โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

รู้ทันโรค-ภัยสุขภาพเดือนส.ค. ‘อาร์เอสวี-ไข้เลือดออก-ชิคุนกุนยา’ ป่วยเพิ่มขึ้น

The Bangkok Insight

อัพเดต 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • The Bangkok Insight

กรมควบคุมโรค เผยสถานการณ์โรคและภัยสุขภาพ เดือนสิงหาคม พบอาร์เอสวี-ไข้เลือดออก-ชิคุนกุนยา ป่วยเพิ่มขึ้น เตือนภัยการระบาดและโรคเฝ้าระวังในค่ายอพยพ

แพทย์หญิงจุไร วงศ์สวัสดิ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค และนายแพทย์วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค แถลงข่าวหัวข้อ สิงหามั่นใจ รู้เท่าทันโรคและภัยสุขภาพ พร้อมแนะวิธีป้องกันตนเองจากโรคและภัยสุขภาพ

ไข้เลือดออก
  • โควิด 19

ปี 2568 มีผู้ป่วย 611,616 ราย ผู้เสียชีวิต 257 ราย พบการระบาดเป็นกลุ่มก้อน จำนวน 43 เหตุการณ์ ส่วนใหญ่พบในสถานศึกษา และตั้งแต่สัปดาห์ที่ 24 พบแนวโน้มผู้ป่วยลดลงอย่างต่อเนื่องถึงปัจจุบัน

  • โรคไข้หวัดใหญ่

วันที่ 1 มกราคม - 13 สิงหาคม 2568 ผู้ป่วยสะสม 440,961 ราย ผู้เสียชีวิต 53 ราย ในผู้เสียชีวิตมีโรคประจำตัว 32 ราย เช่น โรคไต โรคหลอดเลือดหัวใจ ความดันโลหิตสูง วัณโรคปอด ปอดอุดกั้นเรื้อรัง และภาวะบกพร่องทางสติปัญญา เป็นต้น

กลุ่มอายุที่พบอัตราป่วยมากที่สุด คือ กลุ่มอายุ 5 - 9 ปี สายพันธุ์ที่ตรวจพบมากที่สุด เป็น A/H1N1 (pmd09) ทั้งนี้ ในเดือนสิงหาคม มีการระบาดเป็นกลุ่มก้อน 4 เหตุการณ์ โดยพบในศูนย์อพยพชั่วคราวชายแดนไทยกัมพูชา 3 เหตุการณ์ และเรือนจำ 1 เหตุการณ์

  • โรคติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (RSV)

ปี 2568 พบผู้ป่วย 4,221 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต แนวโน้มผู้ป่วยยังคงเพิ่มสูงขึ้น และสูงกว่าปี 2567 ทั้งนี้ การติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี เป็นการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจทั้งส่วนบนและส่วนล่าง สามารถเกิดการติดเชื้อได้ในทุกกลุ่มอายุ แต่อาการจะรุนแรงในเด็กเล็ก เด็กที่คลอดก่อนกำหนด และผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี รวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น เบาหวาน โรคปอด โรคหัวใจ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันร่างกายผิดปกติ เป็นต้น

เชื้อ RSV สามารถติดต่อได้ผ่านการหายใจเอาละอองเสมหะของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ RSV เช่น น้ำมูก น้ำลาย หรือสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนสารคัดหลั่ง เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ลูกบิดประตู ของเล่น ฯลฯ และสามารถมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานหลายชั่วโมง มีระยะฟักตัวอยู่ที่ 2 - 8 วัน โดยส่วนใหญ่เฉลี่ย 4 - 6 วัน การรักษาโรค RSV ในปัจจุบันเป็นการรักษาตามอาการ ยังไม่มียาต้านไวรัสที่จำเพาะ

  • โรคไข้เลือดออก

ปี 2568 พบผู้ป่วยไข้เลือดออก 36,439 ราย ผู้เสียชีวิต 41 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยเรียน แต่อัตราป่วยตายสูงในกลุ่มอายุ 45 ปีขึ้นไป ปัจจัยเสี่ยงในผู้ป่วยเสียชีวิต คือ มีโรคประจำตัว ได้รับยา NSAIDs ไปโรงพยาบาลช้า ติดสุรา และมีภาวะน้ำหนักเกินมาตรฐาน มีการพบผู้ป่วยไข้เลือดออกเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ทั้งนี้ โรคไข้เลือดออกเกิดจากการถูกยุงลายที่มีเชื้อไวรัสเดงกี่กัด หากถูกกัดจะมีอาการไข้สูงเฉียบพลัน มากกว่า 2 วัน ร่วมกับปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน ผื่นใต้ผิวหนัง

