"ภูมิธรรม" ยันหนุนกองทัพทุกอย่าง จ่อฟ้องถูกกล่าวหา "เข้าข้างเขมร"
วันนี้ (13 ส.ค.2568) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีทหารในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งกองทัพบกออกมาโพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก กองทัพบก ทันกระแส “หากจำเป็นกองทัพพร้อมใช้สิทธิ์ป้องกันตนเอง” ว่า ได้ทราบข่าวแล้ว 09.10 น. ที่เกิดเหตุทหารเหยียบกับระเบิดทุ่นระเบิด เมื่อวานนี้ (12 ส.ค.)
ตนขอแสดงความเสียใจกับนายทหารที่ได้รับบาดเจ็บ เป็นเรื่องที่ต้องเห็นใจ ในการทำหน้าที่ ซึ่งทางทหารได้เสนอว่า จะต้องปกป้องตนเอง ซึ่งตามสนธิสัญญากฎหมายระหว่างประเทศสามารถทำได้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่กระทบ และผิดอนุสัญญาต่าง ๆ โดยเฉพาะการใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งผิดอนุสัญญาออตตาวา
ทุกอย่างมีกระบวนการต้องไปดำเนินการยื่นฟ้องร้องกับสหประชาชาติให้เห็นว่า เรื่องนี้เป็นปัญหา และสหประชาชาติจะมีขั้นตอน แจ้งให้ทั้งสองฝ่ายรับทราบ และมีขบวนการที่จะดำเนินการต่อตามกฎหมาย
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้หารือกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเตรียมพร้อมยื่นเรื่องต่อสหประชาชาติ ซึ่งเรื่องนี้จะต้องใช้ความระมัดระวัง แต่เป็นเรื่องที่ทำได้และควรจะทำ ซึ่งเห็นได้ชัดว่า ความประสงค์ของทางกัมพูชา ไม่ได้มีเจตนาที่จะให้เกิดสันติภาพ เดี๋ยวคงจะต้องมีการพูดคุยกัน
ส่วนจะต้องมีการส่งสัญญาณ ลงไปในพื้นที่ว่า กองทัพสามารถใช้สิทธิ์ปกป้องตนเองได้หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า มีขั้นตอน กระบวนการ กองทัพบกจะต้องดำเนินการ เพราะพื้นที่หน้างานจะสะท้อนให้รับทราบ ซึ่งกองทัพบก กระทรวงการต่างประเทศ และรัฐบาลจะต้องพูดคุยกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะให้ความมั่นใจกับประชาชนอย่างไร เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ประชาชนก็ไม่มั่นใจและอพยพออกจากพื้นที่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ตนเห็นใจ เพราะประชาชนก็หวาดระแวง เป็นหน้าที่ของหน่วยงานราชการทุกส่วน และกองทัพ ที่ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนให้มาก ไม่ให้ตื่นตระหนกเกินไป
นอกจากนี้ นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึงการนำเสนอข่าวว่า ขณะนี้มีสื่ออิสระจำนวนมาก ปั่นข่าวทำให้เกิดความไม่สบายใจ “ต้องขอร้องให้ทุกคนช่วย ขณะที่สื่อกระแสหลักส่วนใหญ่ โดยเฉพาะสื่อที่มีสำนักข่าวที่ชัดเจน ช่วยกันทำความเข้าใจ ช่วยกันชี้แจง จะช่วยได้เยอะ”
ส่วนกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่าน แอปพลิเคชันเอ็กซ์ อยากให้รัฐบาลยื่นศาลอาญาระหว่างประเทศ นายภูมิธรรมกล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศทำมาหลายเรื่องแล้ว ที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกับเลขาธิการสหประชาชาติ และคณะกรรมการอนุสัญญาออตตาวา
สิ่งสำคัญคือการชี้แจงทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน และการที่จะทำให้นานาชาติได้รับรู้ เรายังทำช้าไป ยังเสียงดังไม่พอ แต่ท่านก็ยืนยันว่า ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการต่างประเทศ ต่างประเทศเข้าใจเรามากกว่าเข้าใจกัมพูชา เพราะคนมองเห็นก็จะได้เห็นในรายละเอียดต่าง ๆ แต่สิ่งสำคัญคือคนที่อยู่ในประเทศนี่แหละ ต้องทำให้ชัดเจน ถ้าทำให้คนในประเทศเข้าใจก็จะเป็นเรื่องที่ดีมาก
