โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

ทรัมป์ ปิดดีลภาษีนำเข้าจากอินโดนีเซีย ลดเหลือ 19% จาก 32%

การเงินธนาคาร

อัพเดต 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สหรัฐฯ ตกลงปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าจากอินโดนีเซียจาก 32% เหลือ 19% แลกกับสิทธิเข้าถึงตลาดเต็มรูปแบบ พร้อมคำมั่นจากจาการ์ตาซื้อพลังงานและสินค้าเกษตรจากสหรัฐ

วันที่ 16 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.04 น. สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวเมื่อวันอังคารว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้า 19% ต่อสินค้าจากอินโดนีเซีย ภายใต้ข้อตกลงใหม่กับประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ดังกล่าว

พร้อมระบุว่ามีข้อตกลงลักษณะเดียวกันอีกหลายฉบับที่อยู่ระหว่างการเจรจา เนื่องจากเขายังคงผลักดันเพื่อให้ได้เงื่อนไขที่ดีกว่าจากคู่ค้า และลดปัญหาขาดดุลการค้าของสหรัฐที่มีอยู่ในระดับสูง

ข้อตกลงกับอินโดนีเซีย ซึ่งถือเป็นคู่ค้าที่ไม่ได้มีบทบาทหลักในเชิงพาณิชย์กับสหรัฐมากนัก เป็นหนึ่งในไม่กี่ข้อตกลงที่รัฐบาลทรัมป์สามารถสรุปได้ก่อนเส้นตาย 1 สิงหาคม ซึ่งภาษีนำเข้าส่วนใหญ่ของสหรัฐ จะถูกปรับขึ้นอีกระลอก ข้อตกลงฉบับนี้เกิดขึ้นในช่วงที่สหภาพยุโรป (EU) ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ กำลังเตรียมมาตรการตอบโต้ หากการเจรจากับวอชิงตันล้มเหลว

ก่อนถึงเส้นตาย 1 สิงหาคม สหรัฐกำลังเจรจากับประเทศต่าง ๆ ที่หวังเลี่ยงการถูกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมจากอัตราฐานที่ 10% ซึ่งมีผลมาตั้งแต่เดือนเมษายน

อย่างไรก็ตาม การดำเนินนโยบายภาษีของทรัมป์มักเป็นไปอย่างสับสน และส่งผลกระทบต่อระบบการค้าระหว่างประเทศที่เคยลดกำแพงภาษีลงตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา จนสร้างความปั่นป่วนต่อตลาดการเงินโลกและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

จากการประเมินของ Yale Budget Lab ณ วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ระบุว่า อัตราภาษีนำเข้าเฉลี่ยที่แท้จริงของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเป็น 20.6% จากระดับเดิมที่อยู่เพียง 2–3% ก่อนที่ทรัมป์จะกลับเข้าทำเนียบขาวในเดือนมกราคม แม้พฤติกรรมผู้บริโภคจะเปลี่ยนแปลงจนลดภาษีเฉลี่ยลงเหลือ 19.7% แต่อัตรานี้ก็ยังถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1933

ข้อตกลงกับอินโดนีเซียมีลักษณะคล้ายกับที่สหรัฐทำกับเวียดนาม โดยกำหนดให้สินค้าส่งออกจากอินโดนีเซียมายังสหรัฐถูกเก็บภาษีแบบเหมาจ่ายที่ 19% หรือประมาณสองเท่าของอัตราเดิมที่ 10% ขณะที่สินค้าส่งออกจากสหรัฐไปอินโดนีเซียจะไม่ถูกเก็บภาษี นอกจากนี้ยังมีบทลงโทษต่อสินค้าที่ถูก “ส่งผ่าน” (transshipment) จากจีนผ่านอินโดนีเซีย รวมถึงเงื่อนไขที่อินโดนีเซียจะต้องซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ บางรายการ

ทรัมป์กล่าวนอกทำเนียบขาวว่า “พวกเขาจะจ่าย 19% ส่วนเราจะไม่จ่ายอะไรเลย… เราจะสามารถเข้าสู่ตลาดอินโดนีเซียได้เต็มที่ และเราก็มีข้อตกลงแบบนี้อีกหลายฉบับที่ใกล้จะประกาศแล้ว”

ต่อมาเขาโพสต์บน Truth Social ว่า อินโดนีเซียตกลงจะซื้อสินค้าและบริการจากสหรัฐฯ ได้แก่ พลังงานมูลค่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ สินค้าเกษตร 4.5 พันล้านดอลลาร์ และเครื่องบิน Boeing จำนวน 50 ลำ แม้ยังไม่ได้ระบุกรอบเวลาการซื้อขายที่แน่นอน

