นับถอยหลังภาษีทรัมป์: เปิดลิสต์ใครปิดดีลแล้ว – ใครยังต้องลุ้นต่อ
นับถอยหลังภาษีทรัมป์: เปิดลิสต์ใครปิดดีลแล้ว ใครยังต้องลุ้นต่อ
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -31 ก.ค. 68 18:11 น.
หลายประเทศทั่วโลก เตรียมพร้อมรับมือกับอัตราภาษีที่เพิ่มสูงขึ้น จากนโยบายของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ซึ่งสร้างความวิตกกังวลต่อความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่อาจเพิ่มมากขึ้น โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ หลังถูกเลื่อนมา 2 ครั้ง จากการประกาศครั้งแรกในวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา
ประธานาธิบดีทรัมป์เคยกล่าวในบทสัมภาษณ์กับ Time Magazine ว่า เขาตั้งเป้าทำข้อตกลงมากกว่า 200 ฉบับ และปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาฝ่ายการค้า ก็เคยบอกว่า มีความเป็นไปได้ที่จะทำได้ 90 ดีล ใน 90 วัน แต่จนถึงตอนนี้ สหรัฐฯ ยังคงทำได้ไม่ถึงเป้า โดยทำได้เพียง 8 ข้อตกลงเท่านั้น ตลอดระยะเวลา 120 วันที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงข้อตกลงกับสหภาพยุโรป (EU) ที่มีสมาชิก 27 ประเทศ
สำนักข่าว CNBC ได้รวบรวมข้อมูลของประเทศที่สามารถปิดดีลกับสหรัฐฯ ได้ก่อนเส้นตาย 1 ส.ค. พร้อมกับอัตราภาษีและเงื่อนไขต่างๆ ที่ตามมา นอกจากนี้ยังรวบรวมความเคลื่อนไหวของชาติคู่ค้าและพันธมิตรสำคัญบางส่วนของสหรัฐฯ ที่ยังคงต้องรอลุ้นว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรต่อไป
*** สหราชอาณาจักร คว้าดีลแรก
สหราชอาณาจักร เป็นประเทศแรกที่บรรลุข้อตกลงกับสหรัฐ ถูกเรียกเก็บภาษีพื้นฐาน 10% รวมถึงได้รับโควตาในการส่งออกและการยกเว้นต่าง ๆ สำหรับผลิตภัณฑ์ เช่น รถยนต์และสินค้าการบินและอวกาศ
อย่างไรก็ตาม บางประเด็นในข้อตกลงการค้ายังคงไม่ชัดเจน รวมถึงภาษีเหล็กกล้าและอะลูมิเนียม รวมไปถึงการเจรจาเกี่ยวกับภาษีบริการดิจิทัลที่น่าจะยังดำเนินอยู่
*** เวียดนาม ปิดดีลลดภาษีเหลือครึ่งหนึ่ง
ด้านเวียดนาม เป็นประเทศที่ 2 ที่บรรลุข้อตกลง โดยทรัมป์เรียกเก็บภาษีจากเวียดนามลดลงจากระดับ 46% เหลือ 20% อย่างไรก็ตาม ภาษีสำหรับสินค้าที่ถูกส่งต่อ (Transshipping) ของเวียดนามจะอยู่ที่ 40% สำหรับสินค้าที่มีต้นกำเนิดจากประเทศอื่น ซึ่งถูกส่งมายังเวียดนามเพื่อจัดส่งขั้นสุดท้ายไปยังสหรัฐฯ โดยยังไม่ชัดเจนว่า ภาษีนี้จะนำมาใช้จริงอย่างไร นอกจากนี้ ทรัมป์ยังระบุว่า เวียดนามจะเปิดตลาดเสรีสำหรับสินค้าจากสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม รายงานจาก Politico เผยในภายหลังว่า ดูเหมือนเวียดนามจะถูกเก็บภาษีที่ 20% โดยคาดไม่ถึง ซึ่งในตอนแรก ผู้เจรจาคาดหวังว่า สหรัฐฯ จะเก็บภาษีเพียง 11% ก่อนที่ทรัมป์จะประกาศอัตรา 20% เพียงฝ่ายเดียว
