“ภูมิธรรม” ประชุม กคพ. รับคดีเรียกรับเงินต่อใบอนุญาตแรงงานเป็นคดีพิเศษ
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 16 สิงหาคม 2568 เวลา 0.19 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมททำเนียบ 15 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ประชุม กคพ. รับคดีเรียกรับเงินเพื่อต่อใบอนุญาตทำงานแรงงานกัมพูชาเป็นคดีพิเศษ และรับทราบความคืบหน้าคดีฮั้ว สว.
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ครั้งที่ 4/2568 โดยมี นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รองประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรรมการและเลขานุการ และคณะกรรมการคดีพิเศษ เข้าร่วมประชุมในวันนี้
ที่ประชุมรับทราบรายงานความคืบหน้าคดีพิเศษ ซึ่งเป็นที่สนใจของประชาชน ได้แก่ คดีที่เกี่ยวข้อง กับสมาชิกวุฒิสภาใน คดีพิเศษที่ 24/2568 กรณีการสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่กระทำความผิดฐานอั้งยี่ฯ ตามมาตรา 209 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นความคืบหน้าของการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2568 ถึงปัจจุบัน โดยได้มีการสอบพยานที่เกี่ยวข้องไป ทั้งสิ้น 90 ปาก มีการจัดทำเหตุการณ์จำลองทั้งสถานที่ใช้ในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา และกระบวนการคัดเลือก พร้อมขอรับภาพเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิดที่เกี่ยวข้องในวันเกิดเหตุจากหลายหน่วยงาน มีการตรวจสอบร่องรอยทางการเงินพบว่ามีความเชื่อมโยงกัน 1,200 คน
ทั้งนี้ เพื่อพิสูจน์ทราบความสัมพันธ์ของกลุ่มขบวนการได้มีการตรวจสอบข้อมูลโทรศัพท์ จากข้อมูลการสืบสวนพบว่ามีผู้ช่วยสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกวุฒิสภา เกี่ยวข้องในพื้นที่ 45 จังหวัด ทั้งนี้ การดำเนินการในลำดับต่อไปทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ เตรียมออกหมายเรียกผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภาอีก 1,200 คน เพื่อเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติม เนื่องจากทางคดี มีพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องค่อนข้างมาก กรมสอบสวนคดีพิเศษได้มอบหน่วยงานภายในสังกัดรวม 10 กองคดีที่เป็นคณะพนักงานสอบสวนเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ
นายจิรายุ ยังกล่าวว่าในเรื่องที่ 2 ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้คดีความผิดทางอาญาอื่น จำนวน 1 เรื่อง กรณี การกระทำความผิดของชาวไทยและชาวต่างชาติร่วมกันกระทำเป็นขบวนการหลอกลวงหรือกระทำด้วยวิธีการอื่นใด โดยเรียกรับเงินจากนายจ้างและแรงงานต่างด้าว เพื่อให้ได้รับการต่อใบอนุญาตทำงานในประเทศไทยอันมิชอบด้วยกฎหมาย ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 สำหรับแรงงานชาวกัมพูชาเป็นคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยจะเข้าสู่กระบวนการดำเนินการต่อไปตามมติที่ประชุมคดีพิเศษ.-314.-สำนักข่าวไทย