สหรัฐรีดภาษีอากร 'ทะลุ 1 แสนล้านดอลลาร์' ครั้งแรกในประวัติศาสตร์
กระทรวงการคลังสหรัฐ รายงานเมื่อวันศุกร์ว่า การจัดเก็บภาษีอากรสหรัฐ พุ่งสูงขึ้นอีกครั้งในเดือนมิถุนายน เนื่องจากมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีความรุนแรงขึ้น ส่งผลให้ยอดจัดเก็บภาษีอากรทะลุ "1 แสนล้านดอลลาร์" (ราว 3.24 แสนล้านบาท) เป็นครั้งแรกในรอบปีงบประมาณ และทำให้งบประมาณเกินดุลอย่างเหนือความคาดหมายถึง 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนดังกล่าว
ข้อมูลงบประมาณแสดงให้เห็นว่า "ภาษีศุลกากรกำลังเริ่มสร้างรายได้สำคัญให้กับรัฐบาลสหรัฐ" โดยการจัดเก็บภาษีศุลกากรในเดือนมิถุนายนเพิ่งทำสถิติใหม่ "เพิ่มขึ้น 4 เท่า" เป็น 2.72 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อคำนวณจากยอดรวม และ 2.66 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อคำนวณจากยอดสุทธิหลังหักภาษีแล้ว
ผลการจัดทำงบประมาณมีแนวโน้มที่จะตอกย้ำมุมมองของ ทรัมป์ ที่ว่า "ภาษีศุลกากรเป็นแหล่งทำรายได้ที่มหาศาล" และเป็นเครื่องมือเพื่อบังคับใช้นโยบายต่างประเทศที่ไม่เกี่ยวข้องกับการค้า โดยทรัมป์กล่าวเมื่อวันอังคารว่า "เงินก้อนโต" จะเริ่มไหลเข้ามาหลังจากที่เขากำหนดอัตราภาษีศุลกากร Reciprocal tariffs ที่สูงขึ้นกับคู่ค้าของสหรัฐในวันที่ 1 สิงหาคมนี้
ด้าน สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐโพสต์ในแพลตฟอร์ม X ว่า ผลลัพธ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าสหรัฐ "ได้รับผลตอบแทนเป็นอย่างดี" จากนโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์
"ในขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ทำงานอย่างหนักเพื่อทวงคืนอำนาจอธิปไตยทางเศรษฐกิจของประเทศชาติ แถลงการณ์รายเดือนจากกระทรวงการคลังในวันนี้แสดงให้เห็นถึงอัตราภาษีศุลกากรที่สูงเป็นประวัติการณ์ และไม่มีภาวะเงินเฟ้อ!" เบสเซนต์ระบุ
ที่มา: Reuters