"กองทุน FIF” ทางรอดยุคเศรษฐกิจผันผวน ลงทุนต่างประเทศ พร้อมเซฟภาษีไปในตัว
ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงกดดันจากความไม่แน่นอนทางการเมือง และความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ นักลงทุนจำนวนไม่น้อยเริ่มมองหาเครื่องมือที่จะช่วยกระจายความเสี่ยง พร้อม ๆ กับสร้างโอกาสในการเติบโตของเงินลงทุน กองทุนรวมต่างประเทศ หรือที่รู้จักกันในชื่อ "กองทุน FIF" (Foreign Investment Fund) จึงกลายเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ได้รับความสนใจมากขึ้น เพราะไม่ใช่แค่เรื่องของผลตอบแทนเท่านั้น แต่กองทุน FIF ยังช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถวางแผนภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพควบคู่กันไปด้วย
กองทุน FIF คืออะไร?
FIF คือกองทุนรวมที่จัดตั้งโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ในประเทศไทย แล้วนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ REITs หรือแม้แต่กองทุนรวมต่างประเทศอีกต่อหนึ่ง นักลงทุนสามารถซื้อ-ขายได้เหมือนกองทุนทั่วไปผ่านแอปหรือธนาคาร ไม่ต้องเปิดพอร์ตต่างประเทศเอง
โดยนักลงทุนสามารถเข้าถึงตลาดหุ้นทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ยุโรป จีน หรือกลุ่มประเทศเกิดใหม่ โดยไม่ต้องจัดการเรื่องเอกสารการเปิดบัญชีในต่างประเทศ ซึ่งอาจซับซ้อนและมีค่าธรรมเนียมแฝง
ข้อดีของการลงทุนในกองทุน FIF
1.กระจายความเสี่ยงออกนอกประเทศ
การลงทุนในกองทุน FIF ช่วยให้นักลงทุนไม่ต้องพึ่งพาเฉพาะเศรษฐกิจไทย ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยเฉพาะ เช่น การเมือง หรือค่าเงินบาท การกระจายพอร์ตไปยังประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เช่น สหรัฐฯ หรือจีน ช่วยลดโอกาสที่พอร์ตจะผันผวนหนักจากปัจจัยในประเทศ
2.เข้าถึงโอกาสการเติบโตระดับโลก
นักลงทุนสามารถลงทุนในบริษัทชั้นนำระดับโลก เช่น Apple, Microsoft, Tesla, หรือบริษัทเทคโนโลยีและสุขภาพในยุโรปและเอเชีย ที่อาจไม่มีในตลาดหุ้นไทย
3.บริหารจัดการโดยมืออาชีพระดับโลก
กองทุน FIF มักลงทุนผ่านกองทุนต่างประเทศที่มีทีมผู้จัดการมืออาชีพ ซึ่งมีข้อมูลเชิงลึกและกลยุทธ์ที่ซับซ้อน ช่วยให้การลงทุนมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว
4.มีตัวเลือกหลากหลายตามธีมการลงทุน
นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้หลากหลายตามธีม เช่น พลังงานสะอาด, เทคโนโลยี AI, Healthcare, หุ้นกลุ่มนวัตกรรม หรือพันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศตามระดับความเสี่ยงที่รับได้
ความเสี่ยงของการลงทุนในกองทุน FIF
1.ความผันผวนจากตลาดต่างประเทศ
แม้จะได้กระจายความเสี่ยง แต่ตลาดต่างประเทศก็มีความผันผวนของตัวเอง เช่น เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัว สงครามการค้า หรือความเสี่ยงจากนโยบายของธนาคารกลางต่าง ๆ ซึ่งส่งผลต่อมูลค่ากองทุนโดยตรง
2.ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Currency Risk)
หากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน (Unhedged) นักลงทุนอาจขาดทุนได้ แม้กองทุนจะให้ผลตอบแทนในสกุลต่างประเทศเป็นบวก เช่น ลงทุนในกองทุนสหรัฐฯ แต่เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาก อาจทำให้ผลตอบแทนกลับมาติดลบเมื่อแปลงเป็นบาท
3.ค่าธรรมเนียมที่ซับซ้อนกว่าในประเทศ
กองทุน FIF มักมีค่าธรรมเนียมซ่อนอยู่หลายชั้น ทั้งของกองทุนไทยและกองทุนต่างประเทศ ซึ่งอาจลดผลตอบแทนรวมได้หากไม่ตรวจสอบให้ดี
4.ไม่สามารถควบคุมการลงทุนโดยตรงได้
นักลงทุนไม่มีสิทธิเข้าไปบริหารหรือเปลี่ยนกลยุทธ์ของกองทุนต้นทางได้เหมือนการลงทุนหุ้นรายตัว ทำให้ต้องยอมรับนโยบายและวิธีการบริหารของกองทุนอย่างเต็มที่
ลงทุน FIF ช่วยวางแผนภาษีได้อย่างไร?
