คำศัพท์-วลีฮิต ของชาวโซเชียล รับ ‘วันภาษาไทยแห่งชาติ 2568’

“วันภาษาไทยแห่งชาติ” ตรงกับวันที่ 29 ก.ค. ของทุกปี ถูกตั้งเพื่อสร้างความตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของภาษาไทย พร้อมทั้งร่วมกันส่งเสริมและอนุรักษ์ภาษาไทย อันเป็นเอกลักษณ์และสมบัติทางวัฒนธรรมของประเทศไทย

ในแต่ละปี มีคำศัพท์และวลีฮิตเกิดใหม่มากมาย เพื่อให้สามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มอรรถรส ส่วนใหญ่แล้วมาจากโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะ TikTok และ X ที่เป็นฐานทัพของเหล่าแฟนด้อมต่าง ๆ คิดคำขึ้นมาใช้ในกลุ่ม แต่ก็กลายเป็นคำฮิตขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

เนื่องในโอกาส “วันภาษาไทยแห่งชาติ” จึงถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่ “กรุงเทพธุรกิจ” จะรวบรวม 14 คำศัพท์ที่นิยมใช้ในโลกออนไลน์ประจำปี 2568 มาให้ผู้อ่านได้รับรู้ถึงความหมาย และลองนำไปใช้ตาม

ขอบคุณที่ทำให้หุบยิ้ม ในวันที่ยิ้มได้

เคยเป็นไหมที่กำลังมีความสุขอยู่ดีแท้ ๆ แต่ดันมาเจอกับเหตุการณ์วุ่นวาย หรือมีตัวปัญหาก่อเรื่องให้ปวดหัว ทำลายวันดี ๆ ไปจนหมดสิ้น ชาวโซเชียลก็มีประโยคไว้บรรยายสถานการณ์แบบนี้ว่า “ขอบคุณที่ทำให้หุบยิ้ม ในวันที่ยิ้มได้” ซึ่งเป็นการล้อมาจากประโยคที่ว่า “ขอบคุณที่ทำให้ยิ้มได้ ในวันที่ยิ้มไม่ออก”

คนไทยด้วยกัน อะไรยอมได้ก็อย่าไปยอม

คนไทยมีเลือดนักสู้อยู่ในตัว สมกับที่เป็นลูกพระเจ้าตาก เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดเรื่องอะไร ชาวเน็ตก็จะส่งกำลังใจ ให้พร้อมบวก ด้วยประโยค “คนไทยด้วยกัน อะไรยอมได้ก็อย่าไปยอม” ยิ่งถ้าไม่ใช่ฝ่ายที่ผิด หรือหาเรื่องก่อนด้วยแล้ว เรื่องอะไรจะต้องไปยอมให้ถูกเอาเปรียบ เพราะถ้ามัวแต่ให้อภัย แล้วเมื่อไหร่จะได้แก้แค้น!

อย่างไรก็ตาม ประโยคเหล่านี้ส่วนมากมักใช้ในเชิงขำขัน ไม่ได้จริงจัง แต่ก็แสดงให้เห็นว่าบางทีการที่เป็นคนใจดี พร้อมประณีประนอมตามนิสัยคนไทย ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมาเอาเปรียบกันได้ เหมือนกับที่มุนินทร์ลุกขึ้นมาสู้กับนพนภาแทนมุตตา พร้อมกับประโยคสุดคลาสิกที่พูดว่า “มุตตาไม่ใช่เหยื่อของแกอีกต่อไป” เพราะถึงอย่างไร “ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด”

ชีเสิร์ฟ

เมื่อตอนที่ “โอปอล - สุชาดา ช่วงศรี” เจ้าของตำแหน่ง Miss Universe Thailand เข้าเก็บตัวในประกวด Miss Universe 2024 ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีวันไหนที่ไม่เต็มที่ จัดเต็มทั้งหน้าทั้งผม ชุดก็สวยสง่า ไม่เสียชื่อสายสะพายประเทศไทย ซึ่งได้ใจแฟนนางงามชาวไทยอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มแฟนคลับที่ตามไปเชียร์กันถึงโรงแรมที่เก็บตัว ที่เมื่อเจอโอปอลก็จะพูดประโยคว่า “ชีเสิร์ฟ” และ “ชีป้อน” ซึ่งหมายถึง มอบสิ่งที่แฟน ๆ ต้องการอย่างเต็มอิ่มจุใจ

