“กรณ์” หวั่นภาษีสูงกว่าเพื่อนบ้าน ทำ “เงินลงทุนทางตรง” (FDI) หาย ส่วน “ต่างชาติในตลาดหุ้น” เชื่อไม่กระทบ เหตุขายไปมากแล้ว...แนะอาจต้องยอม “ลดภาษีให้สหรัฐ” เหลือ 0% เท่าเวียดนาม เพื่อแลกดีลนี้
นายกรณ์ จาติกวณิช ในฐานะประธานกรรมการและกรรมการอิสระ Finnomena เปิดเผยว่า จากกรณีที่สหรัฐอเมริกา ส่งจดหมายเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้ากับประเทศไทยที่อัตรา 36% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ถือเป็น Worst Case Scenario จากผลการเจรจาทางการค้า เพราะเป็นระดับที่ไม่ได้ลดหย่อนหลังจากที่ Donald Trump ประกาศ Reciprocal Tariff ครั้งแรก ซึ่งได้สร้างความท้าทายอย่างมากต่อระบบเศรษฐกิจไทย ความผันผวนของตลาดทุน รวมถึงกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันระหว่างประเทศ
(กรณ์ จาติกวณิช)
“อัตราภาษีที่ไทยโดยอเมริกาเรียกเก็บ 36% ถือว่าเป็นระดับที่สูงเกินกว่าจะยอมรับได้ กระทบโดยตรงต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศ มองว่าทีมเจรจาเศรษฐกิจ ต้องเดินเกมเชิงรุก อาจจะต้องยอมลดกำแพงภาษีให้อเมริกาเหลือ 0% เท่าเวียดนาม เพื่อแลกกับดีลในครั้งนี้แต่สิ่งสำคัญคือรัฐบาลต้องแสดงความจริงใจด้วยการสื่อสารข้อมูลที่ครบถ้วน เพราะสุดท้ายแล้วผลของการเจรจาต้องมีผู้ที่เสียผลประโยชน์ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะ Win-Win ทุกฝ่าย แม้ไทยจะยอมจนได้เงื่อนไข”
สุดท้ายถึงไทยจะได้เงื่อนไขเดียวกับเวียดนาม ไทยก็ “ไม่ใช่ผู้ชนะ” แต่ถ้าได้แย่กว่าเวียดนามถือว่าเป็น “ผู้แพ้” รัฐบาลคงต้องเตียมการสื่อสารกับผู้เกี่ยวข้องให้เข้าใจ เพราะจะมีทั้งอุตสาหกรรมที่ไม่มีสัดส่วนมากใน GDP แต่มีผลกระทบกับผู้คนมากอย่างภาคเกษตร รวมถึงอุตสาหกรรมที่มีผลต่อ GDP มากแต่ไม่มีผลกระทบต่อผู้คนมากนัก เช่น ภาคส่งออก นอกจากการสื่อสารแล้ว คงต้องเตรียมงบประมาณไว้ดูแลในเรื่องนี้ใหม่
“งบประมาณรายจ่ายปี69 ควรรื้อใหม่ทั้งหมด เพราะสถานการณ์เปลี่ยน ความจำเป็นในการใช้เปลี่ยน ควรจัดสรรงบประมาณใหม่ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ให้เพียงพอ”
ถ้าตัวเลขภาษีสุดท้ายของไทยสูงกว่าเพื่อนบ้าน น่าจะส่งผลกระทบต่อ “เงินลงทุนโดยตรงต่างชาติ” (FDI) ค่อนข้างชัดเจน เพราะไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องมาลงทุนที่ไทยในเมื่อไปที่เพื่อนบ้านเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ส่วน “เงินลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้น” (Portfolio Investment) ไม่น่ากังวลเท่าไรนัก เพราะต่างชาติขายไปมากแล้ว ดังนั้นระดับตลาดหุ้นไทย 1,100 – 1,000 จุด ก็น่าจะเอาอยู่ เพียงแต่ยังไม่มีปัจจัยบวกอะไรที่จะมาผลักดันให้ตลาดหุ้นไทยให้ปรับตัวขึ้นได้เท่านั้นเอง
“นี่ยังไม่นับปัจจัยการเมืองในประเทศของไทยเอง ที่เป็นปัจจัยลบที่สำคัญด้วยที่มากดดันในขณะนี้”
“ถ้าผมอยู่ในทีมเจรจาเศรษฐกิจ จะตัดสินใจเจรจาแบบเชิงรุก ร่วมมือกับกลุ่มประเทศในอาเซียน เปิดโต๊ะเจรจาภาษีการค้ากับสหรัฐฯ ผ่านเวทีการประชุมองค์การค้าโลก WTO เพื่อเพิ่มพลังการต่อรอง ขยายความร่วมมือทางการค้า และหาทางออกในรูปแบบที่ยั่งยืน พร้อมแสดงความจริงใจด้วยการสื่อสารข้อมูลที่ครบถ้วนกับคนไทย เพราะสุดท้ายแล้วผลของการเจรจาต้องมีผู้ที่เสียผลประโยชน์ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะ Win-Win ทุกฝ่าย” นายกรณ์ จาติกวณิช กล่าว