หนึ่งในเหตุผลที่ FIF ได้รับความนิยมมากขึ้นคือเรื่องของ "สิทธิประโยชน์ทางภาษี" ที่ตอบโจทย์ทั้งสายลงทุนและสายวางแผนการเงิน เช่น
ลดหย่อนภาษี : หากลงทุนผ่าน FIF ที่เป็นกองทุนประเภท RMF หรือ SSF ผู้ลงทุนสามารถนำเงินลงทุนมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามเกณฑ์ที่ภาครัฐกำหนดได้
ยกเว้นภาษีจากกำไรขายหน่วยลงทุน : สำหรับกองทุน FIF ที่ไม่มีการจ่ายปันผล กำไรจากการขายหน่วยลงทุน (capital gain) จะไม่ต้องเสียภาษี
ภาษีปันผลแบบหัก ณ ที่จ่าย : หากเลือกกองทุนที่มีการจ่ายปันผล จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 10% ซึ่งผู้ลงทุนสามารถเลือกไม่รวมคำนวณภาษีปลายปีก็ได้
ทั้งนี้ ในภาพรวม การลงทุนผ่าน FIF มีความยืดหยุ่นด้านภาษีมากกว่าการไปลงทุนหุ้นต่างประเทศเองที่อาจมีภาระภาษีซับซ้อน ทั้งจากประเทศต้นทางและไทย
กองทุน FIF เหมาะกับใคร?
นักลงทุนที่ต้องการกระจายพอร์ตออกนอกประเทศ
ผู้ที่มีเป้าหมายลดหย่อนภาษีผ่าน RMF/SSF
ผู้ที่มองหากองทุนที่มีโอกาสเติบโตสูงในระยะยาว
ผู้ที่ต้องการลงทุนแบบสะดวก ไม่ต้องเปิดพอร์ตต่างประเทศเอง
ตัวอย่างกองทุน FIF ที่น่าสนใจ
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน สามารถแบ่งกองทุน FIF ออกตามธีมหรือภูมิภาคการลงทุน อาทิ
กองทุน FIF หุ้นสหรัฐฯ เช่น K-USA, SCBUS, TMBGQG
กองทุน FIF หุ้นทั่วโลก เช่น KFGBrand, B-INNOTECH
กองทุน FIF กลุ่มธีมพิเศษ เช่น ESG, Healthcare หรือ AI: ASP-EVOCH, KT-CHINA-A
ทั้งนี้ นักลงทุนสามารถดูผลตอบแทนย้อนหลังและสไตล์การลงทุนก่อนเลือกซื้อ โดยหลายกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน (hedging) ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการรับความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยน
อย่างไรก็ดี ก่อนตัดสินใจลงทุนในกองทุน FIF ผู้ลงทุนควรตรวจสอบรายละเอียดกองทุนให้ครบถ้วน โดยเฉพาะเรื่องค่าธรรมเนียม, นโยบายปันผล และความเสี่ยงจากค่าเงิน เพื่อให้การลงทุนไม่ใช่แค่สร้างผลตอบแทน แต่ยังช่วยวางแผนภาษีอย่างคุ้มค่าที่สุดด้วย