มจพ. ผนึก ม.พะเยา ร่วม 5 เอกชน ปั้นหลักสูตรดันไทยสู่ฮับ AI อาเซียน
วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) นำโดย ศาสตราจารย์ ดร.ธานินทร์ ศิลป์จารุ อธิการบดี ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการร่วมกับ รองศาสตราจารย์ ดร.สุภกร พงศบางโพธิ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยพะเยา พร้อมพันธมิตรจากภาคเอกชน 5 ราย ประกอบด้วย Mr. Jie Zhao ผู้มีอำนาจลงนาม บริษัท อินเสปอร์ คลาวด์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (Inspur Cloud) คุณรัตนพล วงศ์นภาจันทร์ ประธานกรรมการฝ่ายบริหาร บริษัท สยามเอไอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด คุณเพชร วิจักขณา บริษัท เอไอ โซลูชั่น เบส จำกัด คุณเผด็จ เมธิยานนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ฟิวส์ วัน จำกัด คุณรุ่งนิรันดร์ ตั้งสุรกิจ บริษัท กรีน โฟลวส์ ดีเวลอปเมนต์ จำกัด โดยพิธีลงนามฯ จัดขึ้น ณ ห้องประชุมราชพฤกษ์ อาคารนวมินทรราชินี มจพ. โดยได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์พิเศษ อรรถพล ใหญ่สว่าง นายกสภามหาวิทยาลัยพะเยา พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากทั้งสองมหาวิทยาลัยและผู้บริหาร จากบริษัทเอกชนร่วมเป็นสักขีพยาน มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนการสอนในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีอัจฉริยะ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud Computing) ตลอดจนส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมและผลักดันงานวิจัยระดับสูงให้เกิดการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ เพื่อยกระดับขีดความสามารถของภาคเศรษฐกิจไทย และรองรับความต้องการของตลาดแรงงานทั้งในและต่างประเทศ
ศ.ดร.ธานินทร์ อธิการบดีกล่าวว่า มจพ. ได้ตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมในอนาคต ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มจพ. ได้มุ่งมั่นพัฒนาและขยายเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้เกิดการวิจัยและพัฒนาเพื่อนำเทคโนโลยีไปช่วยในการแก้ปัญหา และตอบโจทย์ความต้องการของภาคธุรกิจอุตสาหกรรมในประเทศ เพื่อยกระดับขีดความสามารถของภาคเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการพัฒนาองค์ความรู้และเตรียมความพร้อมไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในอนาคต
และ ดร. ณรงค์ชัย ใหญ่สว่าง นักวิชาการด้านเศรษฐกิจ พลังงาน และปัญญาประดิษ์ฐ ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ประสานงานหลักด้านวิชาการ ได้กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการระหว่างสถาบันการศึกษาและภาคเอกชนในครั้งนี้ จะเป็นการปูรากฐานกำลังคนของไทยในด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ตั้งแต่ห้องเรียนถึงหน่วยงานราชการ และสอดประสานกับคณะกรรมการ AI แห่งชาติในการกำหนดมาตรฐานและจริยธรรมด้าน AI ซึ่งจะช่วยพัฒนาคนที่เป็นกำลังสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้เจริญเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
ในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการทั้งจากมหาวิทยาลัยและภาคเอกชนไทย-จีนครั้งนี้ จะมุ่งมั่นพัฒนาหลักสูตรเชิงลึกด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ คลาวด์ การประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ในทุกรูปแบบ พร้อมการอบรมและถ่ายทอดองค์ความรู้ในมาตรฐานระดับสากลสู่คณาจารย์ นักศึกษา บุคลากรภาครัฐ–เอกชน และประชาชนทั่วไป ซึ่งผู้ผ่านการอบรมจะได้รับประกาศนียบัตรรับรองสมรรถนะด้าน AI รองรับแผนปฏิบัติการปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ ซึ่งเป็นกลไกหลักในการผลักดันอุตสาหกรรม 4.0 ของประเทศ โดยคณะทำงานมีพันธมิตรหลักด้านวิชาการมากมาย อาทิง Tsinghua University และ Peking University ที่พร้อมจะร่วมพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ในภูมิภาคอาเซียน Tsinghua University และ Peking University ของจีนเข้าร่วมฝึกสอนและให้การอบรม
และโดยเฉพาะบริษัท Inspur Cloud จะส่งผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติร่วมสอนและสนับสนุนการก่อตั้ง AI Labs มาตรฐานอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC), ศูนย์เรียนรู้ในทมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และมหาวิทยาลัยพะเยา รวมถึงพื้นที่ต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ โดยมุ่งหวังให้มีการสร้างศูนย์กลางสำหรับพัฒนาเทคโนโลยีต้นน้ำ ปลายน้ำ ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ ระบบประมวลผลประสิทธิภาพสูง ไปจนถึงโมเดล AI ขนาดใหญ่ พร้อมเปิดให้ภาคการศึกษาและภาคอุตสาหกรรมใช้ประโยชน์ร่วมกันเพื่อต่อยอดเชิงพาณิชย์และบริการสาธารณะ และผลักดันให้เกิดการสร้างการบูรณาการ และนวัตกรรมด้าน AI แก่ภาครัฐ อาทิ Chatbot ภาครัฐที่ให้บริการแก่ประชาชน ระบบวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคาดการณ์ และแพลตฟอร์มเอกสารอัจฉริยะ เพื่อลดขั้นตอนการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการของภาครัฐ ความร่วมมือนี้ครอบคลุมการประยุกต์ใช้ AI, IoT และ Big Data ในภาคเศรษฐกิจ เกษตร พลังงาน และโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลให้ทัดเทียมมาตรฐานทางวิชาการและการใช้งานจริงในระดับนานาชาติ
ในระยะถัดไป พันธมิตรทั้ง 7 ฝ่าย จะเร่งประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับภาครัฐ โดยเฉพาะคณะกรรมการปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ (National AI Committee) และหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง เพื่อออกแบบแผนบูรณาการเทคโนโลยี AI สู่ภารกิจภาครัฐทุกมิติ ตั้งแต่การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลให้สอดคล้องกับมาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยระดับสากล ไปจนถึงการพัฒนาหลักสูตร อบรม และเสริมสร้างสมรรถนะแก่ประชาชนชาวไทย ทั้งระดับเยาวชน และวัยทำงาน โดยมีเป้าหมายสร้างระบบนิเวศ AI ที่ยั่งยืน ใช้งานได้จริง และยึดหลักจริยธรรม เพื่อให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางปัญญาประดิษฐ์ของอาเซียนในระยะยาว