  • โรคชิคุนกุนยา (โรคไข้ปวดข้อยุงลาย)

ปี 2568 พบผู้ป่วย 902 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ มีการพบผู้ป่วยสูงกว่าปี 2567 ถึง 2.2 เท่า โดยพบผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อนที่เชียงใหม่ บึงกาฬ และลำพูน ทั้งนี้ โรคชิคุนกุนยาเกิดจากการถูกยุงลายที่มีเชื้อไวรัสชิคุนกุนยากัด หากถูกกัดจะมีอาการไข้สูงเฉียบพลัน ร่วมกับปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย มีผื่น บางคนมีอาการปวดข้ออาจนานหลายสัปดาห์หรืออาจเป็นเดือน

  • โรคไข้มาลาเรีย

ปี 2568 พบผู้ป่วย 9,201 ราย ผู้เสียชีวิต 2 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่ม 25 - 44 ปี อาชีพที่พบผู้ป่วยมากที่สุด คือ เกษตรกรรม ทั้งนี้ ผู้ป่วยมีแนวโน้มลดลงและต่ำกว่าปี 2567 แต่ยังคงพบผู้ป่วยต่อเนื่องบริเวณชายแดนฝั่งตะวันตกของประเทศ

  • โรคเอดส์/เอชไอวี (HIV)

ปี 2568 มีผู้อยู่ร่วมเอชไอวีสะสม 551,293 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 7,165 ราย (ส่วนใหญ่เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อฉวยโอกาสหรือโรคร่วมอื่นๆ เช่น วัณโรค ปอดอักเสบจากการติดเชื้อ เป็นต้น)

ทั้งนี้ หากติดเชื้อเอชไอวีสามารถเข้าสู่ระบบการรักษาได้ทันที ฟรีทุกสิทธิ ด้วยการกินยาต้านเอชไอวี (Antiretroviral Drug) โดยเอชไอวีสามารถรักษาได้แต่ไม่หายขาด จำเป็นต้องกินยาต้านเอชไอวีไปตลอดชีวิต

ผู้ติดเชื้อเอชไอวีสามารถมีชีวิตยืนยาว และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างปกติหากรักษาเร็ว กินยาเร็ว และมีวินัยในการกินยา นอกจากนี้ หากกินยาอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ จนสามารถกดเชื้อไวรัสในเลือดน้อยกว่า 200 ก็อปปี้ต่อมิลลิลิตร จะทำให้สุขภาพดี และไม่ถ่ายทอดเชื้อสู่คู่

  • โรคฝีดาษวานร (Mpox)

ปี 2565 - 2568 มีผู้ป่วยสะสม 921 ราย เสียชีวิตสะสม 13 ราย ทั้งนี้ สายพันธุ์ Clade II เป็นสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย แต่มีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์ Clade I ปัจจุบันพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ Clade Ib สะสมรวม 5 ราย ซึ่งทุกรายเป็นผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อมาจากต่างประเทศซึ่งเป็นพื้นที่แพร่ระบาด

ข้อแนะนำประชาชน หลีกเลี่ยงสถานที่แออัดหรือสัมผัสผู้มีผื่นสงสัย ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น หมั่นล้างมือ ทำความสะอาดจุดสัมผัสร่วม เฝ้าระวัง สังเกตอาการเบื้องต้น โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หรือภูมิคุ้มกันต่ำ เด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี หากมีอาการสงสัยให้รีบพบแพทย์ทันที อย่าชะล่าใจเนื่องจากมีโอกาสอาการรุนแรงและอาจเสียชีวิตได้

  • ไวรัสตับอักเสบบีและซี

มะเร็งตับและท่อน้ำดีเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุด ในผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ของประเทศไทยปี 2565 ทั้งนี้ สาเหตุมะเร็งตับ 70% มาจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี จึงขอเชิญชวนประชาชนผู้ที่เกิดก่อนปี 2535 ตรวจคัดกรองหาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี

ส่วนหญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีความเสี่ยง ได้แก่ เคยได้รับการถ่ายเลือดหรือปลูกถ่ายอวัยวะ ผู้ที่มีประวัติการใช้ของมีคม หรือเข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น มีคนในครอบครัวป่วยด้วยโรคไวรัสตับอักเสบบีและซี ผู้ที่มีพฤติกรรมทางเพศที่มีความเสี่ยง แนะนำให้ตรวจคัดกรองหาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี

ปัจจุบันสิทธิการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี ยังไม่ครอบคลุมสำหรับผู้ใหญ่ หากมีความประสงค์ฉีดวัคซีนฯ แนะนำให้สอบถามค่าใช้จ่ายและปรึกษาแพทย์จากหน่วยบริการที่ประสงค์จะเข้ารับบริการ

  • โรคไข้หวัดนก

สถานการณ์ทั่วโลกมีผู้ป่วยสะสมโรคไข้หวัดนกสายพันธุ์ A(H5N1) จำนวน 986 ราย ผู้เสียชีวิต 473 ราย อัตราป่วยตาย 48% สำหรับประเทศไทยความเสี่ยงยังอยู่ในระดับต่ำ แต่ยังต้องมีการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง แนะประชาชน รับประทานอาหารที่ปรุงสุก โดยเฉพาะสัตว์ปีก ไข่ และผลิตภัณฑ์จากโคนม หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีก สุกรหรือโคนม ที่ป่วยหรือตายผิดปกติ ควรสวมหน้ากากอนามัย สวมถุงมือ และล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัส เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีก สุกร และโคนม

หากพบสัตว์ปีกป่วยตายจำนวนมาก ควรรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ หากมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น ไข้ ไอ น้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ หรือตาแดงอักเสบ ควรรีบไปพบแพทย์ สำหรับประชาชนที่เดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดต้องหมั่นติดตามข่าวสารการระบาดของพื้นที่ที่จะเดินทางไป กรณีเดินทางกลับจากต่างประเทศ หากมีอาการป่วยคล้ายกับโรคไข้หวัดใหญ่ให้รีบไปพบแพทย์พร้อมแจ้งประวัติการสัมผัสสัตว์และประวัติการเดินทาง

  • โรคลีเจียนแนร์

ปี 2568 มีรายงานผู้ป่วย 44 ราย เสียชีวิต 1 ราย อายุระหว่าง 4 - 88 ปี เป็นผู้ป่วยที่ได้รับรายงานจากต่างประเทศ 33 ราย และรายงานจากในประเทศไทย 11 ราย จำแนกเป็นชาวต่างชาติ 35 ราย ชาวไทย 9 ราย

นอกจากนี้ สถานการณ์โรคลีเจียนแนร์ในนักท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม -12 สิงหาคม 2568 ผู้ป่วยสะสม จำนวน 34 ราย เสียชีวิต จำนวน 1 ราย แนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ 2567

ทั้งนี้ โรคลีเจียนแนร์เป็นโรคปอดอักเสบชนิดรุนแรงที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Legionella spp. พบในแหล่งน้ำ เช่น ระบบปรับอากาศ หัวฝักบัว อ่างน้ำ หอผึ่งเย็น ระบบท่อ หรือถังเก็บน้ำ ติดต่อผ่านการสูดละอองน้ำหรือไอน้ำที่มีเชื้อเข้าสู่ปอด ไม่ติดต่อจากคนสู่คน อาการมักเริ่มภายใน 2 - 10 วัน หลังจากสัมผัสเชื้อ กลุ่มเสี่ยงที่มีความรุนแรงมากขึ้นหากติดเชื้อ คือ ผู้สูงอายุ ผู้สูบบุหรี่ ผู้มีโรคประจำตัว

  • โรคเลปโตสไปโรสิส (ไข้ฉี่หนู)

วันที่ 1 มกราคม - 13 สิงหาคม 2568 ผู้ป่วยสะสม 2,298 ราย มีผู้เสียชีวิต 29 ราย กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยมากที่สุด คือ กลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มอายุที่พบผู้เสียชีวิตมากที่สุด คือ กลุ่มอายุ 50 - 59 ปี โรคเลปโตสไปโรสิสเป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน เกิดจากการติดเชื้อเลปโตสไปร่า มีระยะฟักตัว 2 - 30 วัน แต่ส่วนใหญ่มักเกิดภายใน 5 - 14 วัน หลังลุยน้ำย่ำโคลน สามารถติดต่อได้จากการสัมผัสกับปัสสาวะของสัตว์ที่ติดเชื้อสัมผัสกับน้ำหรือดินที่ปนเปื้อนเชื้อ กินอาหารที่ปนเปื้อนกับปัสสาวะของสัตว์

ข้อแนะนำประชาชน 1. หลีกเลี่ยงการลุยน้ำย่ำโคลน หรือลงแช่น้ำเป็นเวลานาน 2. หากจำเป็น ควรสวมรองเท้าบู๊ต ถุงมือยาง ขณะลุยน้ำท่วมขัง ย่ำดินชื้นแฉะ หรือทำความสะอาดบ้านเรือนหลังน้ำลด 3. หลังลุยน้ำย่ำโคลนหรือลงแช่น้ำให้ ล้างมือ ล้างเท้า หรืออาบน้ำด้วยสบู่และน้ำสะอาดทันที 4. หากมีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตัวหรือปวดกล้ามเนื้อ หลังเดินลุยน้ำย่ำโคลนหรือลงแช่น้ำ 1 - 2 สัปดาห์ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที และแจ้งประวัติการเดินลุยน้ำให้แพทย์ทราบ

  • โรคเมลิออยโดสิส (โรคไข้ดิน)

ปี 2568 มีผู้ป่วย 2,436 ราย ผู้เสียชีวิต 116 ราย กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยมากที่สุด คือ 60 ปีขึ้นไป แนะประชาชน

1. หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำย่ำโคลนหรือสัมผัสดินและน้ำโดยตรงหากจำเป็นขอให้สวมรองเท้าบู๊ต ถุงมือยาง กางเกงขายาวหรือชุดลุยน้ำ หลังสัมผัสดินและน้ำให้ทำความสะอาดร่างกายด้วยสบู่และน้ำสะอาดทันที

2. หากมีบาดแผลที่ผิวหนัง ควรรีบทำความสะอาดด้วยยาฆ่าเชื้อและหลีกเลี่ยงการสัมผัสดินและน้ำจนกว่าแผลจะแห้งสนิท

3. รับประทานอาหารปรุงสุก ดื่มน้ำในบรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานหรือน้ำต้มสุกทุกครั้ง 4. หลีกเลี่ยงการสูดดมลมฝุ่นและการอยู่ท่ามกลางสายฝน 5. หากมีอาการไข้สูงต่อเนื่อง 2 วัน ร่วมกับมีประวัติการสัมผัสดินและน้ำ ให้รีบพบแพทย์ทันที

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก The Bangkok Insight

ดร.ตฤณห์ เปิดพฤติกรรม ‘เสือX’ 5 ประเภทของมนุษย์

21 นาทีที่แล้ว

เช้านี้ 11 พื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา สถานการณ์ปกติ

33 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

พยากรณ์อากาศวันนี้ 20 ส.ค. 68 ทั่วไทยฝนลดลง แต่ยังมีฟ้าคะนองบางแห่ง

WeR NEWS

ระทึก! ชาวเพชรบูรณ์ฮือฮา ควันสีขาวหนาทึบพุ่งสูงกลางเมือง ยังไม่ทราบสาเหตุ

มุมข่าว

ท่านเรวัช พูดชัด! สาเหตุไม่ไปออกรายการโหนกระแส หลังหลายคนสงสัย รู้เเล้วเข้าใจเลย

News In Thailand

ทุ่ง ‘ยี่หร่า’ ผลิดอกเหลือง ดังผ้าห่มดินในหนิงเซี่ย

Xinhua

ถอดสูตรความสำเร็จ ‘YOLK’ ทาร์ตไข่ที่ทำรายได้ 100 ล้านใน 8 เดือน มีอะไรที่มากกว่าการเป็นกระแส?

THE STANDARD
วิดีโอ

"อันวาร์" ต่อสายไทย-กัมพูชา ถกปมคณะ IOT | เนชั่นโฟกัส | 20 ส.ค. 68 | NationTV22

NATIONTV

เพจดังโต้สื่อเขมร อีกหนึ่งหลักฐานสำคัญ คลิปทหารกัมพูชาลอบวางระเบิด

Thaiger

ราคาทองวันนี้ 20 ส.ค.68 ร่วงลงอีกแล้ว ให้ไวเลย เทียบราคาปิดวานนี้

Khaosod

ข่าวและบทความยอดนิยม

รีบเลย!! 7 กลุ่มเสี่ยง ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี ภายใน 31 ส.ค.นี้

The Bangkok Insight

มหาเถรสมาคม สั่งวัดพระบาทน้ำพุ ยกเลิกเทศน์วันสงกรานต์-ปิดบัญชีธนาคาร

The Bangkok Insight

อินโดนีเซียพบนักลงทุนส่วนใหญ่อายุต่ำกว่า 30 ปี ในตลาดหุ้น IDX

The Bangkok Insight
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...