ทรัมป์เผย “อินเดีย” เจรจาในทิศทางเดียวกัน

มูลค่าการค้ารวมระหว่างสหรัฐฯ กับอินโดนีเซียในปี 2024 อยู่ที่ไม่ถึง 4 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งไม่ได้ติดอันดับ 15 อันดับแรกของคู่ค้าสำคัญ แต่ก็มีแนวโน้มเติบโต โดยการส่งออกจากสหรัฐฯ ไปอินโดนีเซียเพิ่มขึ้น 3.7% ขณะที่การนำเข้าจากอินโดนีเซียเพิ่มขึ้น 4.8% ส่งผลให้สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าสินค้ากับอินโดนีเซียเกือบ 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์

หมวดสินค้าหลักที่สหรัฐฯ นำเข้าจากอินโดนีเซีย ได้แก่ น้ำมันปาล์ม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (เช่น เราเตอร์และสวิตช์), รองเท้า, ยางรถยนต์, ยางพารา และกุ้งแช่แข็ง

สุสีวิญโญ โมเอกีอาร์โซ เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากกระทรวงเศรษฐกิจอินโดนีเซีย ให้สัมภาษณ์กับ Reuters ว่า “เรากำลังจัดเตรียมแถลงการณ์ร่วมระหว่างสหรัฐฯ กับอินโดนีเซีย เพื่ออธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับอัตราภาษี การตกลงด้านภาษีแบบต่างตอบแทน มาตรการที่ไม่ใช่ภาษี และข้อตกลงทางการค้าอื่น ๆ ซึ่งจะแจ้งให้ประชาชนทราบในเร็ว ๆ นี้”

ก่อนหน้านี้ทรัมป์ได้ส่งจดหมายถึงประธานาธิบดีอินโดนีเซียขู่จะเรียกเก็บภาษีในอัตรา 32% ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม และส่งจดหมายลักษณะเดียวกันไปยังประเทศคู่ค้าราว 24 ประเทศ รวมถึงแคนาดา ญี่ปุ่น และบราซิล โดยกำหนดอัตราภาษีตั้งแต่ 20% ถึง 50% และภาษีเฉพาะสินค้า เช่น ทองแดง ที่ 50%

ขณะกล่าวสุนทรพจน์ที่พิตต์สเบิร์กเมื่อวันอังคาร ทรัมป์ระบุว่า เขาให้ความสำคัญกับการใช้มาตรการภาษีอย่างครอบคลุมมากกว่าการเจรจาที่ยุ่งยาก แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สก็อตต์ เบสเซนต์ และรัฐมนตรีพาณิชย์ ฮาวเวิร์ด ลัทนิค ก็ยังพยายามผลักดันข้อตกลงทางการค้าให้เกิดขึ้นมากขึ้น

เมื่อเดินทางกลับกรุงวอชิงตัน ทรัมป์บอกกับผู้สื่อข่าวว่า จะมีจดหมายอีกหลายฉบับส่งไปยังประเทศเล็ก ๆ อีกจำนวนมาก โดยแต่ละประเทศจะถูกเก็บภาษี “ประมาณ 10% กว่า ๆ”

ทั้งนี้ เส้นตายวันที่ 1 สิงหาคม เปิดช่องให้ประเทศต่าง ๆ เจรจาขอลดอัตราภาษีได้ นักเศรษฐศาสตร์บางรายยังตั้งข้อสังเกตว่า ทรัมป์มักมีพฤติกรรม “ขู่ก่อนถอยทีหลัง”

นับตั้งแต่เริ่มใช้นโยบายภาษี ทรัมป์สามารถตกลงเจรจาสำเร็จเพียงไม่กี่ฉบับ ห่างไกลจากคำสัญญาเดิมที่ว่า “จะทำให้ได้ 90 ข้อตกลงใน 90 วัน” ปัจจุบันมีข้อตกลงเบื้องต้นกับสหราชอาณาจักรและเวียดนาม และข้อตกลงชั่วคราวกับจีน เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเก็บภาษีในระดับสูงที่สุด ขณะการเจรจากับจีนยังคงดำเนินอยู่

