หุ้นโรงไฟฟ้ากระทบแค่ไหน? หากนำเข้า LNG จากสหรัฐ โอกาสหรือความเสี่ยง
บล.กรุงศรี ระบุว่า สหรัฐฯ ประกาศความคืบหน้าการเจรจาภาษีล่าสุดที่ 36% สำหรับไทย โดยปัจจุบันยังอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อรอข้อสรุปอีกครั้งภายในวันที่ 1 ส.ค.2568 ซึ่งปัจจุบันมีความเป็นไปได้ในกรณีของการนำเข้าLNG จากสหรัฐเพิ่มเติม ซึ่งยังไม่ทราบปริมาณที่แน่ชัด
ทั้งนี้ มองเป็นกลางต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า โดยประเมินการนำเข้า LNG เพิ่มเติมจากสหรัฐไม่มีผลอย่างมีนัยยะต่อผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า IPP ซึ่งมีสัญญาเป็นลักษณะส่งผ่านต้นทุนเชื้อเพลิงไปที่กฟผ. และ Renewables ที่ไม่ได้ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง
ขณะที่ผลต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP อาจเกิดขึ้นได้หลายกรณี อาทิ
เป็นบวกเล็กน้อยต่อโรงไฟฟ้า SPP ในกรณีที่มีการนำเข้า LNG เพิ่มเติมในกรอบ 1-2 ล้านตันต่อปีบนราคาก๊าซ Henry Hub ปัจจุบันราว 3.5 USD/MMBtu คาดเทียบเท่าราคา LNG หลังนำเข้าไทย 11-12 USD/MMBtu ซึ่งถูกกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ JKM LNG ปัจจุบันที่ 12.5 USD/MMBtu
มองเป็นลบต่อโรงไฟฟ้า SPP ในกรณีที่มีการนำเข้า LNG เพิ่มเติมสูงกว่า 2 ล้านตัน ซึ่งสูงกว่า Demand ก๊าซธรรมชาติปัจจุบันราว 30 ล้านตันต่อปี LNG คิดเป็น 30% ของ Pool gas และคาดว่าจะทำให้ราคา Pool gas ปรับตัวเพิ่มขึ้นเร็วเมื่อเทียบกับค่าไฟปัจจุบัน ซึ่งโดยนโยบายรัฐคาดหวังให้ระยะกลาง-ยาวค่าไฟลดลงมาที่ 3.5-3.7 บาทต่อหน่วย
สำหรับผลในระยะยาว 4-5 ปี หากมีการนำเข้า LNG จากสหรัฐเพิ่มขึ้นจริง มองเป็นบวกต่อ GULF ซึ่งเป็นผู้ประกอบ LNG Terminal แห่งที่ 3 ของไทยซึ่งอยู่ในช่วงก่อสร้าง บน Capacity 8 ล้านตันต่อปี และมีกำหนด COD ในปี 2571
อย่างไรก็ตาม เรายังคงเลือกGULF แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 56.5 บาท และ BCPG แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 8.00 บาท เป็น Top pick ของกลุ่มโรงไฟฟ้า โดยทั้งคู่ยังมี Theme การเติบโตที่ชัดเจน มีความเสี่ยงต่ำจากนโยบายลดค่าไฟภายในประเทศไทยและเวียดนาม และมองเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุดบนความไม่แน่นอนปัจจุบันสำหรับกลุ่มโรงไฟฟ้า