*** อินโดนีเซีย ยอมลดอุปสรรคทางการค้า
อัตราภาษีของอินโดนีเซียลดลงเหลือ 19% จาก 32% โดยสหรัฐฯระบุว่า อินโดนีเซียจะยกเลิกอุปสรรคทางการค้าสำหรับผลิตภัณฑ์ของสหรัฐฯ ที่ส่งออกไปยังอินโดนีเซียกว่า 99% ในทุกภาคส่วน รวมถึงผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและพลังงาน โดยข้อตกลงดังกล่าว ยังระบุว่าทั้ง 2 ประเทศจะดำเนินการกับอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษีและอุปสรรคอื่น ๆ ที่สหรัฐฯ เผชิญในตลาดอินโดนีเซีย
*** ฟิลิปปินส์ ลดลงเปอร์เซ็นต์เดียว
ฟิลิปปินส์เป็นเพียงประเทศเดียวที่อัตราภาษีลดลงเพียง 1% เหลือ 19% จาก 20% โดยฟิลิปปินส์จะไม่เรียกเก็บภาษีสินค้าของสหรัฐฯ ขณะที่ทรัมป์ระบุว่า สหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ จะร่วมมือกันทางทหาร โดยไม่ได้ระบุรายละเอียดใด ๆ ซึ่งทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงไปเมื่อวันที่ 22 ก.ค.
*** ญี่ปุ่น ห้ามแตะ "ข้าว-ยานยนต์"
ญี่ปุ่น บรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 23 ก.ค. โดยอัตราภาษีลดลงเหลือ 15% จาก 25% และเป็นประเทศแรกที่ได้รับอัตราภาษีที่ลดลงในภาคส่วนรถยนต์ โดยทรัมป์ระบุว่า อาจจะเป็นข้อตกลงที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา และญี่ปุ่นจะลงทุน 550,000 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ ซึ่งสหรัฐฯ จะได้รับผลกำไร 90%
ก่อนหน้าที่จะปิดดีลกับญี่ปุ่น ทรัมป์กล่าวว่า การเจรจากับญี่ปุ่นเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะญี่ปุ่นไม่ยอมนำเข้าข้าวจากสหรัฐฯ ทั้งที่กำลังเผชิญภาวะขาดแคลนข้าวในประเทศ
*** EU เสียงแตก ฝรั่งเศสโวย ตกอยู่ในภาวะจำยอม
สหรัฐฯ กับสหภาพยุโรป (EU) เจรจากันมายาวนาน ก่อนจะปิดดีลไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (27 ก.ค.) โดยยุโรปจะเผชิญกับอัตราภาษีพื้นฐาน 15% ซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของ 30% ที่ทรัมป์เคยขู่ ขณะที่ภาษีสำหรับรถยนต์จะลดลงเหลือ 15% และภาษีสำหรับผลิตภัณฑ์บางชนิด เช่น เครื่องบินและยาสามัญบางชนิดจะกลับไปสู่ระดับก่อนเดือน ม.ค.
