ตรัง โคตรังผวา ยื่นกมธ.วุฒิสภา ต้านนำเข้าชิ้นส่วนโคสหรัฐแลกดีลภาษีทรัมป์ โอดราคาดิ่งโคตัวร่วงเหลือ 60บ./กก. เจ๊งระนาว วอนรบ.ส่งเสริมโรงงานแปรรูปโคพรีเมี่ยม
ตรัง-โคตรังผวา ยื่นกมธ.การเกษตรวุฒิสภา ต้านนำเข้าชิ้นส่วนโคสหรัฐแลกดีลภาษีทรัมป์ โอดปัจจุบันวิกฤตหนัก พิษราคาดิ่งโคตัวร่วงเหลือ 60บ./กก. ต่ำกว่าทุน เจ๊งระนาว แนะนำเข้าพ่อแม่พันธุ์แทน วอนรบ.ส่งเสริมโรงงานแปรรูปโคพรีเมี่ยมสู้ตลาด ปธ.กมธ. เผยนำเข้าหมูกระทบรายย่อยทันทีแสนล้าน ห่วงดีลกระทบสินค้าเกษตรหลายรายการ ข้าวหอมมะลิ-ยางพารา เตือนต้องเจรจาเพื่อประโยชน์ชาติ
.
เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ที่สหกรณ์การเกษตรห้วยยอด จำกัด อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนโคพรีเมี่ยมพระยารัษฎาตรัง นำโดยนางอภิญญา วงศ์วิวัฒน์ แกนนำเครือข่าย หนังสือถึงนายธวัช สุระบาล สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา ขอให้ช่วยผลักดันสนับสนุนการสร้างโรงงานแปรรูปเนื้อ และผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มมูลค่าจากโคเนื้อพรีเมี่ยมในชุมชน ตลอดจนคัดค้านการนำเจ้าชิ้นส่วนโคจากสหรัฐอเมริกาเพื่อใช้ในการเจรจาลดแพงภาษาสหรัฐ ทั้งนี้นายธวัชได้รับหนังสือและรับปากประสานงานดำเนินการต่อไป
.
นางอภิญญา วงศ์วิวัฒน์ เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนโคพรีเมี่ยมพระยารัษฎาตรัง กล่าวว่า เครือข่ายมีสมาชิกที่เลี้ยงโคในพื้นที่อำเภอห้วยยอด อำเภอวังวิเศษ และอำเภอรัษฎา จำนวน 30 ครัวเรือน ปัจจุบันเลี้ยงโค 300 ตัว คิดเป็นมูลเนื้อโคที่เกิดขึ้นวันละ 1,500 กิโลกรัม โดยปัจจุบันเกษตรกรกำลังประสบปัญหาการขายโคมีชีวิตที่มีราคาตกต่ำ โดยราคาวัวตัวทั่วไปในท้องตลาดอยู่ที่ 60-65 บาท/กก. เท่านั้น ขณะที่เนื้อวัวแปรรูปที่ขายตามห้างราคาสูงถึง 165 บาท/กก. ประกอบกับต้นทุนการเลี้ยงที่สูงขึ้น นอกจากนี้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อหลายพื้นที่ทั่วประเทศได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการเปิดเสรีทางการค้าภายใต้ความตกลง FTA ระหว่างไทยกับประเทศคู่ค้า อาทิ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยเฉพาะการนำเข้าเนื้อและเครื่องในในราคาต่ำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาจำหน่ายโคเนื้อภายในประเทศอย่างชัดเจน เกษตรกรไทยสู้โคนำเข้าไม่ได้เลย ทำให้เกษตรกรจำนวนมากประสบภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่องจนนำไปสู่การเลิกอาชีพ เกิดปัญหาในภาคเกษตรกรรมอย่างกว้างขวาง ซึ่งนอกจากผลกระทบจาก FTA ที่เกิดขึ้นแล้ว ยังมีผลกระทบจากการเจรจาภาษีสหรัฐ ที่มีความกังวลในเรื่องการนำเข้าชิ้นส่วนโคจากสหรัฐ ซึ่งเกษตรกรกังวลมาก จึงอยากให้กมธ.ช่วยสะท้อนไปยังรัฐบาล
.