ชีเสิร์ฟกลายเป็นที่พูดถึงอย่างมากในช่วงต้นปี 2025 หลังจากที่ “บิวกิ้น - พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล” เอาคำนี้มาพูดแบบร้อนวิชา พูดไม่หยุด จนอยากรู้ความหมายว่าคำนี้มาจากไหน แปลว่าอะไร หลังจากนั้นคำนี้ก็ถูกนำไปใช้ในหลายวงการ จะเปลี่ยนคำนามจาก “ชี” (She - ผู้หญิง) เป็น “ฮี” (He - ผู้ชาย) เป็น “ฮีเสิร์ฟ” ใช้ได้หลากหลายยิ่งขึ้น รวมถึงสาววายเช่นกัน ที่ใช้ทั้งเสิร์ฟ ทั้งป้อน เวลาที่เมนคือคู่จิ้นมอบโมเมนต์แบบเสิร์ฟให้ถึงที่ โดยไม่ต้องร้องขอ

เซรั่มนารา

“เซรั่มนารา” เป็นอีกหนึ่งคำศัพท์ที่มาแรง ซึ่งมีที่มาจากสินค้าเซรั่ม ของ “นารา เครปกะเทย” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เจ้าตัวทำออกมาขายจริง โดยคำนี้เริ่มเป็นที่รู้จักจากไลฟ์ของ “มิกซ์ เฉลิมศรี” ร่วมกับ นารา ที่คอยพูดโปรโมทสินค้าอยู่ตลอดเวลา จนทำให้ผู้คนหลอนหู จะนำมาใช้เรื่อยมา ดังนั้นคำนี้จึงใช้อวยสิ่งต่าง ๆ ว่า ดีมาก เริ่ดมาก ให้ดูเกินจริง แต่หลังจากนั้น เซรั่มนารา ถูกใช้เป็นคำสร้อย คำต่อท้ายเฉย ๆ หรือจะใช้บรรยาย อธิบายได้หมดทุกสถานการณ์ คล้ายกับนาราที่หาโอกาสขายของได้ตลอดเวลานั่นเอง

เติมเก

กว่าจะใช้ชีวิตผ่านไปได้ในแต่ละวันไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ว่าจะวัยใดก็ตาม ตื่นเช้ามาก็ต้องฟันฝ่ากับรถติดเพื่อรีบไปทำงานหรือไปเรียน ไหนจะความเครียดระหว่างวันจากการทำงาน พอตกเย็นก็ต้องเผชิญกับการจราจรติดขัดอีก ถึงบ้านก็แทบหมดแรง ไม่มีแรงใจจะทำอะไร สำหรับสาววายแล้วการเสพคอนเทนต์วาย จึงเป็นการเพิ่มพลังชีวิตให้มีแรงใช้ชีวิตในวันถัดไป

“เติมเก” จึงเป็นการเพิ่มพลังชีวิตด้วยการเสพคอนเทนต์วาย ไม่ว่าจะเป็นภาพ คลิป อ่านนิยาย ดูซีรีส์วาย หรือแม้แต่แอบจิ้นเงียบ ๆ คนเดียวก็ช่วยได้ทั้งนั้น ในขณะเดียวกันในกลุ่ม LGBTQ+ ก็มีคำศัพท์ว่า “ดมเก” ซึ่งหมายถึงการได้อยู่ใกล้ชิดกับเกย์ เปรียบเสมือนกับการดมยาดม ที่แค่ได้อยู่ด้วยแล้วก็ชื่นใจ พลังชีวิตเพิ่ม

พลังบวกเชิงลบ

ใคร ๆ ก็ย่อมอยากได้รับ “พลังบวก” ด้วยกันทั้งนั้น เพราะในโลกความจริงที่โหดร้ายและสูบพลังชีวิตไปได้ตลอด จนบางทีก็ไม่สามารถสร้างพลังบวกด้วยตนเองได้ ดังนั้นการได้รับกำลังใจดี ๆ จะช่วยมีชีวิตที่สมดุล สุขภาพจิตดี และแรงใช้ชีวิตได้ต่อไป