ทรัมป์กล่าวเพิ่มเติมว่า การเจรจากับอินเดียก็กำลังเดินหน้าในทิศทางเดียวกัน พร้อมระบุว่า “เรากำลังจะมีสิทธิเข้าถึงตลาดอินเดีย และต้องเข้าใจก่อนว่า เราเคยไม่มีสิทธิเข้าถึงประเทศเหล่านี้เลย ประชาชนของเราไม่สามารถเข้าไปทำการค้าได้เลย ตอนนี้เราจึงได้สิทธิ เพราะสิ่งที่เราทำผ่านนโยบายภาษีเหล่านี้”

EU เตรียมตอบโต้

ในขณะเดียวกัน สหภาพยุโรปก็เตรียมมาตรการตอบโต้ โดยคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งดูแลด้านการค้าของ EU ได้ร่างแผนการขึ้นภาษีมูลค่า 72,000 ล้านยูโร (84.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ต่อสินค้าจากสหรัฐฯ เช่น เครื่องบิน Boeing วิสกี้ Bourbon และรถยนต์ หากการเจรจาการค้ากับวอชิงตันล้มเหลว

ทรัมป์ขู่จะเก็บภาษีนำเข้าจาก EU ที่อัตรา 30% ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ซึ่งเจ้าหน้าที่ EU มองว่า “ไม่สามารถยอมรับได้” และอาจทำให้การค้าระหว่างสองตลาดขนาดใหญ่ที่สุดของโลก “ต้องยุติลง”

รายการสินค้าที่ EU เตรียมใช้มาตรการตอบโต้นั้น ถูกส่งไปยังรัฐสมาชิกแล้วเมื่อวันอังคาร โดยเป็นการตอบโต้ต่อภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ของสหรัฐฯ รวมถึงอัตราภาษีฐานที่ 10% และครอบคลุมสินค้าประเภทเคมีภัณฑ์ อุปกรณ์การแพทย์ เครื่องมือไฟฟ้าและความแม่นยำ รวมทั้งสินค้าเกษตร เช่น ผัก ผลไม้ ไวน์ เบียร์ และสุรา มูลค่ารวม 6.35 พันล้านยูโร

อ้างอิง : reuters.com

เปิดไทม์ไลน์ โดนัลด์ ทรัมป์ ป่วนโลก! สหรัฐ VS ประเทศคู่มิตร เดินเกมตอบโต้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก การเงินธนาคาร

SME D Bank คว้าแชมป์ 3 ปีซ้อน ‘ธนาคารยอดเยี่ยมด้านสินเชื่อเอสเอ็มอีแห่งปี’

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

8 ปีซ้อน! ธอส. คว้ารางวัล “ธนาคารยอดเยี่ยมด้านสินเชื่อบ้าน ปี 2568” ในงาน MONEY & BANKING AWARDS 2025

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“ชาติศิริ โสภณพนิช” สร้างประวัติศาสตร์ ครองรางวัล ‘นักการเงินแห่งปี 2567’ 3 ครั้ง พร้อมนำทีม ธนาคารกรุงเทพ คว้ารางวัล ‘Bank of the Year 2025’ เป็นครั้งที่ 15

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ทีมไทยแลนด์ ถก USTR คืนนี้ ให้ 0% สินค้าสหรัฐฯ หลายหมื่นรายการ

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความต่างประเทศอื่น ๆ

นักวิจัยอิสราเอลสร้างเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ คาดเดาอายุจากดีเอ็นเอ

เดลินิวส์

สหรัฐเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมาย 5 คน ไปยังเอสวาตินีในแอฟริกา

เดลินิวส์
วิดีโอ

สรุปข่าวต่างประเทศ วันที่ 16 ก.ค. 2568

THE ROOM 44 CHANNEL

รัสเซียเดินหน้าไม่สนคำขู่ ‘ทรัมป์’ และชาติตะวันตก ลั่น!! บุกถล่มต่อจนกว่ายูเครนจะยอมรับเงื่อนไข

THE STATES TIMES

“จีน-อียู” เดินหน้าฟื้นสัมพันธ์ ยกเลิกข้อจำกัดทางการเมืองก่อนซัมมิตใหญ่

เดลินิวส์

มองมหาอำนาจ "สหรัฐอเมริกา" ใช้อะไรกดดันต่างชาติ ?

Thai PBS

องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศเผยภายในปี 2042 เอเชีย-แปซิฟิก ต้องการนักบินหน้าใหม่เพิ่มนับแสนคน

TNN ช่อง16

สาวโพสต์เทียบรูปตา ถามเป็นอะไร โซเชียลรีบเตือน ให้หาหมอด่วน รอดตายฉิวเฉียด

Khaosod

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...