‘เชอรี่’ กลับมามีไฟรับซีรีส์ ‘เพียงเธอ’ ยอมกัดลิ้นกัดฟัน เพื่อท้าทายบทบาทใหม่ในแนวยูริ
กลับมาพร้อมความฮือฮาสร้างความตื่นเต้นให้กับวงการบันเทิงอีกครั้ง สำหรับนักแสดงสาวมากฝีมือ "เชอรี่ เข็มอัปสร" ที่ล่าสุดได้เปิดใจถึงการหวนคืนจอในบทบาทสุดท้าทายในซีรีส์แนว Girls' Love (GL) “เพียงเธอ Only You The Series” ซึ่งเป็นแนวใหม่ที่ท้าทายความสามารถของเธออย่างมาก
โดยในงานบวงสรวง ซีรีส์ “เพียงเธอ Only You The Series” เชอรี่ได้เปิดใจถึงเหตุผลที่รับเล่นพร้อมทั้งอัปเดตกระแสจีบจิ้นระหว่างเธอและ "ดิว ปิ่นกมล" โดย เชอรี่ เผยว่า
"ตอนติดต่อมา คุณดิวแล้วก็พี่นายโทรฯ มาค่ะ แล้วก็บอกว่ามีคนเขาอยากให้เล่นซีรีส์ เราก็ยังไม่ได้อ่านบทตอนนั้น โดยปกติการรับงานของเชอรี่จะขออ่านบทก่อน ตอนนั้นคือบอกว่าโอเค เพราะว่าอยากทำงานกับพี่นาย และคุณดิวก็เซอร์ไพร้ส์มากที่เรารับเลย พี่นายส่งบทมาจริงๆ บทตอนที่รับของพี่นาย เราก็มีรับเชิญซีรีส์อีกเรื่องหนึ่ง ที่ก็เป็นซีอีโอบริษัทเหมือนกัน อันนี้ก็มาประธานบริษัทอีก เลยรู้สึกว่าสงสัยช่วงนี้ดวงเป็นใหญ่เป็นโตเนอะ พอด้วยความที่เราทำบริษัทของเราเอง เราก็ไม่ได้รู้สึกว่าการจะเล่นเป็นบทหัวหน้าจะเป็นเรื่องที่ไกลตัว รู้สึกว่ามันไม่ได้ยาก แต่ว่ามันจะมีเรื่องของอารมณ์ แต่อย่างหนึ่งที่ยากสำหรับเรื่องนี้คือพอความเป็นรับเชิญ มันก็จะมาตอนละไม่กี่ซีน จะมีความเรียงลำดับของเหตุการณ์นิดนึงว่า เอ๊ะอันนี้มันยังไงนะ แล้วก็จะมีเหตุการณ์ที่คล้ายๆ กันอยู่"
"ต้องทำการบ้านเยอะพอสมควรในความต้องหาช่องให้เจอว่าเราจะเป็นประธานแบบไหน เพราะว่าประธานบริษัทเนี่ย เขามีความเวลาที่เขาดุดันเขาก็ดุดัน แต่เวลาที่เขาอ่อนโยนเขาก็มีมุมอ่อนโยน ก็เลยต้องหาว่าเอ๊ะคนคนนี้เขาจะเป็นประมาณไหนนะ ซีอีโอไม่ได้บรีฟเลยค่ะ ซีอีโอบอกว่าแกมาเล่นเป็นฉันค่ะ จริงๆ ดิวเป็นคนที่เรียกว่าหัวหน้าที่ทำงานใกล้ชิดแล้วก็ลงมาลุยทุกรายละเอียดเอง แล้วก็เหมือนเขาเป็นที่รักของทุกๆ คน เพราะความน่ารักของเขา ในการที่ดูแลใส่ใจจริงใจกับทุกคนจริงๆ อย่างเท่าเทียม เลยกลายเป็นว่าเขาเป็นที่รักของคนอื่น"
เชอรี่ เผยต่อว่า"บทนี้ไม่เหมือนซีอีโอค่ะ ดิวไม่น่าจะดุขนาดนี้ในเรื่องนะคะ เพราะว่าในเรื่องมันจะมีเหตุการณ์ที่เหมือนเป็นความรุนแรงที่มันอาจจะไม่ได้เกิดในชีวิตจริงของคนเรา ซึ่งมันก็จะต้องมีการรับมืออีกแบบหนึ่ง สิ่งที่มันแตกต่างจากการแสดงที่เรารับมาคือเสื้อผ้าหน้าผมมั้งคะ ดิวเขาก็จะขอนิดนึงได้ไหม อยากจะแหวกตรงนี้ อยากจะโชว์ตรงนี้ ฉันขอนิดนึง เราก็พยายามต่อสู้แล้ว แต่ว่าต่อสู้ไม่ได้ (เกินเบอร์แค่ไหน?) จะมีแหวกกระโปรงแหวกนิดหน่อยเสื้อเอวลอย เขาไม่มีเหตุผลหรอกค่ะ เขาอยากดูแบบนี้ เราเป็นคนที่เหมือนจะคุยด้วยเหตุผลเลยว่าเพราะอะไร แต่เรื่องเนี้ยไม่ได้ถามอะไรเยอะเลยพูดจริงๆ ค่ะ คือให้ทำอะไรก็ทำ ถ้าทำให้ได้ แล้วก็ไม่ฝืนจนเกินไป ก็จะพยายามกัดลิ้นกัดฟันหน่อย"
