ฝนถล่มภาคเหนือ หนุนระดับน้ำเพิ่ม กรมชลฯ เร่งลดผลกระทบให้ได้มากที่สุด
ฝนเททางตอนบน ทำปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำและแม่น้ำสายหลักเพิ่มสูงขึ้น กรมชลฯ เร่งลดผลกระทบให้ได้มากที่สุด
กรมชลประทาน เปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ตอนบนของประเทศ ส่งผลให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำและแม่น้ำสายหลักเพิ่มสูงขึ้น จากการติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พบว่าปัจจุบัน(18 ก.ค. 68) ที่เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล จังหวัดเชียงใหม่ มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 176 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 67% ของความจุอ่างฯ แนวโน้มเพิ่มขึ้น ยังสามารถรับน้ำได้อีกกว่า 89 ล้าน ลบ.ม.
ในขณะที่เขื่อนแม่กวงอุดมธารา จังหวัดเชียงใหม่ มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 134 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 51% ของความจุอ่างฯ แนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน ยังสามารถรับน้ำได้อีกกว่า 120 ล้าน ลบ.ม. ส่วนทางด้านแม่น้ำปิง จังหวัดเชียงใหม่ กรมชลประทาน ได้เร่งระบายน้ำผ่านฝายแม่แฝกและฝายแม่วังตาล เพื่อลดระดับน้ำที่จะผ่านพื้นที่ชุมชนและตัวเมืองเชียงใหม่
ล่าสุดเมื่อเวลา 06.00 น. ที่สถานีวัดระดับน้ำ P.1 สะพานนวรัตน์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 266 ลบ.ม/วินาที ระดับน้ำยังคงต่ำกว่าตลิ่ง โดยมวลน้ำทั้งหมดจะไหลลงสู่เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก ที่ปัจจุบันมีปริมาณน้ำในอ่างฯประมาณ 7,791 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 58% ของความจุอ่างฯ ยังสามารถรับน้ำได้อีกกว่า 5,600 ล้าน ลบ.ม.
ด้านสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำน่าน ที่สถานีวัดระดับน้ำ N.64 บ้านผาขวาง อำเภอเมืองน่าน ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 55 เซนติเมตร(ซ.ม.) ที่สถานี N.1 หน้าสำนักงานงานป่าไม้ อำเภอเมืองน่าน ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 30 ซ.ม. ที่สถานี N.13A บ้านบุญนาค อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 1.16 เมตร แนวโน้มสูงขึ้น ยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อไป
สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มเจ้าพระยา เมื่อเวลา 12.00น. ที่สถานีวัดระดับน้ำ C.2 อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 972 ลบ.ม./วินาที แนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อเนื่องให้มีปริมาณน้ำไหลลงสู่เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท อยู่ที่ระดับ 15.61 ม.ทรก.
ทั้งนี้ กรมชลประทาน จะทยอยปรับการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 15.00 น. จากอัตรา 490 ลบ.ม./วินาที เป็น 600 ลบ.ม./วินาที ภายในเวลา 02.00 น. ของวันที่ 19 ก.ค.68 และคงอัตราดังกล่าวต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำทางตอนบน
อนึ่ง จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาพบว่า ในช่วงวันที่ 19-23 กรกฎาคมนี้ ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง จากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน ประเทศลาวตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ส่งผลให้ภาคเหนือ จะมีฝนฟ้าคะนอง 60-80% ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ในช่วงวันที่ 20-23 กรกฎาคม 2568
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีฝนฟ้าคะนอง 60-80% ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ทางตอนบนของภาค ในช่วงวันที่ 20-23 กรกฎาคม 2568 ภาคกลาง จะมีฝนฟ้าคะนอง 60-70% ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ทางด้านตะวันตกของภาค ในช่วงวันที่ 21-23 กรกฎาคม 2568
ส่วนกรุงเทพและปริมณฑล จะมีฝนฟ้าคะนอง 60-80% ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80% ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้เฝ้าระวังสถานการณ์ฝนและสถานการณ์น้ำท่าอย่างใกล้ชิด พร้อมกับเดินหน้าบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่อย่างเหมาะสม มีการจัดเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ เจ้าหน้าที่ สามารถเข้าไปช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยได้อย่างทันที
พร้อมกันนี้ ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนถึงสถานการณ์น้ำ ให้ประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้มากที่สุด ตามข้อสั่งการของนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารการแจ้งเตือนจากหน่วยงานราชการในระยะนี้อย่างใกล้ชิดด้วย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ฝนถล่ม-น้ำหลาก! กรมชลฯ เตรียมพร้อมสูงสุด ช่วยเหลือประชาชนทุกพื้นที่เสี่ยง
- กรมชลประทาน จับมือท้องถิ่น เร่งแก้ปัญหาน้ำเสียไหลลงอ่างฯ มาบประชัน
- ฝนชุก!! กรมชลฯ เตือนพื้นที่ลุ่มต่ำริมตลิ่งท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ระวังระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น
ติดตามเราได้ที่