นางอภิญญา กล่าวอีกว่า หากในการเจรจามีการแลกดีลนำเข้าชิ้นส่วนโคและหมูจากสหรัฐ ก็จะเข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาดจากเกษตรกรไทยทันที ขออย่านำเข้ามาเลย เพราะจะสร้างผลกระทบหนักมาก โดยเฉพาะโคที่ตอนนี้ขายกันไม่ได้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามหากนำเข้ามาเฉพาะพ่อพันธุ์หรือแม่พันธุ์โคเพื่อนำมาพัฒนาสายพันธุ์โคไทยให้ดีขึ้นนั้นสามารถทำได้ ปัญหาเกษตรกรผู้เลี้ยงโคไทยตอนนี้หนักมาก ยิ่งเป็นกลุ่มเลี้ยงโคพรีเมี่ยมกระทบหนักมากเพราะต้นทุนเลี้ยงสูงมาก เพราะเราเลี้ยงเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคด้วย เลี้ยงแบบธรรมชาติ ไม่ใช้สารเร่ง จึงขอให้รัฐบาลหันมาดูแลกลุ่มนี้ด้วย
.
นางอภิญญา กล่าวว่า อีกทั้งปัจจุบันผู้บริโภคได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการบริโภคโคเนื้อ ไปเป็นเนื้อที่แยกประเภทและสำเร็จรูป เป็นเนื้อสไลด์ เนื้อสเต็ก และเนื้อที่หั่นสำเร็จรูป ทางเครือข่ายฯจึงคิดจะแปรรูปเนื้อขายแทนการขายโคมีชีวิตที่ได้ราคาไม่ดี เพราะการแปรรูปจะเป็นช่องที่ที่ช่วยให้สมาชิกสามารถขายโคได้ในราคาที่ดีขึ้น จึงขอให้รัฐช่วยสนับสนุนโครงการเพิ่มมูลค่าการเลี้ยงโคเนื้อแบบครบวงจรในชุมชนเพื่อสร้างโรงแปรรูปโคเนื้อและสร้างโรงผลิตปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์โคเนื้อที่มีคุณภาพ ถูกหลักอานามัย เสริมสร้างมูลค่าเพิ่มให้ชุมชนมีรายได้ผ่านการสร้างโรงงานแปรรูปเนื้อและผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มมูลค่าจากโคเนื้อพรีเมี่ยมในชุมชน
.
ด้านนายธวัช สุระบาล สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา กล่าวว่า เรื่องการเจรจาภาษีสหรัฐ ขณะนี้ไทยโดน 36% ซึ่งตนได้หารือต่อที่ประชุมวุฒิสภาในข้อเป็นห่วงด้านการเกษตรและปศุสัตว์ การนำเข้าหมูจะกระทบเกษตรรายย่อยแสนกว่าราย ขนาดกลาง 4 พันกว่าราย และรายใหญ่ 300 กว่าราย เฉพาะผลกระทบต่อเกษตรกรรายย่อยคิดเป็นมูลค่านับแสนล้านบาท เพราะทุนต้นเกษตรกรไทยตกอยู่ที่ 76 บาท/กก. ขณะที่ต้นทุนการผลิตของสหรัฐอยู่ที่ 67 บาท/กก. ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ไทยแพงหมด ดังนั้นในส่วนของข้าวโพด ถั่วเหลืองเพื่อทำอาหารสัตว์ หรือปุ๋ยเคมี สามารถนำเข้ามาในรูปแบบ 0%ก็ยังได้ เพื่อช่วยลดต้นทุนให้เกษตรกร นอกจากนี้สำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคไทยทั่วไปก็จะกระทบเช่นเดียวกันหากมีการนำเข้าชิ้นส่วนโคสหรัฐ
.
นายธวัชกล่าวว่า สิ่วที่น่าเป็นห่วงอีกเรื่องคือการส่งออกข้ามหอมมะลิไทยไปสหรัฐ ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของไทย ซึ่งกำแพงภาษี 36% จะส่งผลกระทบแน่นอน นอกจากนี้ในส่วนของยางพาราก็ไดรับผลกระทบจาก 36%นี้ และจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงเกษตรกรด้วย แต่หากสหรัฐสนใจในเรื่องการเข้ามาลงทุนสร้างโรงงานแปรรูปยางพาราในประเทศไทย ก็เป็นดีลที่น่ายินดีและส่งผลบวกต่อเกษตรกรไทย จึงขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลในเรื่องการพิจารณาตัดสินใจนำเรื่องไหนไปแลกเปลี่ยนต่อรองกับสหรัฐ ต้องตั้งบนประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นสำคัญ