หมอญี่ปุ่น เตือน 4 "ผงสีขาว" ตัวร้าย! ทำลายหลอดเลือดเร็วยิ่งกว่ามันสัตว์ มีแทบทุกครัว
สิ่งที่น่ากังวลคือ “ตัวการ” ทั้ง 4 ที่ทำลายหลอดเลือดเหล่านี้ เป็นของใกล้ตัวที่เราคุ้นเคย และหลายคนบริโภคเป็นประจำมากกว่าไขมันสัตว์เสียอีก
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไขมันสัตว์มักถูกมองว่าเป็น “ภัยร้ายต่อหัวใจ” เนื่องจากมีไขมันอิ่มตัวสูง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหลอดเลือดแข็งและอุดตัน
อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์วาตานาเบะ ศัลยแพทย์หัวใจชื่อดังของญี่ปุ่น ได้ออกมาเตือนว่า มี “ผงสีขาว” 4 ชนิดที่เราพบเห็นทั่วไป ซึ่งสร้างความเสียหายต่อหลอดเลือดได้เร็วกว่ามันสัตว์ และทำลายอย่างเงียบเชียบ หากบริโภคเป็นประจำโดยไม่ควบคุม อาจทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งตัวราวกับหินในไม่ช้า
RDNE Stock project
1. น้ำตาลทรายขาว
ต่างจากไขมันสัตว์ที่ต้องใช้เวลาสะสมกว่าจะเกิดโทษ น้ำตาลทรายขาวกลับถูกดูดซึมอย่างรวดเร็ว ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นอย่างฉับพลัน ก่อนจะตกลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งความผันผวนนี้ส่งผลเสียต่อระบบเผาผลาญของร่างกาย นอกจากจะกระตุ้นการสะสมไขมันในช่องท้องแล้ว ยังเร่งการเกิดอนุมูลอิสระที่ก่อให้เกิดการอักเสบ และทำลายเยื่อบุหลอดเลือดอย่างเงียบ ๆ อีกด้วย
ต่างจากมันสัตว์ที่หลายคนมักหลีกเลี่ยง น้ำตาลทรายขาวกลับแฝงตัวอย่างแนบเนียนอยู่ในของหวาน น้ำซอส เนื้อแปรรูป น้ำจิ้ม และเครื่องดื่มบรรจุขวด ทำให้เราบริโภคเกินปริมาณที่ควรโดยไม่รู้ตัว
องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำว่า ไม่ควรบริโภคน้ำตาลทรายขาวเกิน 50 กรัมต่อวัน หรือคิดเป็นไม่เกิน 10% ของพลังงานทั้งหมดที่ได้รับในแต่ละวัน
2. แป้งสาลีขัดขาว
การกินมันสัตว์ เรามักรู้ตัวและสามารถหลีกเลี่ยงได้ง่าย แต่แป้งสาลีขัดขาว ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักในขนมปัง บิสกิต บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรือซาลาเปา กลับเป็น “ตัวการเงียบ” ที่แฝงตัวอยู่ในอาหารยอดนิยมเหล่านี้
แม้จะไม่มีไขมัน แต่แป้งสาลีขัดขาวก็ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงได้ไม่แพ้น้ำตาลทรายขาว ส่งผลให้ร่างกายดื้อต่ออินซูลิน และกระตุ้นให้เกิดภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ ซึ่งเป็นพื้นฐานของโรคหลอดเลือดแข็งตัว
ศาสตราจารย์วาตานาเบะ เน้นว่า “อาหารที่ผ่านการขัดสีมากเท่าไร คุณค่าทางโภชนาการยิ่งน้อยลง แต่ความเสี่ยงต่อสุขภาพกลับเพิ่มขึ้น” ในขณะที่เราสามารถควบคุมการกินมันสัตว์ได้ด้วยการลดปริมาณในแต่ละมื้อ แป้งสาลีกลับแฝงอยู่ในอาหารหลายชนิด จนทำให้เราบริโภคเกินความจำเป็นโดยไม่รู้ตัว
3. เกลือ
แม้มันสัตว์จะเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลในเลือด แต่เกลือกลับทำร้ายหัวใจและหลอดเลือดในอีกทางหนึ่ง โดยการทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ผนังหลอดเลือดจึงต้องเผชิญแรงดันตลอดเวลา จนนำไปสู่ภาวะหลอดเลือดแข็งตัว ป่องพอง หรือแม้แต่หลอดเลือดแตก
เพียงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 1 ชาม ก็อาจมีปริมาณเกลือใกล้เคียงกับขีดจำกัด 6 กรัมต่อวัน ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก
สิ่งที่ทำให้เกลือน่ากลัวยิ่งกว่ามันสัตว์ คือเราไม่สามารถสัมผัสอันตรายได้ในทันที ผลเสียมักปรากฏเมื่อหัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันโลหิตสูง หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนอย่างโรคหลอดเลือดสมอง
ทางเลือกที่ดีคือเปลี่ยนวิธีปรุงรส เช่น ใช้น้ำส้มสายชู กระเทียม หรือมะนาว แทนน้ำปลาและซีอิ๊วข้น เพื่อช่วยลดปริมาณโซเดียมโดยไม่เสียรสชาติอาหาร
4. ผงโปรตีน
หากไขมันสัตว์เป็นอันตรายต่อคนที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย ผงโปรตีนก็อาจเป็นภัยเงียบต่อคนที่ออกกำลังกายหนัก หากใช้อย่างไม่ระวัง
หลายคนบริโภคผงโปรตีนมากถึง 5 ช้อนต่อวันเพื่อเร่งสร้างกล้ามเนื้อ แต่กลับกลายเป็นการเร่งให้ไตทำงานหนักเกินไป และเมื่อไตเริ่มเสื่อม ร่างกายจะขับโซเดียมและน้ำออกได้ยาก ความดันเลือดจึงสูงขึ้น และนำไปสู่ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
ศาสตราจารย์วาตานาเบะ เตือนว่า “นอกจากหลอดเลือดแล้ว ไตก็เป็นอีกอวัยวะหนึ่งที่อ่อนแอต่อการใช้ผงโปรตีนเกินขนาด และเพราะไตเป็นอวัยวะเงียบ ความเสียหายจึงมักถูกพบเมื่อหัวใจได้รับผลกระทบไปแล้ว”
สำหรับคนสุขภาพดีที่ไม่มีข้อบ่งชี้เฉพาะ ไม่ควรพึ่งพาผงโปรตีนเป็นหลัก ควรเลือกแหล่งโปรตีนธรรมชาติ เช่น เนื้อไม่ติดมัน ปลา หรือไข่ ซึ่งให้คุณค่าทางโภชนาการอย่างปลอดภัยต่อทั้งหัวใจและไต