โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

Business Today Thai Politics 24 กรกฎาคม 2568

Businesstoday

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว • Businesstoday

รัฐบาลไทยเรียกร้องอารยประเทศ ประณามความโหดร้ายไร้มนุษยธรรมของ “กัมพูชา”กระหายสงคราม

ทำเนียบ วันนี้ ( 24 ก.ค.) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) กล่าวว่าจากพยานหลักฐานชัดเจนว่า

กัมพูชาเปิดฉากยิงเข้าใส่ทหารไทยก่อน และยังใช้อาวุธหนักอย่างต่อเนื่องเข้าใส่เป้าหมายทางพลเรือน และขอเรียกร้องให้ทั่วโลกประณามความเลวร้ายของกัมพูชา โดยกัมพูชาเป็นผู้กระหายสงคราม โดยไม่สนหลักสิทธิมนุษยชนใด ๆ แม้แต่น้อย

ทั้งนี้ โดยผู้แทนกองทัพบกรายงาน ต่อ ศก.ทก ว่า สถานการณ์ชายแดนนั้น ยืนยันชัดเจนจากข้อมูล และพยานหลักฐาน พบว่า ทหารกัมพูชาได้มีเจตนาพิเศษดำเนินการในลักษณะยั่วยุ และละเมิดข้อตกลงมาตั้งแต่ต้นปี และในเช้าวันนี้ (24 กค.) ได้เปิดฉากใช้อาวุธก่อนโดยมีการบินโดรน (อากาศยานไร้คนขับ) เข้ามาในพื้นที่ของประเทศไทยเพื่อยั่วยุจากนั้น ทหารกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้าใส่ทหารไทย

ซึ่งกัมพูชามีการใช้อาวุธหนักอย่างต่อเนื่อง โดยมีการใช้จรวดหลายลำกล้องขนาด122 มม.( จลก. BM 21) และ จรวด RPG ยิงเข้าใส่พลเรือนไทยที่ชุมชนบริเวณชายแดนอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ และอีกหลายพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา กระสุนฝ่ายกัมพูชาตกใส่โรงพยาบาลและบ้านประชาชนคนไทยและอีกหลายพื้นที่ โดยมีพลเรือนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก และเด็กอายุห้าขวบได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายปกครองได้อพยพประชาชนในพื้นที่ไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว

‘แพทองธาร’ หนุน ‘กองทัพ’ ตอบโต้ ‘กัมพูชา’ หลัง โจมตีผู้บริสุทธิ์

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.วัฒนธรรม โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัว ระบุว่า ดิฉันขอประณามกัมพูชา ต่อการใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนไทย ตามข้อเท็จจริง

ทางฝ่ายกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน และมีการยิงในวิถีไกลเข้าสู่เขตแดนไทย ถือว่าเป็นการละเมิดหลักปฏิบัติสากลตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักสิทธิมนุษชนและจริยธรรมอันดีอย่างชัดเจน ซึ่งส่งผลกระทบต่อเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ฝ่ายไทยพยายามอย่างเต็มที่ ผ่านการเจรจาพูดคุยตามหลักปฏิบัติทางการทูต เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์บานปลาย หลีกเลี่ยงการปะทะและความสูญเสีย ด้วยความอดทน อดกลั้น และยึดมั่นในแนวทางสันติวิธีมาโดยตลอด เพราะเชื่อมั่นว่าสันติภาพ คือแนวทางที่ดีที่สุดในการแก้ไขความขัดแย้งระหว่างประเทศ

จากการรายงานของฝ่ายความมั่นคง ขอยืนยันว่าหน่วยงานทุกภาคส่วนได้ดำเนินการอย่างเต็มกำลัง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามาตรการต่างๆ ที่กำลังดำเนินอยู่ จะสามารถยุติความรุนแรง และนำความสงบกลับคืนสู่ประชาชนโดยเร็ว

