‘เดล MUT ภูเก็ต’ ไม่นอยด์คำวิจารณ์ ปมชาวเน็ตกัมพูชารุมเมนต์คลิปล้มเพราะคำแช่ง!
กลายเป็นเรื่องที่ชาวเน็ตบนโลกออนไลน์ให้ความสนใจไม่น้อย สำหรับค่ำคืนในการเก็บตัวการประกวด Miss Universe Thailand 2025 รอบชุดราตรีที่ผ่านมา ที่เกิดเหตุการณ์ “เดล-นฤมล พิมพ์ภักดี” ตัวแทนจากจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวเต็งของปีนี้และเป็นลูกครึ่งไทย-กัมพูชา ได้ล้มลงบนเวทีขณะเดินอวดโฉมในชุดราตรีสีเหลือง
ซึ่งต่อมาคลิปช่วงเวลานั้นได้นำมาเผยแพร่ในโลกออนไลน์ หลังคลิปถูกเผยแพร่ออกไป ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากชาวกัมพูชาที่เข้ามาแสดงความเห็นเชิงลบและสะใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมากมาย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด ในรอบการประกวด Queen Of Thai Silk ณ โรงแรม Angsana Convention & Exhibition Space สาว “เดล นฤมล” ก็ได้เปิดใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ด้วย
เดล นฤมล เผยว่า “ที่คนเข้ามาคอมเมนต์ก็เห็นอยู่ค่ะ เห็นแคปอยู่ ก็ยังสวยอยู่ค่ะ ส่วนใหญ่ก็มีคนแคปรูปมาคอมเมนต์ใน TikTok แล้วก็มีเขียนข้อความอะไรไม่รู้หนูอ่านไม่ออก (พิมพ์ภาษาเขมรส่วนใหญ่?) ใช่ค่ะ ก็รู้ว่าเขาเข้ามาซ้ำเติมแต่เราก็อ่านไม่ออก ก็โชคดีไป รู้สึกไม่นอยด์ค่ะ เดลยังไม่เห็นข้อความอะไรพวกนี้เลย แล้วก็รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่มันเกิดขึ้นได้ แล้วเป็นเรื่องปกติ ถ้าจะมีคำพูดอะไรพวกนี้เกิดขึ้นมา เดลก็เตรียมใจยอมรับไว้อยู่แล้ว เดลก็เลยไม่นอยด์ แล้วก็ไม่ได้เก็บมาคิดอะไรเลยค่ะ เดลว่าเดลไม่ได้คิดมากอะไรตรงนี้เลยจริงๆ ไม่ได้เก็บข้อความเหล่านี้มาคิด เพราะว่าสิ่งที่เราพูดออกไปเป็นความจริง แล้วก็สิ่งที่เขาต่อว่าเรากลับมาเป็นสิ่งที่เขาโกรธแค้นเรา เราก็เข้าใจได้ แต่ว่าเดลก็ไม่ได้เก็บคำพูดของเขามาคิดอยู่แล้ว เหตุการณ์ที่ล้มเกิดจากเวทีต้องขออนุญาตบอกว่าเวทีวันนั้นลื่นมากๆ ด้วยความหวังดีที่ทีมแม่บ้านอยากจะทำความสะอาดเวทีให้มันเงาขึ้นก็เลยขัดเวทีด้วยการแว็กซ์ มันก็เลยลื่น (ไม่เกี่ยวกับการแช่ง?) ไม่เกี่ยวค่ะ คำแช่งไม่ได้มาขัดขาก้าวเดิน (หัวเราะ)
