พ่อเคยทำไทยแตกแยก…ลูกก็มาทำอีกแล้ว
พ่อเคยทำให้ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะของความขัดแย้ง เกิดกีฬาสีระหว่างเสื้อเหลืองกับเสื้อแดง มีความรุนแรงถึงกับทำร้ายกัน เข่นฆ่ากัน ตายนับสิบ เจ็บนับร้อย ผัวเมียทะเลาะกัน พี่น้องทะเลาะกัน เพื่อนทะเลาะกัน คุยเรื่องการเมือง เรื่องบ้านเมืองไม่ได้ เพราะทัศนคติที่มีต่อผู้นำของประเทศไม่ตรงกัน ขนาดที่เรียกว่าต่างกันอย่างสิ้นเชิง เป็นการแตกแยกทางความคิดที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ทั้งนี้เพราะประชาชนมีความคิดเห็นต่อผู้นำของประเทศไม่ตรงกันแบบคนละขั้ว คนละข้าง บ้างชื่นชอบนโยบายประชานิยมของพรรคการเมือง
ในขณะที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นการใช้งบประมาณของประเทศในการดำเนินโครงการประชานิยมเพื่อความนิยมของพรรค โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดกับประเทศชาติ เป็นการคอร์รัปชันเชิงนโยบายที่ผู้นำและพวกมีผลประโยชน์ทับซ้อน และก็มีการโกงกินในหลายโครงการตามที่ศาลตัดสินให้ติดคุกหลายราย บางรายติดยาวนานหลาย 10 ปี ในขณะที่ผู้นำที่เป็นตัวการที่แท้จริงกลับรอด และหนีไปต่างประเทศ
ความแตกแยกยาวนานมาเกือบ 2 ทศวรรษ ฝ่ายแดงยกย่องเทิดทูนคุณพ่อว่าเป็นคนเก่ง เป็นเหมือนเทวดามาโปรดให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ฝ่ายแดงเรียกตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตยที่ถูกฝ่ายเหลืองที่พวกเขามองว่าเป็นเผด็จการ และเป็นอภิสิทธิ์ชน เอารัดเอาเปรียบคนเสื้อแดง เกิดความแตกแยกระหว่างคนกรุงกับคนชนบท ระหว่างชนชั้นกลางกับคนรากหญ้า เกิดวาทะคำว่าไพร่และอำมาตย์ เกิดความแตกแยกระหว่างฝ่ายที่เรียกตัวเองว่าประชาธิปไตย และเรียกขานอีกฝ่ายว่าเป็นเผด็จการ เพราะสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการทำรัฐประหาร
จนหลังการเลือกตั้งที่ฝ่ายแดงได้โอกาสจัดตั้งรัฐบาล เมื่อฝ่ายส้มผู้ชนะเลือกตั้งไม่อาจตั้งรัฐบาลได้ เพราะติดกับดักความต้องการแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 เพื่อให้ได้เสียงพอที่จะตั้งรัฐบาลได้ ฝ่ายแดงต้องรวมกับฝ่ายอนุรักษ์เหลือง ฝ่ายหลากสี (สลิ่ม) และฝ่ายน้ำเงินที่พวกเขาเคยเรียกว่าเผด็จการ โดยพรรคที่ถูกเรียกว่าพรรคเผด็จการบ้าง พรรคอนุรักษ์บ้าง พรรคสืบทอดอำนาจบ้าง มีข้อแม้ว่าในการรวมกันจัดตั้งรัฐบาลจะต้องไม่เอาพรรคส้มมาผสมด้วย ทำให้เกิดรัฐบาลผสมแบบข้ามขั้ว หลายฝ่ายนึกดีใจที่มีการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว พวกเขาต่างคิดว่าประเทศไทยน่าจะเลิกเล่นกีฬาสี และเข้าสู่ภาวะของความปรองดอง หลายคนมีความหวังที่จะเห็นประเทศเดินหน้าด้วยความสามัคคี ไม่ความขัดแย้งแตกแยกกันดังแต่ก่อน
แต่แล้วความหวังที่จะเห็นประเทศเดินหน้าด้วยความปรองดองก็เริ่มเลือนหาย เมื่อผู้พ่อกลับเข้ามาในประเทศ บอกว่าจะมาเลี้ยงหลาน ยอมรับการตัดสินของศาล และสำนึกผิด กราบบังคมทูลขอพระราชทานอภัยโทษ และได้รับพระมหากรุณาธิคุณลดโทษจากติดคุก 8 ปี เหลือเพียงปีเดียว แล้วเกิดขบวนการที่นักการเมือง ข้าราชการ และหมอช่วยให้เขาไม่ต้องนอนคุกแม้แต่คืนเดียว ขบวนการดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการบดขยี้กระบวนการยุติธรรมของไทย เกิดความแตกแยกระหว่างคนรักพ่อกับคนรังเกียจพ่ออีกครั้ง คนรักพ่อกล่าวหาคนรังเกียจการกระทำของพ่อว่าใจดำอำมหิตที่ต้องการให้คนแก่วัย 70 กว่าต้องติดคุกติดตะราง ในขณะที่คนรังเกียจพ่อมองว่าขบวนการช่วยให้พ่อไม่ติดคุกนั้นเป็นการละเมิดสิทธิ์คนอื่น และเป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรมของไทย
ความแตกแยกรุนแรงเกิดขึ้นอีกเมื่อคุณหนูผู้ลูกที่ไม่มีคุณสมบัติใดๆ ที่เหมาะสม ทั้งความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และวุฒิภาวะ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีจากการผลักดันของพ่อและลิ่วล้อทั้งหลายที่เป็นสาวกของพ่อ รวมทั้งพรรคร่วมที่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาล เมื่อคุณหนูได้เป็นนายกรัฐมนตรีก็มีทั้งคนเชียร์และคนด่า ความแตกแยกระหว่างคนเชียร์และคนชังก็ทำให้ประเทศไทยต้องกลับเข้าสู่วังวนของความแตกแยกอย่างชัดเจนอีกครั้ง
ความแตกแยกระหว่างคนชังและคนเชียร์เพิ่มความรุนแรงขึ้นเมื่อคุณหนูพลาดท่าเสียทีความเจ้าเล่ห์ของผู้นำกัมพูชาจนถูกกล่าวหาว่าขายชาติ หลายคนมองว่าการกระทำของคุณหนูเป็นการเชื้อเชิญให้ต่างชาติเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของไทย ด้วยการไปขอให้ผู้นำกัมพูชาเข้ามาช่วยไม่ให้ถูกคนไทยถล่ม และทำตัวเหมือนไส้ศึกไปบอกผู้นำกัมพูชาว่ารัฐบาลกับกองทัพอยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกัน ด้อยค่าการกระทำของทหาร ที่สำคัญที่สุดไปสัญญากับผู้นำกัมพูชาว่าอยากได้อะไร จะจัดให้ ทำให้ผู้นำกัมพูชาพูดจาหนักแน่น รุนแรง กร้าวราวว่าไม่เคยมียุคใดสมัยใดที่ผู้นำไทยกลัวกัมพูชาเท่ากับยุคนี้อีกแล้ว สถานการณ์เช่นนี้ ทำให้ประชาชนไม่พอใจ จี้ให้คุณหนูลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ และเรียกร้องให้พรรคร่วมถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะคุณหนูอยู่ต่อ และพรรคร่วมก็ยืนยันสนับสนุนให้คุณหนูอยู่ต่อ ทำให้ FC ของพรรคร่วมเกิดการแตกแยกกัน และที่รุนแรงที่สุดก็คือ FC ของพรรครวมไทยสร้างชาติที่ทะเลาะกัน ด่ากันรุนแรงมาก
ประชาชนจำนวนมากผิดหวังอย่างรุนแรงที่เรียกร้องให้พรรคร่วมลาออก ไม่ต้องการให้อุ้มคุณหนูต่อไป แต่เมื่อหลายพรรคไม่ลาออก เลือกที่จะอุ้มคุณหนูให้ไปต่อ ความแตกแยกรุนแรงของ FC พรรคร่วมจึงมีความแตกแยกมากขึ้น ฝ่ายหนึ่งมองว่านี่คือการอุ้มคนที่ทรยศชาติ ในขณะที่อีกฝ่ายมองว่านี่คือการวางยุทธศาสตร์ที่ชาญฉลาดในการทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน ในขณะที่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยมองว่า ด้วยจำนวน สส.ที่มี คงไม่อาจที่จะทำให้งานที่ต้องการทำ คือการผ่านกฎหมายพลังงานนั้น จะทำได้สำเร็จ เพราะกลุ่มทุนพลังงานหนุนพรรคแกนนำรัฐบาลอยู่ คงไม่ต้องการที่จะให้กฎหมายพลังงานของพรรครวมไทยสร้างชาติผ่าน และพวกเขายังเป็นห่วงอีกว่า พรรครวมไทยสร้างชาติอาจจะต้องไปร่วมสบันสนุน พ.ร.บ. Entertainment Complex ที่มี Casino และการพนัน Online ซ่อนอยู่ในนั้น น่าเป็นห่วงประเทศไทย เราจะสามัคคีกันไม่ได้แล้วสินะ เราจะทำยังไงกันดีเพื่อ save Thailand
- ยื่นคำร้อง ฟ้องร้องไปก็หลายเรื่องแล้ว ยังไม่เห็นว่าจะได้เรื่องอะไรบ้าง
- ยื่นเอกสารขอร้องให้ลาออกก็ไม่ออก
- ออกแถลงการณ์ให้ลาออกก็ไม่ยอมออก
- ชุมนุมขับไล่ให้ออก ก็ไม่ยอมออก การกระทำที่ผ่านมามันชัดเจนมากว่าเป็นการทำให้ประเทศชาติเสียหายหลายเรื่อง
- ไปขอให้ผู้นำต่างชาติมาช่วยสถานภาพที่ย่ำแย่ของตนเอง
- ไปบอกต่างชาติว่าตัวเองเป็นพวกเดียวกับต่างชาติและอยู่ตรงกันข้ามกับทหาร และยังดูถูกทหารว่าพูดเอาเท่ และมาตรการที่ประกาศออกไปนั้นก็ทำไปอย่างนั้นแหละ ไม่เอาจริงหรอก
- ไปสัญญากับต่างชาติว่าอยากได้อะไรจัดให้
- ไปขอเจรจากับกัมพูชาให้มาเจรจากัน ทางกัมพูชาไม่เจรจาและกล่าวหาว่าเราเริ่มต้นก่อน ถ้าหากจะคืนดีกัน ไทยต้องแก้ไขก่อน เขาจึงจะทำตาม
แบบนี้ ยังมีความชอบธรรมที่จะเป็นผู้นำของประเทศอีกไหมล่ะ คิดดูกันหน่อยนะคะ.