ปชน. ชงตั้งคกก.กลั่นกรองคดี 112 ย้ำจุดยืนกม.นิรโทษกรรม ยึดหลักให้อภัยไร้เงื่อนไข
"วิโรจน์" เผย "ปชน." ย้ำจุดยืนเดิม ถก"นิรโทษกรรม" ชี้ ไม่ควรเลือกปฏิบัติหรือมีเงื่อนไข แต่ควรตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองนักโทษคดี 112 ว่าใครควรได้รับการนิรโทษกรรม เชื่อ จะมองพฤติการณ์ ไม่ใช่หน้าตาผู้ได้รับอานิสงส์
5 กรกฎาคม 2568 - ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม 4 ร่างที่จะเตรียมเข้าสู่สภา ในวันที่ 9 ก.ค.นี้ หลังรัฐบาลเตรียมเลื่อนร่างพ.ร.บ. ประกอบกิจการสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ออกไปก่อน ว่า เป้าหมายของการนิรโทษกรรม คือการให้อภัย ฟื้นฟูความสัมพันธ์และเดินหน้ากันใหม่ ดังนั้น หากเดินหน้านิรโทษกรรมแบบมีเงื่อนไข ก็จะอธิบายต่อสังคมยาก พรรคประชาชนจึงยืนยันว่าเรา ย้ำในจุดยืนเดิม คือต้องมีคณะกรรมการ ที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเปิดเผยและโปร่งใส ขึ้นมาพิจารณานักโทษในคดีที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 อย่างลงรายละเอียดและกลั่นกรองก่อน และเราก็ยินดีรับหลักการของทุกร่าง เพราะเราเชื่อว่าการให้อภัยกัน ไม่ควรมีการลักลั่นหรือตั้งเงื่อนไขต่อกัน และเชื่อว่าข้อเสนอของเรา ไม่น่าจะมีใครปฏิเสธหากพิจารณาโดยวางอคติลง
เมื่อถามถึงกรณีที่หลายพรรคมีธงอยู่แล้วว่า ไม่นิรโทษกรรมให้กับนักโทษในคดี 112 นายวิโรจน์ กล่าวว่า ต้องหารือกันในการอภิปรายวาระหนึ่งซึ่งทางฝั่งที่เห็นด้วยก็ต้องแสดงความจริงใจ และคิดบนหลักให้อภัยกัน เพราะการให้อภัยหากเราเลือกปฏิบัติมันก็ผิดวัตถุประสงค์ และเราก็ทราบดีถึงความผิดในมาตรานี้ จึงไม่เลือกนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง แต่เสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมากลั่นกรอง พร้อมยอมรับว่าเรื่องนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับพรรคการเมืองอื่น เพราะเข้าใจว่าเอนเตอร์เทนเมนคอมเพล็กซ์จะเข้ามาก่อน
ส่วนการเดินหน้านิรโทษกรรม หลายคนก็มองหน้าตาของผู้ที่จะได้รับอานิสงส์ ซึ่งก็รวมถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตสส.พรรคก้าวไกล สส.พรรคประชาชนด้วย นายวิโรจน์ กล่าวว่า คณะกรรมการคงไม่ได้หยิบยกว่าหน้าตาใคร จะเป็นอย่างไร แต่คงดูที่พฤติการณ์เป็นหลัก แต่คดีมาตรา 112 ต้องยอมรับว่า เข้าข่ายเป็นคดีการเมือง เพราะแต่ละห้วงเวลามีมาตรฐานการดำเนินคดีที่แตกต่างกัน ถึงต้องมีคณะกรรมการขึ้นมากลั่นกรอง เนื้อหาสาระ องค์ประกอบทางนิตินัย พฤตินัย เจตนา โดยไม่ต้องสนใจว่าหน้าตาใครเป็นอย่างไร