ไม่หวั่นที่ถูกรุมค่ะ แต่กลับกันเพื่อเป็นเกียรติให้เดลมากกว่าว่าคอมเมนต์ใน TikTok ยิ่งดันเท่าไหร่ ไลก์ก็เยอะขึ้นเท่านั้น ไม่มีคนพาดพิงแล้วค่ะ น้อยลงแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นที่เดลมากกว่า เพราะว่าเดลยังเป็นคนที่อยู่ในสื่อยังอยู่ในกระแส เขาก็เห็น เขาก็มาคอมเมนต์ แต่ที่วันนั้นร้องไห้คือทุกคนเข้าใจว่าเรื่อง Performance ของเดลมันไม่น้อยหน้าใคร เดลตั้งใจทำทุกๆ โชว์ออกมาให้มันดี แต่พอเรากลายเป็นคนที่พลาด มันก็เลยรู้สึกเสียดาย แล้วก็รู้สึกว่ายังทำได้ไม่เต็มที่ อยากจะกลับไปแก้ไข แต่เดลก็กลับมามองว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันดีอยู่แล้ว ก็เลยได้แต่มูฟออนแล้วเดินไปข้างหน้าดีกว่า เดลไม่คิดว่าพี่กบพี่คิมจะผิดหวัง เดลรู้นิสัยของพ่อพ่ออยู่แล้วว่าเป็นยังไง พ่อพ่อก็ให้กำลังใจตลอด และเดลก็มองว่าวันนั้นที่เดลร้องไห้เพราะว่า หนึ่งคือตกใจ เราไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น สองเราตกใจมากๆ เรากำลังโฟกัสคนดูโฟกัสกับกล้องมันเกิดล้มลงไป เรากลัวว่าแฟนคลับจะนอยด์ไหม จะเสียใจไหมแบบนี้มากกว่า”
เดล นฤมล เผยว่า "ไม่เสียความมั่นใจเลยค่ะ ตอนที่ล้มลงไปตอนนั้นใจไม่ดี ตกใจ กลัวว่าจะเจ็บหลัง เจ็บข้อมือ แต่ว่าวันนั้นก็เจ็บที่ข้อมือกับหลังเล็กน้อย เท้าไม่เป็นอะไรปกติ แต่ก็ไม่มีผลอะไรกับการประกวด อุปสรรควันนั้นเกิดจากพื้นค่ะ มันเป็นจังหวะเลี้ยวซึ่งส้นสูงมันไม่ได้ตั้งฉาก 100% มันเอียงแบบนี้เลย มันก็เลยแฉลบลงไปเลย ล้มกระแทกแรงมาก มาเห็นวิดีโอย้อนหลังคือหัวหลุดเลย แต่ก็ไม่กลัวค่ะ ไม่ได้พะวง เพราะว่าวันนี้เดลก็ได้ซ้อมเดินกันหลายรอบเลยก่อนจะขึ้นเวทีจริง ซึ่งพื้นวันนี้ก็โอเคขึ้น แต่ว่าวันนี้ด้วยความที่เดลผิดพลาดเหยียบชุดตัวเองก็เลยสะดุดนิดหน่อย หลังจากนี้ก็ต้องจับทิศทางของชุดว่าชุดเรามีแพตเทิร์นแบบไหน ต้องเดินแบบไหน แล้วก็ต้องเกร็งข้อเท้าเกร็งข้อเข่ามากขึ้น ไม่อย่างนั้นก็จะกลายเป็นเราที่เจ็บเอง
ส่วนวันนั้นที่กลับไปเยี่ยมแม่แล้วขอเบิกเงินรางวัลล่วงหน้ากับพี่คิม คือมันอยู่ในช่วงที่พ่อกับแม่ไม่ได้ทำงาน ไม่ได้กรีดยางแล้วก็ไม่มีรายได้ ก็เลยรู้สึกว่าอยากที่จะส่งเงินให้แม่ได้ใช้ได้กิน เพราะว่าเราห่างจากการทำงานไปนาน ครอบครัวเราก็ไม่มีรายได้ทางอื่นเลย ก็อยากส่งเงินให้แม่ใช้เฉยๆ ไม่มีอะไรเลย ตอนที่จะตัดสินใจขอเงินจากพี่คิมก็คิดอยู่หลายวันค่ะกว่าจะกล้าตัดสินใจ บางครั้งกำลังจะกดส่ง ก็ยังไม่ส่งดีกว่า รู้สึกมันเกรงใจที่เราเคารพรักพ่อพ่อ แล้วพ่อพ่อก็ให้อะไรเรามาเยอะ เราก็เกรงใจไม่กล้าพิมพ์ แต่สุดท้ายเมื่อเราจำเป็นจริงๆ เราก็เลยส่งไป รายได้ตอนนี้ยังค่ะ ก็จะมีแฟนคลับจากในด้อมที่โดเนทมาทำแคมเปญต่างๆ มาทำป้ายไฟ แต่ว่ารายได้หลักๆ ตอนนี้คือมาจากการกดตะกร้าของทุกคน (เงินได้เอาไปให้คุณพ่อคุณแม่ไหม?) ให้ค่ะให้ตลอด และนี่ก็เพิ่งส่งเงินไปให้เพราะอยากให้เขามารอบไฟนอล"