แต่ในบางครั้งกลับได้รับ “พลังบวกเชิงลบ” หมายถึง คำพูดที่ฟังดูเหมือนให้กำลังใจ หรือคำชม แต่พอฟังดูดีแล้ว นี่มันหลอกด่ากันนี่ คล้าย ๆ กับตบหัวแล้วลูบหลัง แต่อันนี้เป็นลูบหลังแล้วตบหัว ซึ่งบางทีก็ไม่ได้รุนแรงแค่ระดับลบ แต่มาเป็นพลังบวกเชิงหารด้วยซ้ำ

พี่ฟังก่อน

ก่อนหน้านี้ มีคลิปของพลเมืองดีที่เก็บโทรศัพท์ได้ หวังจะโทรคืนเจ้าของ เเต่ปลายสายกลับไม่ฟังอีร้าค่าอีรม พูดด่าไม่หยุด เพราะเข้าใจว่าจะขโมยโทรศัพท์ ทำเอาฝ่ายคนโทรแจ้งเดือด พูดกลับไปว่า “ฟังก่อน พี่ฟังก่อน พี่ฟังก่อน ฟังก่อน ฟังก่อน ฟัง ฟัง ฟัง ฟัง กูบอกให้มึงฟังกูก่อน!!”

คลิปนี้จึงกลายเป็นไวรัล ผู้ชมต่างเห็นใจฝ่ายพลเมือง และได้ใช้วลี “พี่ฟังก่อน” ในกรณีที่อีกฝ่ายเข้าใจผิด แล้วต้องการให้หยุดพล่าม ฟังเรื่องจริงก่อน

แพ้เสียงในหัว

บางครั้ง คนเราก็เผลอทำอะไรที่ไม่รู้ว่าทำไปทำไม เช่น เดินไปตบถุงข้าวตามห้างสรรพสินค้า ต้องไปตบให้มันแบน ๆ ซะหน่อยจะได้สบายใจ และแน่นอนว่าพฤติกรรมนี้ไม่ได้เป็นแค่คนไทย แต่เป็นกันทั่วโลก จนมีมออกมาหลากหลายภาษา พฤติกรรมประเภทนี้ชาวเน็ตเรียกว่า “แพ้เสียงในหัว” ที่แม้จะพยายามห้ามใจตัวเองแล้ว แต่ก็ยังทำลงไปจนได้

เสียงในหัวที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ บางครั้งเรียกว่า “เสียงในใจ” (Inner Monologue) สามารถเกิดขึ้นระหว่างการใช้ความคิด ซึ่งเป็นกลไกการคิดของสมองที่ทำให้ได้ยินเสียงตัวเอง ถ้าเป็นพฤติกรรมที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครอย่างการไปตบถุงข้าว ก็ไม่เป็นไร แต่หลายครั้งที่คนในโซเชียลมักเอาประโยคแพ้เสียงในหัวมาอ้าง เพื่อจะด่ากราด กลั่นแกล้ง หรือทำร้ายคนอื่น ทั้งที่รู้ว่าพฤติกรรมเหล่านี้เป็นเรื่องผิดและไม่ควรทำอย่างยิ่ง

อย่างไรก็ตาม หากเสียงในหัวเริ่มผิดปรกติ เช่น มีอาการหูแว่ว ได้ยินเสียงที่ไม่มีอยู่จริง หรือเสียงในหัวเริ่มรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพจิต เช่น โรคจิตเภท หรือภาวะอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับจิตใจได้เช่นกัน

ฟังนะ

ชาวเน็ตจะพูดคำว่า “ฟังนะ” เพื่อเรียกความสนใจจากผู้คน ซึ่งมักจะใช้กับเรื่องสำคัญ อันที่จริงคำนี้ไม่ใช่คำที่คิดขึ้นใหม่ แต่ในระยะหลังเป็นคำที่ชาวโซเชียลใช้บ่อย เนื่องจากเป็นคำพูดติดปากของ “ป้าตือ สมบัษร ถิระสาโรช” หรือ “น้องลูกตือ” ออแกไนซ์มือทองของไทย ที่วันนี้กลายมาเป็นไอดอลแห่งโลกออนไลน์