"ส่วนหนึ่งเชื่อใจแล้วก็เรารู้ว่าเขารักเรา เรารู้ว่าเขาหวังดีกับเรา เขาก็ดูแลเรามาระดับหนึ่งแล้วแหละ พอเราดูมอนิเตอร์รู้สึกยังไงตรงกระโปรงเนี่ยแหละ เรามีคู่ เรียกว่ามีคู่ไหม อยากให้ตามดูเพราะว่าจริงๆ ความรักมันมีหลายรูปแบบ เขินไหม ก็อาจจะมี เพราะว่าในชีวิตจริงคนก็ชอบแซวเรารี่ดิว-ดิวรี่ แล้วพี่นาย (ผู้กำกับ) ก็เพิ่มบทมาเยอะมาก จากตอนแรกที่ให้เล่นแบบนี้ แล้วก็มีบทใหม่ๆ มาวันนั้นๆ หรือก่อนวันนั้นๆ นิดนึง จะมีเรื่องของความสัมพันธ์เข้ามาอยู่เหมือนกัน พี่นายเห็นเคมีความธรรมชาติที่เราเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร (เล่นกับเพื่อนเขินไหม?) ไม่เขินค่ะ เขาบรีฟว่าให้เป็นพี่รี่เลย"
"ไม่มีอะไรที่มากมาย ก็ยังเป็นลิมิตของเชอรี่อยู่ไม่มีอะไรที่ยากเกินลิมิต ตอนแรกตลกแล้วก็ไม่คิดว่าจะจริง คนบอกว่าติดตามนะ เราก็คิดในใจเขารู้กันใช่ไหมว่าดิวแต่งงานแล้ว แต่ว่าเราก็คือสนุกๆ ได้ อย่างที่เคยบอกไปว่าอย่าให้มันจริงจังซีเรียส แต่ว่าก็ไม่มีใครซีเรียสกับเราอยู่ดี หมายถึงว่าเขาก็รู้สึกว่ากรี๊ดกร๊าดแบบสนุกๆ จริงๆ อย่างเชอรี่กับดิวเราเป็นอย่างเงี้ยมาตั้งแต่ก่อนที่จะมียูริอีก มันก็เลยเหมือนเป็นธรรมชาติของเรา ตอนแรกๆ เชอรี่เอ๊ะหรือเราต้องระวังตัวแบบไหนไหม เพราะว่าพอมันมีรี่ดิว-ดิวรี่ แล้วเราก็รู้สึกว่า เอ๊ะ แต่ดิวเขาแต่งงานแล้วนะ ถ้ามารี่ดิวเนี่ย เราจะเป็นแบบว่าเราเป็นคนมาทีหลังนะ ไม่ได้นะผิดศีลห้าเป็นดิวรี่ไม่ได้ (หัวเราะ) ตัวเราไม่ได้คิดอะไร แล้วก็เป็นธรรมชาติของเราที่เป็นเพื่อนกันจริงๆ ซึ่งก็เลยรู้สึกว่าก็เป็นธรรมชาติของตัวเองไปนั่นแหละ"
เชอรี่เล่าต่อว่า "ทุกวันนี้มีคนจับจ้องมีเขินๆ เวลาที่ไปงานคอนหรือแฟนมีตของน้องๆ แล้วแฟนคลับน้องมากรี๊ดเราสองคน ซึ่งบางทีเราทำอะไรกันอยู่งุ้งงิ้งๆ กันสองคน แล้วมีคนมากรี๊ดโดยที่เรา ฮะ อะไรนะ ตั้งแต่เราเป็นนักแสดงมาไม่เคยคิดเลย มันคือโลกใหม่ดีกว่า ถ้าสมมุติจากนี้กระแสปังขึ้นมา เคยถามนะว่ามีรับงานคู่รับไหม เขาถามว่าแกได้เงินไหม เพราะว่าดิวชอบแซวว่าเราชอบช่วยงานคน แล้วก็ไปรับงานแต่งานไม่ได้ตังค์ ถ้าเขาบอกว่าเป็นงานที่เราได้ตังค์เขาจะมา พอมันเกิดโมเมนต์แล้วเกิดกระแสเชียร์คู่เรา เขาชอบ"
"ไฟในการแสดงเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ตอนกลับมาเรื่องที่แล้ว พอกลับมาที่ซีรีส์ติดต่อมารับเชิญ แล้วรู้สึกว่าพออ่านแล้วเรารู้สึกชอบเรื่องเราก็เล่นเลย เหมือนการคิดน้อยลง ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่จะเป็นคนคิดเยอะแล้วก็กังวลว่าเราจะเล่นได้ไหม มันจะออกมาเป็นยังไงรู้สึกว่าเราอยากปล่อยไหลมากขึ้น ปล่อยจอย อยากทำอะไรก็จะทำ"
ขอบคุณภาพจาก: dew_pinkamol, cherrykhemupsorn