ดิฉันขอสนับสนุนทุกมาตรการตอบโต้ของรัฐบาล กองทัพ และกระทรวงการต่างประเทศ ภายใต้กรอบของกฎหมาย และหลักการสากล พร้อมส่งกำลังใจไปยังเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องเอกราช และอธิปไตยของชาติ รวมถึงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ดิฉันขอส่งความห่วงใย และกำลังใจให้ทุกท่านปลอดภัย ตลอดจนปฏิบัติตามมาตรการในการหลบภัยจากรัฐบาล เพื่อรักษาไว้ซึ่งชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดิฉันให้ความสำคัญสูงสุดค่ะ

“พล.อ.ณัฐพล” ยันทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อน เตรียมถก ศบ.ทก.ตอบโต้

ทำเนียบ วันนี้ (24 ก.ค.) พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก.

ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการรายงานว่าเกิดเหตุปะทะที่ปราสาทตาเมือนธม จังหวัดอุบราชธานี ว่า ถ้าถึงขั้นนี้ก็คงไม่พูดคุยกันแล้ว เพราะที่ผ่านมาเราพยายามให้กัมพูชาพูดคุยแบบทวิภาคีแก้ปัญหาด้วยกระบวนการที่มีอยู่ และเสนอให้ทั้งสองฝ่ายเคลื่อนกำลังออกจากบริเวณชายแดน เพราะอาจเกิดเหตุการณ์ที่มีการกระทบกระทั่งกันได้ เพราะที่ผ่านมาจากประสบการณ์ของตนทหารกัมพูชาไม่ค่อยมีวินัยและยั่วยุ แต่ฝ่ายผู้บังคับบัญชาระบุว่ายึดแนวทางสันติ

ทั้งนี้ จากเหตุการณ์เมื่อวานตนได้หารือกับทางกองทัพและตัดสินใจ ว่าจะมอบอำนาจให้กับผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในการอำนวยการยุทธ์ ตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบกระทรวงกลาโหม ปี 2539 และหลังจากการหารือทางแม่ทัพภาคที่สอง ได้ขอวางลวดหนามในพื้นที่ที่ฐานกัมพูชาล้ำเข้ามา เพราะนอกจากเข้ามาแล้วก็ยังประสงค์ร้ายกับฝ่ายไทยด้วย ซึ่งเหตุการณ์เมื่อเช้าได้รับรายงานเบื้องต้นว่า ขณะนี้กัมพูชามีการปฏิบัติการอยู่ และเมื่อเวลา 8.20 น. ฝ่ายไทยได้ไปวางลวดหนาม แต่ฝ่ายกัมพูชาได้ยิงกลับมา

หลังจากนี้จะต้องมีการประกาศภาวะฉุกเฉินอะไรหรือไม่ พลเอกณัฐพล กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มี ทางบัญชาการกองทัพไทยสามารถดำเนินได้ตามกฏหมายตาม พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม มาตรา 39 ซึ่งผู้บัญชาการเหล่าทัพจะหารือกันในช่วงเช้าวันนี้ โดยหลังจากนี้ตนจะของดให้สัมภาษณ์ ส่วนกรณีแผนจักรพงษ์ภูวนารถที่ทางกองทัพประกาศใช้ หากดูในคำสั่งดีๆต้องมีการพูดคุยกันก่อน ซึ่งในวันนี้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดจะเรียก ผบ.เหล่าทัพมาพูดคุย

ส่วนอยากจะบอกอะไรกับประชาชนในช่วงนี้ พลเอกณัฐพล กล่าวว่า อยากให้คนไทยทั้งประเทศมั่นใจว่า กองทัพไทยจะปกป้องอธิปไตยไม่ให้ใครมาล่วงล้ำดินแดนของเรา และกราบขออภัยพี่น้องบริเวณตามแนวชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ยืนยันว่ากองทัพไทยอดทนอดกลั้นมาถึงที่สุดแล้ว แต่ต่อไปเราจะไม่อดทน เพราะการปฏิบัติของทหารกัมพูชาเรารับไม่ได้ จึงขอฝากให้ประชาชนทุกคนให้กำลังใจกำลังพล ที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณแนวชายแดน โดยเฉพาะกองทัพภาคที่สอง