แว่นท็อปเจริญ

“แว่นท็อปเจริญ” ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงร้านแว่นตาแต่อย่างไร แต่คำนี้เป็นศัพท์ของสาววายที่สร้างมาจาก ใส่แว่น + ท็อป (เป็นรุก) + เจริญ เมื่อรวมกันแล้วจึงหมายถึง หนุ่มตี๋ใส่แว่น รูปร่างหน้าตาดี ภูมิฐาน ดูแล้วเจริญหูเจริญตา และมีสถานะ (หรือถูกวางไว้ว่าเป็น) “รุก” ซึ่งมีความหมายเดียวกับ “ท็อป” (Top) บทบาททางเพศของกลุ่มชายรักชาย โดยที่ไม่จำเป็นว่าคนที่ถูกเรียกจะเป็นกลุ่ม LGBTQ+ สามารถใช้กับนักแสดง ไอดอล และคู่จิ้นทุกเพศ

เมื่อมีฝ่ายรุกแล้วก็ต้องมีคำเรียกของฝ่ายรับที่คล้องจองกัน นั่นก็คือ “แว่นบิวตี้ฟูล” นอกจากนี้ด้วยความสร้างสรรค์ของสาววายยังมีคำเรียกอื่น ๆ ที่เข้าคู่กันอีก เช่น เบอร์เกอร์คิง - เดลี่ควีน, ยูเมะพลัส - บัตรเคะดิต, เมะโดนัลด์ - เคะเอฟซี, เมะการอง - คัพเคะ

แม้จะเป็นคำเรียกกันขำ ๆ สนุกสนาน แต่คำเรียกเช่นนี้ ก็เป็นการนำความสัมพันธ์ชายหญิงมาครอบความสัมพันธ์ของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศด้วยการกำหนดบทบาททางเพศ ให้ฝ่ายที่เป็นรุกยึดโยงกับความเป็นชาย และฝ่ายรับต้องมีความเป็นหญิง เป็นขั้วตรงข้ามกันเสมอ ทั้งที่ในโลกความเป็นจริงไม่ได้มีอะไรผูกขาดแบบตายตัวแบบนั้น

ลิลลี่ยูจะบังพี่ทำไม

“The Face Thailand” รายการเรียลลิตี้ที่สร้างมีมมาตั้งแต่เริ่มออกอากาศ และยังคงถูกนำมาใช้อย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน แม้ตอนนี้รายการจะมีซีซั่นใหม่ “The Face Thailand Season 6” แล้ว แต่มีมจากซีซั่น 2-3 ก็ยังคงถูกนำมาใช้อย่างต่อเนื่อง สมกับการเป็นรายการระดับตำนาน

ในปี 2025 หนึ่งมีมจาก The Face Thailand ที่โดดเด้งขึ้นมา จนมีคนเอาไปคัฟเวอร์มากที่สุด คือ “ลิลลี่ยูจะบังพี่ทำไม” มาจาก “The Face Thailand Season 2” ในอีพี 7 ซึ่งเป็นตอนที่ทีมบีทำแคมเปญถ่ายแบบ แล้ว “ลิลลี่ ณิชภาลักษณ์” เผลอไปบัง “ติช่า กันติชา” ที่อยู่ข้าง ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้ติช่าพูดขึ้นว่า “ลิลลี่ยูจะมาบังพี่ทำไม world never know หน้าช่าเป็นยังไงไม่มีใครทราบ เพราะลิลลี่บังพี่!”

ด้วยคำพูดบ่นติดตลกของติช่า จึงทำให้คนต่างเอ็นดู และนำมาใช้ต่อในชีวิตประจำวัน กรณีที่โดนแย่งซีนและต้องการตัดพ้อ

หนูเป็นคนไทย มีบัตรประชาชน ร้องเพลงชาติได้

เรื่องดราม่าเกิดขึ้นได้ทุกวัน ทุกเวลา หลายครั้งที่มีหลายเรื่องราวเกิดขึ้นพร้อมกัน จนชาวเน็ตตามไม่ทัน หรือบางทีก็ให้คำใบ้อักษรย่อที่ยากจนเกินไป เดาไม่ออก แต่ด้วยความอยากรู้อยากใส่ใจที่ติดตัวคนไทย จึงทำให้เกิดวลี “หนูเป็นคนไทย มีบัตรประชาชน ร้องเพลงชาติได้” ขึ้นมาเพื่อขอให้คนที่รู้เรื่องช่วยมาเล่าแจ้งแถลงไข เฉลยเรื่องราวให้ฟังหน่อย เพราะขึ้นชื่อว่าคนไทยย่อมไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว

“เกิดอะไรขึ้นคะ เพชรถามว่าเกิดอะไรขึ้น” ก็เป็นอีกหนึ่งประโยคที่ชาวเน็ตใช้ในกรณีที่เกิดเรื่องขึ้นมาแล้วอยากใส่ใจ ซึ่งเป็นประโยคไวรัลจากเน็ตไอดอล “เพชร ปากปลาร้าหน้าเป๊ะ” เป็นคนพูด

อาศัยจังหวะชุลมุน

“อาศัยจังหวะชุลมุน” ชาวโซเชียลมักใช้ในสถานการณ์ที่เกิดการฉวยโอกาสในช่วงที่เกิดความวุ่นวายโกลาหล สับสนวุ่นวาย เพื่อทำบางสิ่งบางอย่างให้ตัวเองได้ประโยชน์ ซึ่งได้ทั้งเหตุการณ์ที่เป็นบวกและลบ และในกรณีที่พูดถึงบุคคลที่สาม หรือหมายถึงตัวเอง เช่น เนียนขายเมนตัวเอง ฉวยโอกาสแทะโลม แต๊ะอั๋งคนอื่น (ซึ่งมักจะใช้กับคู่จิ้นของตน) หรือแม้กระทั่งโจมตีคนอื่น ลักลอบทำสิ่งไม่ดี

ฮ็อบ

อีกคำที่พบได้บ่อยในช่วงนี้ “ฮ็อบ” (อาจจะสะกดว่า ฮอบ หรือ ฮ็อป) ฮ็อบ คือ เป็นอาการที่ฟินกับโมเมนต์ของเมนแต่ต้องกลั้นเอาไว้ เพราะอยู่ในที่สาธารณะหรืออยู่ต่อหน้าเมน เลยต้องพยายามฮึบไว้ไม่แสดงออกมา โดยเวลาที่พยายามจะกลั้นความฟิน หรือฝืนยิ้ม จะมีเสียงออกมาว่าฮ็อบ

คำนี้ถูกนำมาใช้ในวงกว้าง และมีเพลงที่ชื่อว่า “ฮ็อป ฮ็อป ฮ็อป (STOP CLOCK)” ซึ่งเป็นเพลงประกอบซีรีส์ “เปิดเทอมใหม่ หัวใจหัดรัก Boys in Love” ร้องโดย “โชกุน พุทธิพงษ์ จิตบุตร” และ “แอสตัน รติภัทร เหลืองวรพันธ์” หรือ “โชกุนแอสตัน”

นอกจากฮ็อบแล้วอีกคำที่มีความหมายใกล้กัน คือ “เหยิน” ซึ่งเป็นคำกริยาที่แสดงถึงอาการ เขินแบบหุบปากไม่ได้ มันฟินมากจนฟันเขยินออกมา มักใช้คู่กับ “ค้นหาคลินิกจัดฟันใกล้ฉัน” มักใช้ในสถาการณ์การที่เมนหรือคู่จิ้นมีโมเมนต์ร่วมกัน หรือทำให้ตื่นเต้น ขวยเขิน

คลินิกจัดฟันใกล้ฉัน คือ เวลาที่เมน หรือคู่ชิปทำกิจกรรม แสดงกิริยาอะไรก็ตามที่ทำออกมาแล้วสาววายเขิน รู้สึกยุบยิบในใจ ฟินจนเก็บอาการไม่อยู่ จนเก็บฟันออกมา จนต้อง “ค้นหาคลินิกจัดฟันใกล้ฉัน” เพื่อไปทำฟันใหม่ ซึ่งเป็นการเปรียบเปรยว่า ฟินไม่ไหวแล้ว เขินตัวแตก บางครั้งก็ถูกย่อลงเหลือ “คลินิกจัดฟันใกล้ฉัน”

ภายหลังคำว่า …ใกล้ฉัน ก็ถูกนำไปใช้กับสถานการณ์อื่น ๆ ด้วย เช่น สีหน้าใหม่ใกล้ฉัน คือ เก็บอารมณ์ไม่อยู่ อยากได้สีหน้าใหม่ สมองใหม่ใกล้ฉัน คือ สมองไหลแล้ว ไม่สามารถรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ เพื่อนใหม่ใกล้ฉัน คือ เพื่อนไม่น่าคบ อยากได้เพื่อนใหม่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใกล้ฉัน คือ ไม่มีที่พึ่งแล้ว ช่วยลูกช้างด้วย

กราฟิก: รัตนากร หัวเวียง