เปิดบันทึกจากใจ “พี่สาว” ถึง “น้องเมย” หลังศาลทหารมีคำตัดสิน เสียงสะเทือนใจจากครอบครัวที่ยังรอความเป็นธรรม
เปิดบันทึกจากใจ “พี่สาว” ถึง “น้องเมย” หลังศาลทหารมีคำตัดสิน เสียงสะเทือนใจจากครอบครัวที่ยังรอความเป็นธรรม
วันที่ 22 กรกฎาคม 2568 — หลังการอ่านคำพิพากษาของศาลทหารชั้นฎีกา คดีการเสียชีวิตของ “น้องเมย” นักเรียนเตรียมทหารภคพงศ์ ตัญกาญจน์ ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในคดีสะเทือนขวัญของสังคมไทย โดยศาลตัดสินลงโทษจำคุก 4 เดือน 16 วัน แก่รุ่นพี่ผู้ถูกกล่าวหา แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี เนื่องจากเป็นการกระทำผิดครั้งแรก และเห็นว่าให้โอกาสจำเลยกลับตัวรับราชการต่อไปจะเกิดประโยชน์มากกว่า
ขณะที่ครอบครัวของผู้เสียชีวิต โดยเฉพาะ “นางสุพิชา ตัญกาญจน์” พี่สาวของน้องเมย ได้ออกมาเปิดเผยบันทึกจากใจ ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า “บันทึกจากพี่สาวถึงน้องชาย วันนี้ได้มีการออกนั่งอ่านฎีกา ณ ศาล มบท.12 คดีทำร้ายร่างกาย น.ต.ท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์
ส่วนที่ 1 ศาลสูงยื่นตามศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยมีความผิดจริงตามฟ้องโจทก์ แต่ให้รอการจำคุกไว้ เนื่องด้วยเป็นการกระทำความผิดครั้งแรก ประเด็นต่อมาคือ ลงในฐานความผิดอาญาลหุโทษ ทำให้จำเลยยังคงรับราชการเป็นตำรวจได้ต่อไปโดยที่ไม่ต้องออกจากราชการ แต่คนตายนั้น ไม่มีสิทธิแม้แต่ได้ดำรงชีวิตของตัวเองด้วยซ้ำ
ส่วนที่ 2 น.ต.ท.ภคพงศ์ นายต้องปราศจากความผิดทั้งหมด รวมถึงข้อครหาว่าเพราะนาย “โกหก” จึงต้องไปโดนธำรงวินัย
เอกสารที่แนบมานี้ ไม่ได้ถูกส่งประกอบเข้าไปในการฟ้องร้อง เพราะขอเอกสารจากต้นสังกัดเข้ามาในสำนวนไม่ทัน แต่ดิฉันอยากเอาออกมาเปิดเผยให้ทุกคนได้รับทราบโดยทั่วกันว่า เรื่องทั้งหมดที่เด็กชายคนนึงต้องรับมันไว้เกิดมาจากจุดใด
อยากให้ทุกคนได้อ่านมันไปพร้อมๆ กันและสรุปเรื่องราวนี้ในใจของท่านเองว่าคิดเห็นอย่างไร
เอกสารฉบับที่ 1 เป็นคำให้การของนักเรียนบังคับบัญชาที่พาน้องเมยเดินลงมาด้วยกัน และมีการอนุญาตให้ใช้บันไดเจ้าปัญหาแล้ว
เอกสารฉบับที่ 2 เป็นคำให้การของจำเลย ซึ่งเป็นนักเรียนบังคับบัญชาเช่นกันโปรดตั้งใจอ่านแล้วจะเห็นจุดขัดแย้ง
ส่วนที่ 3 ความรู้สึกของพวกเราสามคน ในฐาน พ่อ แม่ และพี่สาวของเด็กชายคนนึง เราทั้งสามคนต้องนั่งฟังคำให้การวนเวียนไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะว่าน้องเมยโกหกถึงได้รับผลเช่นนี้
ทุกปากที่มาขึ้นศาลหรือให้การกับตำรวจล้วนแล้วแต่ปรักปำให้เด็กชายเป็นคนผิด ไม่ใช่แค่จากนักเรียนด้วยกัน แต่จากปากผู้ปกครองของเด็กอื่นๆ ก็ด้วย “ไอ้ขี้โกหก” ทำให้ทุกคนต้องมาเสียชื่อเสียง โรงเรียนได้รับผลกระทบ ทำไมครอบครัวไม่ยอมทำใจยอมรับมันซะละ เพราะลูกแกนะมันเป็น “ไอ้ขี้โกหก” วันนี้คุณทุกคนลองอ่านทุกตัวหนังสือเสียใหม่นะว่าเรื่องต่างๆ เกิดขึ้นยังไง แล้วใครกันที่โกหก
อย่างน้องเด็กชายที่ตายไปได้สร้างแรงกระเพื่อมทิ้งไว้ ทำให้ระบบอะไรๆ มันดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา ก็มองข้อดีในตรงนี้กันบ้าง เพราะฉันรู้ว่ามันจริง
ส่วนที่ 5 วันนี้เดินทางมาสุดสายปลายทางของคดีแรกแล้ว พวกเราทำสำเร็จแล้วนะเมย แต่ถึงมันจะไม่ได้รู้สึกว่ายุติธรรมมากพอแต่มันก็สำเร็จแล้ว ฉันล้างมลทินทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้นายแล้ว ขอบคุณพ่อกับแม่ที่หัวใจแหลกสลายแค่ไหนแต่ก็แข็งแกร่งมากพอที่จะอยู่และทนรับความเจ็บปวดนี้ไว้
สุดท้ายนี้ฉันอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงระบบการพิจารณาความ อะไรที่เป็นอาญาทหารก็ให้ไปขึ้นศาลทหาร เหตุอะไรที่เกิดในกฎหมายอื่นก็อยากให้ไปขึ้นศาลพลเรือน เพราะการพิจารณาคดีมันแตกต่างกันจริงๆ
โกหกใครโกหกได้ แต่ใจเราโกหกตัวเองไม่ได้ เพราะฉันยืนตามความจริงมาตลอดฉันถึงแข็งแกร่ง ฉันถึงพูดออกมาโดยไม่เกรงกลัวใดๆ ด้วยรัก
ปล.วันนี้ทุกคนอ่านหนังสือเกิน 8 บรรทัดแล้วน้า ดีใจด้วย”