PTG ธุรกิจ “Non-Oil” โตแกร่ง ดันรายได้ครึ่งปีแรกทะลุ 1.13 แสนล้านบาท
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2568 (สิ้นสุด วันที่ 30 มิถุนายน 2568) ของบริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการเท่ากับ 113,903 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของธุรกิจ Non-Oil ที่มีรายได้จากการขายและการให้บริการจำนวน 10,961 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 34.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจากธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทย โดยมีรายได้จากการขายและการบริการที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญที่ 1,210 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 125.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นจำนวน 2,178 ล้านบาท
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดย ณ ครึ่งปีแรกปี 2568 มีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 1,642 สาขา เติบโต 59.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือเพิ่มขึ้น 614 สาขา เฉลี่ยเท่ากับการขยายสาขาประมาณ 1.7 แห่งต่อวันและเพิ่มขึ้น 295 สาขาเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2567
รวมถึงการกลับมาใช้บริการของกลุ่มลูกค้าสมาชิก และการจัดแคมเปญทางการตลาดที่มีออกมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมุ่งเน้นการพัฒนาเมนูที่มีเอกลักษณ์อีกทั้งเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ปรับแต่งเมนูเครื่องดื่ม เพื่อเพิ่มประสบการณ์เฉพาะตัวอีกด้วย
ในครึ่งปีแรกของปี 2568 บริษัทฯ มีสาขาของธุรกิจ Non-Oil (ไม่รวมสาขาธุรกิจ LPG) รวมทั้งสิ้น 2,606 สาขา เพิ่มขึ้น 885 สาขา หรือเติบโต 34.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้จากธุรกิจ Non-Oil คิดเป็นสัดส่วน 9.6% ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 7.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ขณะที่กำไรขั้นต้นธุรกิจ Non-Oil อยู่ที่ 2,849 ล้านบาท เติบโต 62.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยที่เติบโตโดดเด่นดังกล่าว
ทั้งนี้ จากการเติบโตที่โดดเด่นในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทฯ จึงได้ปรับประมาณการเติบโตของรายได้จากธุรกิจ Non-Oil (ไม่รวม LPG) สำหรับทั้งปี 2568 ขึ้นเป็น 50-60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากเดิม 40-50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และได้ปรับสัดส่วนกำไรขั้นต้นของธุรกิจ Non-Oil ขึ้นจากเดิม 30-35% เป็น 35-40% จากการขยายจำนวนสาขาอย่างก้าวกระโดด การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ การเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง และการพัฒนาแคมเปญเพื่อกระตุ้นการใช้บริการซื้อ โดยได้ตั้งเป้าการขยาย Touchpoints ให้ครบ 2,978 สาขาภายในสิ้นปี 2568 ประกอบด้วย ร้านกาแฟพันธุ์ไทย 1,947 สาขา และ Non-Oil Touchpoints อื่นๆ 1,031 สาขา
นายพิทักษ์กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลังยังคงมีศักยภาพเติบโตอย่างแข็งแกร่งจาก ธุรกิจ Non-Oil ที่เป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่สำคัญผ่านกลยุทธ์การขยายสาขาและการพัฒนาแบรนด์ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพของ กาแฟพันธุ์ไทย รวมถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของกลุ่มลูกค้าสมาชิก ที่มีความแข็งแกร่งในการใช้บริการภายใต้ ระบบนิเวศ Max World
ทั้งนี้ บริษัทฯ มุ่งมั่นในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม ด้วยการสร้างโอกาสในการทำงาน ยกระดับคุณภาพชีวิต และสนับสนุนการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ “อยู่ดี มีสุข” ซึ่งไม่เพียงแต่เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน แต่ยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และสนับสนุนการเติบโตขององค์กรในระยะยาว