เดล นฤมล เผยต่อว่า "สถานการณ์ตอนนี้ทางบ้านยังปกติ ใช้ชีวิตกันปกติ ตอนนี้โซนบ้านเดลปกติแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนกลับบ้านไปก็บอกแม่ว่าไม่ต้องกังวลไม่ต้องเป็นห่วง คือแม่จะชอบคิดมากเวลาเดลไลฟ์สด กลัวตื่นเต้นกลัวจะเงียบแล้วคนดูจะเบื่อ เดลก็บอกว่าไม่ต้องคิดมาก เดี๋ยวจะพยายามพัฒนาตัวเอง จะใช้คำพูดให้ดีขึ้น จะมองหาอะไรใหม่ๆ มาพัฒนาตัวเอง แม่ไม่ต้องคิดเยอะเลย แต่แม่ก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี ถ้าถามว่าการประกวดครั้งนี้จะเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นยังไงบ้าง นี่ก็เริ่มเปลี่ยนแล้วเอาจริงๆ รายได้จากการกดตะกร้าของทุกคน ค่าคอมมิชชั่นเดลเอาจริงๆ ได้เยอะกว่าเงินเดือนปกติที่เดลทำงานอีก มันก็เลยเปลี่ยนสถานะครอบครัวเดลให้ดีขึ้น ไม่ได้รวยมากแต่ก็พอกินพอใช้ไม่ขาดมือ
ส่วนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็อยากให้มันสงบสุขไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย หรือเกิดเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ เกิดขึ้น ที่จะเกิดการกระทบกระทั่งกันตามมา เพราะว่ามันไม่มีผลดีกับใครเลยการที่เกิดแบบนี้ พี่น้องที่อยู่ตามชายแดนตอนนี้ เดลเชื่อว่าทุกคนยังผวาอยู่ ยังกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย ก็อยากให้มันมีทางออกที่ทั้งสองฝ่ายได้เกิดความสงบสุข ไม่ว่าในรูปแบบใดก็อยากให้เจรจากัน เดลมองว่ามันคาราคาซัง จริงๆ มันสามารถพูดคุยกันได้ แต่ว่าเดลก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่ยอมคุยและมาหาทางออกร่วมกันอย่างชัดเจนอย่างตรงไปตรงมา เพื่อจะหาแนวทางให้มันจบจริงๆ สักที มันกลายเป็นว่าตอนนี้มันเรื้อรังจนมันหาที่จบจะไม่ได้อยู่แล้ว มันอยู่ที่เรื่องของผู้ใหญ่จริงๆ ผู้ใหญ่ต้องคุยกันแบบจริงจัง และให้คำนึงถึงประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดน ประชาชนที่อยู่ในประเทศ รวมถึงเศรษฐกิจที่จะตามมา คือมันส่งผลกระทบทุกอย่างภายในประเทศหมดเลย ก็อยากให้ลองพิจารณาแล้วก็คิดดูอีกทีว่าเราจะพูดคุยและเจรจากันยังไงได้บ้างในทั้งสองฝั่ง พอมันส่งผลระยะเวลานานๆ เรื่องหลายๆ อย่างที่มันจะเกิดผลเสียตามมามันมีอีกเยอะเลย"..