อาจขยายออกไปเกินเดือนกันยายน พ.ศ. 2567 โดยอยู่ระหว่างการประเมินว่าการฝึกซ้อมบรรลุวัตถุประสงค์หรือไม่
ต่อมา เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2567 กองทัพฟิลิปปินส์ประกาศว่าพวกเขาวางแผนที่จะจัดหาระบบขีปนาวุธไทฟอน ท่าทีนี้ยิ่งสะท้อนว่าฟิลิปปินส์พร้อมที่จะซื้ออาวุธที่ทันสมัยเพื่อรับมือกับความขัดแย้งกับจีนเกี่ยวกับการอ้างสิทธิ์เหนือเกาะต่างๆ ในทะเลจีนใต้ อย่างไรก็ตาม การที่ไทฟอนมีพิสัยยิงไกลไปถึงจีน อาจทำให้จีนมีท่าทีที่แข็งแกร้าวต่อฟิลิปปินส์ยิ่งขึ้นไปอีก
พลเอกรอย มาบาโกส กาลิโด ผู้บัญชาการทหารบกฟิลิปปินส์คนปัจจุบัน ได้กล่าวในการแถลงข่าวว่า "เราวางแผนที่จะจัดซื้อระบบนี้ เพราะเราให้ความสำคัญกับความเป็นไปได้และการใช้งานจริงของระบบในแนวคิดการพัฒนาระบบป้องกันประเทศแบบหมู่เกาะของเรา" และในส่วนของการใช้ไทฟอนเพื่อรับมือกับกรณีพิพาทกับจีนนั้น กาลิโด กล่าวว่า "เราต้องการให้พวกเขา (จีน) นอนไม่หลับในยามค่ำคืน"
รายงานบนเว็บไซต์ U.S. Defense News ลงวันที่ 18 มีนาคม 2568 ระบุว่า สหรัฐฯ ถือว่าระบบขีปนาวุธภาคพื้นดินพิสัยกลางนี้เป็นปัจจัยสำคัญในการป้องปรามจีน และมีแผนที่จะติดตั้งเพิ่มเติมในภูมิภาคแปซิฟิก ในมุมมองปฏิบัติการ การส่งไทฟอนของกองทัพสหรัฐฯ ไปยังเกาะลูซอนในฟิลิปปินส์ จะทำให้ไทฟอนมีระยะครอบคลุมฐานทัพและสิ่งอำนวยความสะดวกสำคัญในกรุงปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ตามแนวชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของจีน และบนเกาะต่างๆ ในทะเลจีนใต้
ในขณะที่ฟิลิปปินส์ต้องการไทฟอนมา "ฟ้องกันตัวเอง" อีก "แนวรับ"ด้านหนึ่งของพันธมิตรสหรัฐฯ ในเอเชียก็เริ่มรับเอาไทฟอนมาใช้เช่นกัน นั่นคือ ญี่ปุ่น โดยเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2568 นาวิกโยธินสหรัฐฯ ประกาศว่าจะดำเนินการฝึกปฏิบัติการไทฟอนโดยไม่ใช้ขีปนาวุธที่ฐานทัพอากาศอิวาคุระของญี่ปุ่น และได้บรรยายสรุปให้หน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้องทราบ
แนวโน้มการใช้งานเพื่อ "ต้านจีน"
ปัจจุบันกองทัพบกสหรัฐฯ มีหน่วยปฏิบัติการพิเศษหลายโดเมน (MDTF) สามหน่วย โดยสองหน่วยประจำการอยู่ในแปซิฟิก (มีแผนจะจัดตั้งอีกห้าหน่วย โดยสามหน่วยจะมุ่งเน้นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก) กองกำลังเหล่านี้เป็น "แกนหลักของการป้องปรามและตอบโต้ความขัดแย้งกับจีนของกองทัพสหรัฐฯ" ในระหว่างการซ้อมรบร่วมระหว่างสหรัฐฯ-ฟิลิปปินส์ ชิลด์ ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2567 หน่วยปฏิบัติการพิเศษหลายโดเมนหน่วยแรกของกองทัพบกสหรัฐฯ (MDTF) ได้เดินทางไกลถึง 8,000 ไมล์เพื่อนำระบบขีปนาวุธพิสัยกลางไทฟอนชุดแรกไปประจำการที่เกาะลูซอนในฟิลิปปินส์ หน่วยปฏิบัติการพิเศษหลายโดเมนหน่วยที่สามของกองทัพบกสหรัฐฯ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ฮาวาย จะได้รับระบบขีปนาวุธพิสัยกลางไทฟอนชุดที่สองอย่างเป็นทางการในปีนี้ มีรายงานว่ากองทัพบกสหรัฐฯ วางแผนที่จะนำระบบไทฟอนอีกสามระบบไปประจำการที่ MDTF ระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ถึง พ.ศ. 2571
โดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better
*Photo - ระบบขีปนาวุธพิสัยกลางไทฟอนของกองทัพสหรัฐฯ (US Army/Public Domain)*