คำพูดจากหัวหน้าเป็นแค่ลมปากได้เหรอ? รับมือยังไงเมื่อหัวหน้าเน้นสัญญา แต่ไม่เน้นรักษาสัญญา
‘Deal is not a deal’
นั่งพิมพ์งานยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พอใครถามก็บอกไม่มีอะไร (แบบเสียงสูง) รู้คนเดียวอยู่ในใจ เพราะเดือนนี้หัวหน้าจะได้เลื่อนตำแหน่งให้เราอย่างเป็นทางการแล้ว แถมพฤติกรรมหลายอย่างของหัวหน้าบ่งชี้สุดๆ ว่าเขาชอบเราขนาดไหน ทั้งชื่นชมงานของเราไม่ขาดปาก ยกนิ้วโป้งให้ทุกครั้งตอนนำเสนองาน หรือกระทั่งอวยเราต่อหน้าเพื่อนร่วมทีมคนอื่น บอกได้คำเดียว ว่าเลื่อนแน่นอนงานนี้
แต่พอถึงเวลาจริงกลับต้องฝันสลาย เพราะรอจนหมดเดือนก็ยังไม่เห็นมีเอกสารหรือประกาศเลื่อนตำแหน่งออกมาให้สักที จนอดคิดไม่ได้ว่าสิ่งที่คุยกันเมื่อเดือนก่อนมันคืออะไรกันแน่ หัวหน้าพูดเล่นหรือว่าเปลี่ยนใจไม่เลื่อนให้เราแล้ว
เป็นแบบนี้ทุกที รู้อยู่แหละว่าเขาพูดอะไรแล้วไม่จำ (หรืออาจจำได้แต่ไม่ทำ) ทว่าเราในฐานะพนักงานตัวจ้อย พอเขาตบปากรับคำเสียขนาดนั้น มีหรอจะไม่เชื่อใจ แล้วแอบหวังว่าหัวหน้าจะทำมันจริงๆ
เมื่อคำพูดหัวหน้าเป็นเพียงแค่ลมปาก
นึกย้อนเวลานัดกินข้าวกับเพื่อน หลังจากเลือกร้านเสร็จ อีกฝ่ายก็ตบปากรับคำเรียบร้อย แต่พอถึงเวลาจริง เจ้าตัวก็ดันยกเหตุผลร้อยแปดพันเก้ามาอ้าง พร้อมทิ้งท้าย ‘ไว้รอบหน้าเรามานัดกันใหม่นะ’
แค่เพื่อนผิดคำพูด ไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้ เรายังรู้สึกหงุดหงิดและแอบเคืองอยู่ไม่น้อยเลย แล้วถ้าลองเปลี่ยนจากเพื่อนเป็นหัวหน้างานของเราแทน ความรู้สึกผิดหวังคงทวีคูณ ผลกระทบก็คงร้ายแรงกว่าการผิดนัดกับเพื่อนอย่างแน่นอน
ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะ อีริค บลูม (Eric Bloom) ผู้อำนวยการบริหารสถาบันการจัดการและความเป็นผู้นำ ชี้ให้เห็นว่า สถานะระหว่างหัวหน้ากับลูกน้องมีความต่างชั้นกันของอำนาจอยู่พอสมควร จึงเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อหัวหน้าพูดอะไรออกมาสักอย่าง คนทำงานก็จะเชื่อมั่นและยึดถือคำพูดเหล่านั้นมากกว่าปกติ เพราะพวกเขาต่างมองว่า คำพูดของคนเป็นหัวหน้า ก็คงไม่ใช่คำพูดเล่นๆ
ลองนึกถึงกรณีที่หัวหน้าบอกว่า ‘หากทำโปรเจ็กต์นี้สำเร็จ จะได้เลื่อนตำแหน่ง’ สำหรับลูกน้อง มันถือเป็นคำมั่นสัญญาที่พวกเขาจะยึดเอามาเป็นแรงผลักดันตลอดการทำงาน แต่เมื่อโปรเจ็กต์สำเร็จ แล้วไม่มีประกาศเลื่อนตำแหน่งตามที่เคยสัญญาไว้ แน่นอนว่าพนักงานอย่างเราก็คงมองหัวหน้าเปลี่ยนไปและไม่อยากมอบความเชื่อมั่นให้อีกฝ่ายอีก
ทั้งนี้ การผิดคำพูดของหัวหน้า อาจส่งผลกระทบต่อตัวพนักงานและองค์กรมากกว่าที่คิดเอมี่ คูเปอร์ ฮาคิม (Amy Cooper Hakim) นักจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์กร ได้นำเสนอผลกระทบของการไม่รักษาคำพูดของหัวหน้างานเอาไว้ ดังนี้
ความไว้วางใจต่อตัวหัวหน้าลดลง
เมื่อมีครั้งที่ 1 ก็มีครั้งที่ 2 พอหัวหน้าไม่รักษาคำพูดของตัวเองบ่อยครั้งเข้า ลูกน้องก็จะเริ่มไม่เชื่อคำพูดของหัวหน้าอีกต่อไป จนหลายคนก็อาจไม่อยากร่วมงานหรือมีปฏิสัมพันธ์กับหัวหน้า เพราะไม่อยากรู้สึกผิดหวังอีก ส่งผลต่อการทำงานในภาพรวม โดยเฉพาะในเรื่องของการสื่อสารระหว่าง 2 ฝ่าย
แรงจูงใจในการทำงานลดลง
ลองนึกภาพ เมื่อหัวหน้าผิดคำสัญญาบ่อยๆ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับการขึ้นเงินเดือนหรือการเลื่อนตำแหน่ง เราก็คงหมดใจและไม่มีแรงจูงใจจะทำ เพราะไม่รู้ว่าจะตั้งใจทำงานไปทำไม สุดท้ายประสิทธิภาพของทั้งคนทำงานและตัวงานก็อาจลดลง ซึ่งองค์กรก็อาจได้รับผลกระทบจากตรงนี้ด้วยเช่นกัน