ข้อตกลงดังกล่าวเผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์ รวมถึงจากผู้นำยุโรปบางกลุ่ม นำโดยฟรองซัวส์ บายรู นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ที่ออกมาพูดถึงข้อตกลงนี้ว่า เป็นการยอมจำนนและเป็นวันที่มืดมน
แต่มารอส เชฟโควิช กรรมาธิการการค้าของสหภาพยุโรป มองว่า ข้อตกลงนี้เป็นดีลที่ดีที่สุดที่เราจะได้รับภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างยิ่ง
*** เกาหลีใต้ เคาะที่15%
เกาหลีใต้เป็นประเทศล่าสุดที่บรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ ในวันนี้ ซึ่งเงื่อนไขที่ได้รับนั้นคล้ายคลึงกับญี่ปุ่น โดยเคาะภาษีที่ 15% ภาษีนำเข้ายานยนต์ลดลงมาอยู่ที่ 15% เช่นกัน ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่าเกาหลีใต้จะลงทุนในสหรัฐฯ เป็นเงิน 350,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยตัวเองจะเป็นคนกำหนด
ด้านฮาวเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ กล่าวว่า กำไร 90% จากเงินลงทุนก้อนนี้ จะเป็นของชาวอเมริกัน ขณะที่ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ อี แจ-มยอง กล่าวว่าเงินลงทุนดังกล่าวจะเปิดทางให้บริษัทของเกาหลีใต้ในอุตสาหกรรม อาทิ การต่อเรือและเซมิคอนดักเตอร์ เข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ได้มากขึ้น
*** จีน เจรจากันต่อไป
การเจรจาการค้าของสหรัฐฯ กับจีนแตกต่างจากประเทศอื่น ๆ เพราะจีนตกเป็นเป้าทางการค้าของทรัมป์อย่างชัดเจนตั้งแต่วินาทีแรกที่รับตำแหน่ง
สิ่งที่น่าสังเกตก็คือ แทนที่จะมีการทำข้อตกลงเหมือนกับประเทศอื่น ๆ สหรัฐฯ และจีนมีการประกาศภาษีใส่กันหลายต่อหลายครั้ง และลงเอยที่จะระงับภาษี ในตอนแรกจีนถูกเรียกเก็บภาษี 34% เมื่อช่วงต้นเดือนเม.ย. ก่อนพุ่งเป็น 145% สำหรับสินค้านำเข้าไปยังสหรัฐฯ และจีนได้ตอบโต้สหรัฐฯ ด้วยอัตราภาษี 125% ต่อมาในเดือนพ.ค. ทั้งสองฝ่ายมีเจรจาการค้าครั้งแรกที่นครเจนีวา ของสวิตเซอร์แลนด์ นำไปสู่การสงบศึก จนถึงวันที่ 12 ส.ค. ปัจจุบันจีนเผชิญกับอัตราภาษีรวม 30% ในขณะที่สหรัฐฯ อยู่ที่ 10%
ล่าสุด การประชุมระหว่างจีน-สหรัฐฯ ที่กรุงสตอกโฮล์ม สวีเดน สิ้นสุดลงโดยไม่มีการขยายเวลาสงบศึก แต่รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า จะไม่มีการขยายเวลาสงบศึกจนกว่าทรัมป์จะลงนาม
สำหรับประเทศที่ยังไม่มีข้อตกลง คาดว่า จะถูกเก็บภาษีพื้นฐานในอัตรา 15-20% ทั่วโลกตามที่ทรัมป์เคยพูดไว้ ซึ่งสูงกว่าภาษีพื้นฐาน 10% ที่ประกาศเมื่อเดือนเ.ย. ส่วนประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะถูกรีดภาษีตอบโต้ในอัตราที่สูงขึ้น
*** อินเดีย พ่วงค่าปรับ
ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีอินเดียที่ 25% ไปเมื่อวันพุธ (30 ก.ค.) พร้อมขู่เก็บค่าปรับที่ยังไม่ได้ระบุตัวเลขต่อสิ่งที่เขามองว่า เป็นนโยบายการค้าที่ไม่เป็นธรรม และสำหรับการที่อินเดียซื้อยุทโธปกรณ์ทางทหารและพลังงานจากรัสเซีย