ส่วนกรณีที่เพจกองทัพภาคที่ 2 โพสต์ขอรับบริจาครั้วลวดหนามหีบเพลง นายภูมิธรรม กล่าวว่า อยากจะเรียนและทำความเข้าใจไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จริง ๆ ในกระบวนการ ถ้าหากคิดว่าไม่พอ สามารถแจ้งมายังกองทัพ หรือผู้บัญชาการทหารบก สิ่งเหล่านี้สามารถจะบอกได้ เพราะตนพูดตลอดเวลากับทั้ง 3 เหล่าทัพว่า อะไรที่ขาดและจำเป็น ให้ยื่นเรื่องขึ้นมา รัฐบาลจะให้งบกลางช่วยเต็มที่ก็ไม่เคยมีเรื่องนี้
ที่ผ่านมา ยื่นอะไรมา เราก็อนุมัติหมด ทั้งงบประมาณหรือกำลังพล จริง ๆ ยังไม่จำเป็นถึงขั้นขนาดไปขึ้นเพจขอให้ประชาชนมาช่วย เพราะจะทำให้เกิดความไม่เข้าใจ รัฐบาลไม่มีอะไรขัดขวาง ซึ่งผมจะเรียนให้แม่ทัพภาค 2 ได้ทราบ เดี๋ยวผมจะโทรคุย ถ้าขาดจริง ๆ ให้บอกมา เรามีงบประมาณให้อยู่แล้ว
อะไรสามารถเอามาจากที่ไหนได้ ก็ให้เอามาก่อน ตรงไหนขาดบอกมา จะใช้วิธีพิเศษ พิจารณาได้เลย ขอให้ได้ของ มีเท่านั้นเอง เรื่องนี้ผมว่า เป็นเรื่องที่อาจจะทำให้เกิดความไม่เข้าใจกัน รัฐบาลยืนยัน อะไรที่เป็นเรื่องสร้างความเข้มแข็งให้กับกำลังพล และรักษาอธิปไตยของประเทศ รัฐบาลไม่ได้ขัดอะไรเลย วันนี้เปิดงบกลางให้ได้ใช้อยู่แล้ว
“ภูมิธรรม” ฉุนถูกวิจารณ์เข้าข้างเขมร ลั่นฟ้องให้หมด
นายภูมิธรรม กล่าวต่อถึงกรณีการวิพากษ์วิจารณ์การบริหารงาน ในกรณีการแก้ไขปัญหาตามแนวปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ขอความกรุณาพี่น้องประชาชน ให้ช่วยกันในการแก้ไขปัญหา เพราะตนก็ไม่ได้รับความเป็นธรรมเช่นเดียวกัน แต่อยู่ในฐานะหน้าที่ ก็พยายามจะนิ่งให้ได้มากที่สุด
การที่บอกว่าผมไปเข้าข้างเขมร และวิจารณ์เรื่องระเบิดที่ตกลงมายังโรงพยาบาลนั้น ยืนยันว่าไม่จริง ขอให้ไปฟังคลิปเต็มที่ผมชี้แจงว่า ทำไมระเบิดถึงมาลงที่โรงพยาบาล ซึ่งก็บอกว่ามันไม่ใช่การเฉพาะเจาะจงที่เป้าหมายทางทหาร เหมือนของไทยที่เจาะจงเป้าหมาย และไม่มีพลเรือนเสียชีวิต และการยิงของกัมพูชา เป็นการยิงด้วย BM 21 ซึ่งเป็นอาวุธที่ยิง 1 ครั้ง มีการกระจายหลายจุด ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร จึงขออย่าเอาไปบิดเบือนทำลายรัฐบาล สร้างความไม่ไว้วางใจให้กับรัฐบาล ทำให้ประชาชนไม่ไว้วางใจ เกิดความแตกแยกซึ่งจะเป็นปัญหา
นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันยังมีนักวิชาการบางคน ที่บอกให้ตนลองตัดขา จะได้รับรู้ถึงหัวอกทหาร ทั้งหมดตนจะฟ้อง แม้ตนเป็นคนที่ไม่เคยคิดจะฟ้องใคร แต่คิดว่าเรื่องนี้ต้องทำให้ประจักษ์ เหมือนกรณีที่ตนเคยถูกโจมตีโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล (ในคดีหมิ่นประมาทที่ระบุว่า นายภูมิธรรมเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์) จนกระทั่งนายสนธิ แพ้ตนในชั้นศาลฎีกา
ซึ่งนายสนธิก็ได้ผ่านการขอโทษตนมาแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ก็เหมือนกัน อย่าพูดอะไรพล่อยๆ อย่าพูดอะไรที่ทำให้เกิดความแตกแยก ทำลายคนอื่น และตนอยากให้สื่อมวลชนช่วยสื่อสารในสิ่งที่ตนพูดไป ถ้าไม่เช่นนั้น ตนคิดว่าควรจะพูดในสิ่งที่ควรพูดเท่านั้น จะไม่พูดอะไรที่มากไปกว่านี้แล้ว
พอพูดไปแล้วมีการนำไปทำร้ายกัน บิดเบือน ตัดตอนบางส่วนและไม่มีใครช่วยเหลือ ผมคิดว่าต้องทำให้มันเป็นธรรม ไม่เช่นนั้นก็ไม่เหมาะสม ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่อยู่ในใจ ผมจะให้ทนาย ดำเนินการฟ้องทั้งหมด ที่บิดเบือนจากข้อเท็จจริง เพราะผมมีข้อมูลเสียงสัมภาษณ์เก็บไว้หมดแล้ว
อ่านข่าว : “ลาออก-ยุบสภาฯ” ทางเลือกรีเซ็ตการเมือง?