เพิ่มโอกาสในการลาออกของคนทำงาน
เชื่อว่าในฐานะคนทำงาน ก็คงไม่อยากทำงานอยู่ในองค์กรที่มีหัวหน้าไม่รักษาคำพูด รับปากอะไรไว้ก็ทำไม่ได้หรอก เพราะท้ายสุด ต่อให้เราทำงานหนักแค่ไหน เราก็จะไม่ได้รับผลตอบแทนที่สมควรได้รับ นั่นจึงส่งผลให้พนักงานอาจมองหางโอกาสใหม่ๆ ที่มีผู้นำเชื่อถือได้ และพร้อมให้พวกเขาได้เติบโตในสายงานจริงๆ เพราะบางครั้งคนที่ลาออกก็อาจเป็นพนักงานเก่งๆ ที่อาจย้ายไปทำองค์กรคู่แข่งก็ได้
ดังนั้น ก็คงไม่แปลก ถ้าเราจะรู้สึกท้อแท้และไม่อยากทุ่มเททำงานต่อในวันที่คำมั่นสัญญาของหัวหน้าเป็นเพียงแค่ลมปาก พูดออกมาลอยๆ จะหยิบคว้าไว้ก็ทำไม่ได้
เจอหัวหน้าแบบนี้ รับมือยังไงดี
สำหรับพนักงานตัวน้อยอย่างเรา เมื่อหัวหน้าพูดอะไรมาแล้ว ก็คงคาดหวังให้เขาทำตามที่เขาพูด แต่เมื่อเขาทำไม่ได้ ก็อาจต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อไม่ให้เราต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องลอยเคว้งท่ามกลางคำพูดเขาอีก
เราจึงได้รวบรวมวิธีการรับมือกับหัวหน้าประเภทนี้ จาก Office Bantomime แพลตฟอร์มเว็บไซต์ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการให้ข้อมูลเชิงลึกทางธุรกิจ มาลองให้ทุกคนได้นำไปประยุกต์ใช้ตามสถานการณ์ของแต่ตัวเองดู
หลักฐานสำคัญสุด
เมื่อมีการทำข้อตกลงอะไรบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างเรากับหัวหน้า การเก็บหลักฐานเอาไว้ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็น อีเมล โน้ตในที่ประชุม หรือกระทั่งบันทึกเสียงในกรณีที่คุยกันแบบส่วนตัว เพื่อใช้เป็นเครื่องยืนยันในสิ่งที่หัวหน้าสัญญาไว้ ตลอดจนป้องกันการเปลี่ยนคำหรือปฏิเสธในภายหลัง
สื่อสารกับหัวหน้าอย่างตรงไปตรงมา
แม้จะเป็นเรื่องยาก หากแต่การสื่อสารกับอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา ก็อาจทำให้หัวหน้าเห็นถึงปัญหาอันเกิดขึ้นจากตัวเขาเอง ว่ามันอาจสร้างผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน เรื่อยไปจนถึงตัวองค์กรได้เลย มันอาจช่วยให้หัวหน้าเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงเราเองก็อาจรับรู้ข้อจำกัดจากอีกฝ่ายได้ด้วย
ขอความชัดเจนและคำมั่นสัญญาที่แน่นอน
เมื่อหัวหน้าพูดหรือให้สัญญาอะไร ควรถามรายละเอียดให้ชัดเจนไปเลย ไม่ว่าจะเป็น วันเวลา หมายกำหนดการ ตลอดจนเงื่อนไขอื่นๆ ที่จำเป็น เพื่อให้คำพูดของอีกฝ่ายมีความชัดเจน แถมยังเพิ่มโอกาสไม่ให้อีกฝ่ายบิดเราได้ด้วย
ถามคนอื่นว่าเจอกับสถานการณ์แบบเดียวกันไหม
ถ้าเขาทำแบบนี้กับเรา ก็มีโอกาสที่จะทำแบบนี้กับคนอื่นได้ด้วยเช่นกัน เราอาจลองมองหาและถามคนในองค์กร ว่าประสบกับปัญหาแบบเดียวกับเราหรือไม่ เพื่อหาคนสนับสนุนและเพิ่มเสียงในการเรียกร้องหรือประสานงานกับฝ่ายบุคคล รวมถึงฝ่ายบริหารที่มีอำนาจเหนือกว่าหัวหน้าของเรา
หากหัวหน้ายังคงมีพฤติกรรมไม่รักษาคำพูดและผิดสัญญากับลูกน้องบ่อยครั้งเข้า มันก็อาจถึงเวลาที่เราต้องเริ่มพิจารณาหาเส้นทางอื่นๆ ในสายงานสำรองเอาไว้ เพราะท้ายสุดแล้ว หากหัวหน้าไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ยังคงทำแบบเดิมซ้ำๆ พนักงานตัวจ้อยอย่างเราก็คงไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงไม่ได้แสดงศักยภาพตัวเองออกมาอย่างเต็มที่
สุดท้ายอย่าลืมว่า คนทำงานก็มีหัวใจ ทุกคำสัญญาหรือทุกการรับปาก ล้วนมีผลกับใจเสมอ
อ้างอิงจาก
Graphic Designer: Manita Boonyong
Editorial Staff: Runchana Siripraphasuk