ขณะที่ได้รับรายงานเหตุปะทะจากจุดอื่นบ้างหรือไม่ พลเอกณัฐพล ระบุว่ายังไม่ได้รับรายงาน เพราะฉะนั้นขอความร่วมมือกับสื่อมวลชนว่า พยายามอย่าไปซักถามในขณะที่ทหารกำลังปฏิบัติการ เพราะเหตุการณ์ที่ผ่านมาฝ่ายกัมพูชาจะทราบหมด เนื่องจากมีการถ่ายทอดภาพสถานการณ์จากฝ่ายเราไปถึงฝ่ายกัมพูชา จึงขอให้ระมัดระวังและใช้ดุลยพินิจในเรื่องนี้ด้วย

สำหรับพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 ชายแดนจังหวัดจันทบุรี สระแก้ว และตราด จะมีมาตรการเพิ่มเติมหรือไม่ พลเอกณัฐพล กล่าวว่า วันนี้คงปิดชายแดนทั้งหมด และจะมีการหารือกันในที่ประชุม ศบ.ทก. เพื่อให้กองทัพมีความชอบธรรมในการปฏิบัติ ทั้งนี้ ได้มอบอำนาจให้กับกองทัพไปแล้ว แต่ ศบ.ทก. จะรับทราบและเห็นชอบ

ขณะเดียวกันในช่วงบ่ายวันนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี จะร่วมประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กับผบ.เหล่าทัพ ฉะนั้นยืนยันว่าเราทำตามกฎหมาย ทั้งนี้ตนรู้สึกดีใจว่าในยามที่สถานการณ์เป็นแบบนี้ ประชาชนตามแนวชายแดนเข้าใจและยินดีให้ความร่วมมือกับรัฐบาล ซึ่งบทบาทของ ศบ.ทก. วันนี้คือสนับสนุนกองทัพไทยในการปฏิบัติการ ซึ่งตนจะให้ความสำคัญกับกองทัพมากกว่า และมอบให้เลขาธิการสมช.ดูแลการประชุมศบ.ทก.ต่อไป

หลังจากนี้จะมีการยื่นประท้วงต่อองค์การสหประชาชาติหรือไม่ พลเอกณัฐพล กล่าวว่า ที่ผ่านมาเค้ายอมรับผิดเรื่องอะไรบ้าง ตนเห็นถึงความไม่จริงใจ ซึ่งตนพูดเสมอว่าเราจะทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะจะศีลเสมอกัน ดังนั้นเราต้องยึดมั่นในคำพูดอะไรที่ใช่หรือไม่ถูกก็ต้องเป็นไปตามนั้น

“ประเสริฐ” ยืนยันระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติ ใช้งานได้ดีไม่มีปัญหา

ทำเนียบ วันนี้ ( 24 ก.ค.) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือ ยืนยันว่า ไม่พบปัญหาของการแจ้งเตือน ทุกอย่างเป็นไปตามระบบที่วางไว้

ส่วนการแจ้งเตือนที่กระชั้นชิดทำให้ประชาชนเตรียมตัวไม่ทัน นายประเสริฐ กล่าวว่า ที่ผ่านมาก็แจ้งเตือนมาตลอด ซึ่งระดับการแจ้งเตือนมีหลายระดับ อีกทั้งพายุวิภา แม้จะไม่ได้เข้าประเทศไทยโดยตรง แต่ก็ได้รับอิทธิพลจากหางพายุ ทำให้มีจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ คือ เชียงราย น่าน พะเยา ประกอบกับเป็นช่วงฤดูฝน ทำให้เกิดน้ำท่วมหนัก

พร้อมย้ำการเตือนภัยมีประสิทธิภาพ ไม่มีปัญหา และการแจ้งเตือนภัย ส่วนราชการก็จะมีแผนรองรับอยู่แล้ว ในเรื่องของการอพยพประชาชนให้ไปอยู่ในที่ปลอดภัย แต่สถานที่อาจจะมีการปรับเปลี่ยนในบางครั้ง แล้วแต่สถานการณ์ ซึ่งในพื้นที่ก็จะต้องแจ้งประชาชนอีกครั้ง

