เปิดแฟ้มคดีม. 112 ของนักการเมืองจากยุคเสื้อแดงสู่ชุมนุม’ 63
22 สิงหาคม 2568 ศาลอาญาพิพากษายกฟ้องทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กรณีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกาหลีใต้เมื่อปี 2557 เกี่ยวกับการรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และถูกกล่าวหาว่า ถ้อยคำบางส่วนพาดพิงพระมหากษัตริย์
นี่ไม่ใช่คดีมาตรา 112 คดีแรกที่มีผู้ต้องหาเป็น “นักการเมือง” ระดับชาติ ซึ่งหมายถึงเป็นผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับชาติ (เช่น นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา) หรือเคยสมัครรับเลือกตั้งในระดับประเทศ เพราะหากย้อนกลับไปดูความขัดแย้งทางการเมืองไทยนับแต่การรัฐประหาร 2549 เป็นต้นมา คดีมาตรา 112 มักถูกใช้ในห้วงเวลาที่ความขัดแย้งและการชุมนุมทางการเมืองขยายตัว ผู้ถูกกล่าวหาแทบทั้งหมดเกี่ยวข้องกับพรรคขั้วแดง-ส้มแบ่งเป็นนักการเมืองจากพรรคสีแดงประกอบด้วยพรรคไทยรักไทย พลังประชาชนและพรรคเพื่อไทย และพรรคสีส้มประกอบด้วยพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกลและพรรคประชาชน
คดี 112 ของนักการเมืองสีแดง และความสัมพันธ์กับ “ผังล้มเจ้า” เมื่อปี 2553
ปี 2553 กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือ “กลุ่มคนเสื้อแดง” ชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลในขณะนั้นที่นำโดยอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรียุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ ต่อมารัฐบาลสลายการชุมนุมด้วยความรุนแรง ใช้กำลังทหารและอาวุธสงครามในการปราบปรามผู้ชุมนุมจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 99 คน ระหว่างการสลายการชุมนุมในเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)เผยแพร่ “ผังล้มเจ้า” ต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2553 โดยมีทักษิณเป็น “ใจกลาง” ของผังล้มเจ้า มีพรรคเพื่อไทย นักการเมืองพรรคเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดงอยู่ในผังดังกล่าว ราวกับว่า ใช้เป็นการสร้างความชอบธรรมในการสลายการชุมนุม
แม้ในเวลาต่อมา พล.ท. สรรเสริญ แก้วกำเนิด อดีตโฆษก ศอฉ. ผู้เผยแพร่ผังล้มเจ้าดังกล่าวจะออกมายืนยันว่าผังนี้ “ไม่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงได้” แต่นักการเมืองและกลุ่มคนเสื้อแดงก็ถูกดำเนินคดีมาตรา112
ทักษิณถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ในช่วงเวลานั้นอย่างน้อยสี่คดี อย่างไรก็ตามไม่ทราบความคืบหน้าของชุดคดีดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีนักการเมืองผู้ที่อยู่ใน “ผังล้มเจ้า” ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ทั้งนี้ในปี 2549 ทักษิณเคยถูกฟ้องคดีมาตรา 112 มาแล้วครั้งหนึ่งแต่ยกฟ้อง
จักรภพ เพ็ญแข เป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคไทยรักไทย ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 อย่างน้อยสองคดีจากการบรรยายพิเศษในหัวข้อ “ประชาธิปไตยกับระบบอุปถัมภ์” เป็นภาษาอังกฤษ ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT) เมื่อปี 2550 จากนั้นจักรภพตัดสินใจลี้ภัยเมื่อเมษายน 2552 และเคลื่อนไหววิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์ในประเทศไทย จนถูกตั้งเรื่องเป็นคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษ จากกรณีการปาฐกถาที่สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2553
คดีบรรยายที่ FFCT อัยการมีความไม่ฟ้องคดี ส่วนคดีปาฐกถาที่สหรัฐอเมริกาไม่ทราบความคืบหน้าของคดี โดยหลังจากเดินทางกลับประเทศไทยในปี 2567 จักรภพมอบตัวเพื่อสู้คดีทางการเมืองระบุเพียงมีสองคดีที่เหลืออยู่โดยเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับอาวุธทั้งสิ้น หลังกลับถึงเมืองไทยเขาให้สัมภาษณ์กับสยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ถึงชะตากรรมที่เขาต้องเผชิญรวมถึงคดีมาตรา 112 ว่า “ไม่สร้างกระบวนการที่เรียกว่ากระบวนการที่เป็นธรรมให้เราได้สู้คดี เราก็แค้นใจตรงนี้ เราก็เป็นคนเหมือนกัน คุณก็เป็นคนเหมือนกัน ทำไมไม่ทำให้เป็นบรรยากาศที่มันเท่าเทียมกัน”
นอกจากจักรภพแล้ว ยังมีนักการเมืองพรรคเพื่อไทย (ในขณะนั้น) ที่ปรากฏชื่อบนผังดังกล่าวอีกสองคนที่ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษในช่วงปี 2553-2554 คือก่อแก้ว พิกุลทอง สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ถูกดำเนินคดีจากการปราศรัยที่สนามกีฬาสมโภช 700 ปีเชียงใหม่ เมื่อปี 2553 และจตุพร พรหมพันธุ์ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (ในขณะนั้น) ถูกดำเนินคดีจากการปราศรัยบนเวทีคนเสื้อแดง
ในปี 2568 นักการเมืองทั้งสามคนยังคงมีบทบาทอยู่บนหน้าการเมืองไทย โดยจักรภพเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อ 26 มีนาคม 2567 หลังลี้ภัยเป็นเวลา 15 ปี ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาของเลขาธิการนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ด้านก่อแก้ว พิกุลทอง กลับมาเป็น สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยอีกครั้งหนึ่ง ส่วนจตุพร พรหมพันธุ์ ไปเข้าร่วมกับคณะหลอมรวมประชาชนที่มี นิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา อดีตแนวร่วม กปปส. เป็นแกนนำ และมีบทบาทเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตรในช่วงเดือนกรกฎาคม 2568
แกนนำ-นักการเมืองสีแดงนอกผังล้มเจ้า ก็ถูกดำเนินคดี 112 เช่นกัน
นอกจากกรณีผู้มีรายชื่อในผังล้มเจ้าที่ ศอฉ. เผยแพร่เมื่อปี 2553 ยังมีนักการเมืองเสื้อแดงถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 อีกอย่างน้อยสองคน
ยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก อดีตผู้สมัครสส. พรรคไทยรักไทย แกนนำคนเสื้อแดง ถูกดำเนินคดีจากการปราศรัยบนเวทีกลุ่มคนเสื้อแดงที่เชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2553 คดีนี้ศาลฎีกาพิพากษาจำคุกสามปี แต่ศาลเห็นว่าคำให้การของจำเลยมีประโยชน์จึงลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสาม เหลือจำคุกสองปี และเจ๋ง ดอกจิกได้รับการปล่อยตัวเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2561 ช่วงปี 2566 ยศวริศยังคงเคลื่อนไหวทางการเมืองโดยเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ และเคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า แต่ในปี 2567 เขาถูกปลดจากทุกตำแหน่งในคณะกรรมาธิการต่างๆ ในสัดส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ
อีกคนหนึ่งคือ จ.ส.ต. ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ อดีต สส. สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 จากการปราศรัยและทำท่าทางประกอบที่บริเวณหน้าห้างอิมพิเรียล ลาดพร้าวเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2557 ก่อนการรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพียง 15 วัน หลังรัฐประหาร เขาถูกคสช. เรียกไปรายงานตัวและถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดีเรื่อยมา ที่สุดแล้วศาลอาญาพิพากษาจำคุกสองปี หกเดือน
นักการเมือง “ก้าวหน้า-ก้าวไกล” ถูกดำเนินคดี 112 จากความเคลื่อนไหวรุ่นชูสามนิ้ว
นอกจากพรรคการเมืองที่ชื่อว่าเพื่อไทย และความเคลื่อนไหวในนามกลุ่มคนเสื้อแดงแล้ว นักการเมืองอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องคดีตามมาตรา 112 ในช่วงปี 2563 เป็นต้นมามีสังกัดมาจากพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล พรรคประชาชน ได้แก่
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตสส. บัญชีรายชื่อ ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 จากการไลฟ์วิจารณ์การจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในหัวข้อ “วัคซีนพระราชทาน: ใครได้ ใครเสีย” คดีนี้อัยการมีคำสั่งฟ้องเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2565 อีกทั้งศาลฎีกายังมีคำสั่งระงับการเผยแพร่เฟซบุ๊กไลฟ์ดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ ธนาธรยังมีชื่ออยู่ใน “ผังล้มเจ้า” เมื่อปี 2553 ในฐานะผู้ให้เงินทุนแก่เว็บไซต์ “ฟ้าเดียวกัน” อีกด้วย
ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตสส. บัญชีรายชื่อ และอดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ถูกดำเนินคดีจากการทวีตข้อความที่พาดพิงถึงการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยมีเทพมนตรี ลิมปพยอม เป็นผู้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน. ดุสิต ต่อมา ปิยบุตรได้เผยแพร่เอกสารคำให้การต่อพนักงานสอบสวน สน. ดุสิต บนเฟซบุ๊กของตน
โดยทั้งธนาธรและปิยบุตรถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ขณะที่ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในชื่อ “คณะก้าวหน้า” หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่จากปมกู้ยืมเงินของธนาธร รวมถึงเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของทั้งสองคนในฐานะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่เป็นเวลาสิบปี เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563
นอกจากแกนนำอดีตพรรคอนาคดใหม่-คณะก้าวหน้าแล้ว หลังการเลือกตั้ง 2566 สภาผู้แทนราษฎรมี สส. ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 ทั้งสิ้นสามคน จากพรรคก้าวไกล ภายหลังเมื่อพรรคก้าวไกลถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคเมื่อ 7 สิงหาคม 2566 ทั้งสามได้ย้ายมาสังกัดพรรคประชาชน โดยมูลเหตุของคดีเกิดขึ้นสืบเนื่องจากความเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลประยุทธ์ในช่วงปี 2563-2564
ปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มมวลชนอาสา We Volunteer หรือการ์ดวีโว่ (WeVo) ปัจจุบันเป็น สส. กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 จำนวนสามคดี
คดีแรก จากการร่วมปราศรัยในการชุมนุม “เด็กพูด ผู้ใหญ่ฟัง” ที่จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อ 22 สิงหาคม 2563 โดยคำปราศรัยของปิยรัฐถูกกล่าวหาว่ามีตอนหนึ่งพาดพิงรัชกาลที่สิบในลักษณะที่ทำให้เกิดความเสียหาย โดยปิยรัฐปราศรัยถึงบทบาทของพระมหากษัตริย์ต่อกองทัพไทย รวมถึงพาดพิงทำนองว่าพระมหากษัตริย์มีบทบาทในการลงพระปรมาภิไธยรับรองการรัฐประหาร ปัจจุบันคดีอยู่ในการพิจารณาของศาลชั้นต้น
คดีที่สอง จากกรณีที่ถูกกล่าวหาว่า จัดทำป้ายไวนิลจำนวนเจ็ดแผ่น ติดตั้งในจังหวัดกาฬสินธุ์ ป้ายทั้งเจ็ดแผ่นมีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์การกระจายวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และโพสต์ภาพบนเฟซุ๊กและทวิตเตอร์ ในคดีนี้ปิยรัฐเคยถูกฝากขังที่เรือนจำจังหวัดกาฬสินธุ์ ตั้งแต่ 3 เมษายน-5 พฤษภาคม 2564 ก่อนจะได้รับการประกันตัว ต่อมาศาลจังหวัดกาฬสินธุ์พิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2567
คดีที่สาม จากกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าโพสต์ภาพและข้อความวิจารณ์การสลายการชุมนุม “ขายกุ้ง” จัดโดย We Volunteer ที่สนามหลวงในลักษณะเข้าข่ายหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ คดีนี้มีนพดล พรหมภาสิต เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 26 สิงหาคม 2568
ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด อดีตนักกิจกรรมกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย (DRG) ปัจจุบันเป็น สส. ปทุมธานี พรรคประชาชน ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 สองคดีด้วยกัน
คดีแรกเกิดขึ้นสืบเนื่องจากการโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ในช่วงกิจกรรม “ราษฎรสาส์น” ซึ่งเป็นกิจกรรมส่งจดหมายถึงพระมหากษัตริย์ ในคำบรรยายฟ้อง อัยการระบุว่าโพสต์ของชลธิชาทำให้ประชาชนทั่วไปที่พบเห็นภาพและข้อความเข้าใจได้ว่า พระมหากษัตริย์เสด็จไปอยู่ต่างประเทศ ไม่ดูแลประชาชน เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ทำให้ประชาชนเกิดความกลัวต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งยังทําให้เข้าใจว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ใช้ให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และพวกพ้องกระทําการรัฐประหาร แล้วสืบทอดอํานาจ ปัจจุบันคดีนี้อยู่ในการพิจารณาของศาลชั้นต้น
คดีที่สองเกิดขึ้นจากการร่วมกิจกรรมคาร์ม็อบเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2564 บริเวณหน้าศาลจังหวัดธัญบุรี ซึ่งชลธิชาได้ร่วมปราศรัยด้วย ศาลจังหวัดธัญบุรีพิพากษาลงโทษจำคุกสามปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดเหลือจำคุกสองปีและนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันที่ 30 กันยายน 2568
รักชนก ศรีนอก หรือไอซ์ ผู้ใช้ทวิตเตอร์วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ปัจจุบันเป็น สส. กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 จากกรณีทวีตข้อความหนึ่งครั้ง และรีทวีตข้อความหนึ่งครั้ง โดยข้อความเหล่านั้นมีเนื้อหาเข้าข่ายหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ โดยศาลอาญาพิพากษาจำคุกกรรมละสามปี รวมเป็นหกปี