"แม้ว่าอินเดียจะเป็นพันธมิตรของเรา แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราทำธุรกิจกับพวกเขาค่อนข้างน้อยเพราะภาษีสูงเกินไป เป็นหนึ่งในกลุ่มที่สูงที่สุดในโลก" ทรัมป์โพสต์บน Truth Social
อัตราภาษี 25% นั้นต่ำกว่าอัตรา 26% ที่ทรัมป์เคยประกาศในเดือนเม.ย. แต่ก็ยังอยู่ในกลุ่มฐานภาษีสูง ในช่วง 20%-25% ที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่ากำลังพิจารณาอยู่
***แคนาดา ยังเจรจาเข้มข้น
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่าน แคนาดาและสหรัฐฯ มีการตอบโต้ไปมาอยู่บ่อยครั้งเกี่ยวกับเรื่องภาษี โดยแคนาดาถูกเก็บภาษีก่อนที่ทรัมป์จะประกาศภาษีตอบโต้
แคนาดากำลังเผชิญกับภาษีนำเข้า 35% สำหรับสินค้าที่ส่งไปขายในสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. โดยทรัมป์ยังขู่ว่าจะเพิ่มอัตราดังกล่าวหากมีการตอบโต้ ซึ่งภาษีส่วนนี้เก็บแยกจากภาษีรายภาคส่วน ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ มักอ้างถึงยาเสพติดจากแคนาดาที่ลักลอบนำไปยังสหรัฐฯ เพื่อสร้างแรงกดดันด้วยการขึ้นภาษี
ด้านมาร์ค คาร์นีย์ นายกรัฐมนตรีแคนาดากล่าวเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า สหรัฐฯ ละแคนาดาเข้าสู่ช่วงการเจรจาอย่างเข้มข้น โดยรอยเตอร์รายงานว่า โอกาสที่จะมีการทำข้อตกลง โดยที่ไม่รวมภาษีใด ๆ นั้นไม่น่าจะเกิดขึ้นได้
*** เม็กซิโก ยังไม่มีสัญญาณคืบหน้า
เม็กซิโกตกเป็นเป้าหมายภาษีของสหรัฐฯ มานานแล้ว เช่นเดียวกับแคนาดา โดยทรัมป์อ้างถึงเรื่องยาเสพติดและการอพยพผิดกฎหมายเป็นเหตุผลในการประกาศเก็บภาษีกับเพื่อนบ้านอย่างเม็กซิโก ซึ่งทรัมป์มองว่า เม็กซิโกยังไม่ได้ดำเนินการมากพอในเรื่องความมั่นคงชายแดน
ปัจจุบัน เม็กซิโกถูกกำหนดภาษีที่ 30% แม้รัฐบาลเม็กซิโกจะย้ำถึงความสำคัญที่พันธมิตรทางการค้าจะต้องแก้ไขปัญหาของตนก่อนวันที่ 1 ส.ค. ก็ตาม แต่ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ยังไม่มีสัญญาณความคืบหน้ามากนักในการบรรลุข้อตกลง
*** ออสเตรเลีย ยังอยู่ที่ภาษีพื้นฐาน 10%
ปัจจุบัน ออสเตรเลียถูกคิดภาษีอยู่ที่ 10% เนื่องจากมีขาดดุลการค้ากับสหรัฐฯ แต่ก็อาจเผชิญกับอัตราภาษีที่สูงขึ้นหากทรัมป์ตัดสินใจเพิ่มอัตราพื้นฐานเป็น 15%-20% โดยยังไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะว่า รัฐบาลออสเตรเลียอยู่ระหว่างการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ หรือไม่
รายงานระบุว่า แอนโทนี อัลบานีส นายกรัฐมนตรี ออสเตรเลีย ได้แย้งเรื่องการขาดดุลของออสเตรเลียกับสหรัฐฯ และข้อตกลงการค้าเสรีในปัจจุบัน ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งชี้ว่า สินค้านำเข้าจากออสเตรเลียไม่ควรที่จะต้องเสียภาษี
เมื่อเร็วๆ นี้ ออสเตรเลียได้ผ่อนคลายมาตรการจำกัดการนำเข้าเนื้อวัวของสหรัฐฯ ซึ่งสำนักงานผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ ให้เครดิตว่าเป็นผลงานของทรัมป์ แต่ตามรายงานระบุว่า อัลบานีสกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะทรัมป์
ที่มา CNBC
รายงาน โดย Supak Hopuengju เรียบเรียง โดย Supak Hopuengju
อีเมล์. supak@efinancethai.com
ดูข่าวต้นฉบับ