ส่วนเรื่องสัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่ประสบภัย นายประเสริฐ กล่าวว่า หากพื้นที่ใดไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ก็พร้อมที่จะนำรถโมบายขยายสัญญาณได้ไม่มีปัญหา และได้สั่งให้เช็คสัญญาณในจุดที่มีปัญหา หากจุดใดมีปัญหา กสทช. จะได้แจ้งทาง operator ทันที เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน

พรก. ปราบโจรออนไลน์ได้ผล หลังบังคับใช้สกัดความเสียหายได้กว่า 5,800 ล้าน

ทำเนียบ วันนี้ ( 24 ก.ค.) นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยความคืบหน้าการบังคับใช้พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ในช่วงระยะเวลา 3 เดือน ระหว่างวันที่ 14 เมษายน – 20 กรกฎาคม 2568 สามารถยับยั้งความเสียหายที่เกิดจากการหลอกลวงทางออนไลน์ได้แล้วกว่า 5,895 ล้านบาท ถือเป็นความคืบหน้าที่สำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายความมั่นคงปลอดภัยในโลกดิจิทัลของรัฐบาล

โดย ศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) ดำเนินการปิดกั้นเว็บพนันออนไลน์แล้วจำนวน 19,676 URLs และแพลตฟอร์มหลอกลวงอีก 14,143 URLs พร้อมระงับบัญชีธนาคารที่เชื่อมโยงกับการกระทำผิด 181,989 บัญชี และสามารถจัดการคดีอาชญากรรมออนไลน์ได้แล้วกว่า 88,995 คดี สะท้อนถึงการบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว

ขณะเดียวกัน กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาใช้ในกระบวนการคัดกรองเว็บไซต์ผิดกฎหมาย ช่วยลดขั้นตอนการดำเนินงานลงได้ถึง 5 วันทำการ โดย AI สามารถทำงานเทียบเท่ากับเจ้าหน้าที่จำนวนถึง 94 คน และคาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวน URL ที่ถูกสั่งปิดได้เฉลี่ยถึงวันละ 175 URL หรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นร้อยละ 70.7 ภายในปี 2568

การดำเนินงานทั้งหมดเป็นผลจากการบูรณาการข้อมูลและความร่วมมือจากหลายหน่วยงานหลัก ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งได้ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเกิดผล

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Businesstoday

Business Today Thai Politics 25 กรกฎาคม 2568

12 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เปิดมาตรการช่วยเหลือแบงก์รัฐ เหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา

12 ชั่วโมงที่ผ่านมา

แบงก์เรียกพนักงานกลับไทย ธปท.เกาะติดชายแดนไทย-กัมพูชา

12 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ด่วนประกาศใช้กฎอัยการศึก ใน 7 อำเภอ จังหวัดจันทบุรี และ 1 อำเภอในจังหวัดตราด

13 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

กลาโหมกัมพูชา แถลงโต้เดือด อ้าง ทหารเขมรเสียชีวิตแค่ 5 ไม่ถึงร้อยนาย

สยามนิวส์

ด่วน ภูมะเขือถูกยึดคืนได้ทั้งหมดแล้ว ปักธงชาติไทย ร้องเพลงชาติให้กึกก้อง เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่

สยามนิวส์

เรืองไกร ร้อง กกต. สอบพรรคร่วมรัฐบาล กระทำการฝ่าฝืน พรป.พรรคการเมือง ม.28 หรือไม่

สยามรัฐ

พม. แถลงประณามกัมพูชาฆ่าพลเรือนไทย ชี้ความเงียบคือการสมรู้ร่วมคิด!

ไทยโพสต์

ผมไม่คุยกับฮุนเซน! 'ทักษิณ' ถึงแล้วอุบลฯจ่อลงพื้นที่ให้กำลังใจผู้ประสบภัย

THE ROOM 44 CHANNEL

ทร.ส่ง หมวดเรือเฉพาะกิจ 4 ลำ ประจำ 'เกาะกูด' ยิงสนับสนุนกำลังทางบก ภายใน 1 นาที

กรุงเทพธุรกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม