Grab เจาะกลุ่มเอ็กซ์แพต-ดิจิทัลนอแมดในไทย ยอดใช้บริการเดลิเวอรีโต 50% พัฒนา AI แปลภาษา หวังสร้างฐานลูกค้าระยะยาว
ท่ามกลางการแข่งขันของแพลตฟอร์มดิจิทัลในไทยที่ไม่ได้วัดกันแค่เร็วกว่า หรือถูกกว่าอีกต่อไป แต่ชี้ขาดกันที่ใครเข้าใจลูกค้าเฉพาะกลุ่มได้ลึกกว่ากัน ล่าสุด แกร็บ ประเทศไทย (Grab Thailand) ขยับหมากเกมธุรกิจด้วยการเจาะกลุ่มเอ็กซ์แพต (Expat) และดิจิทัลนอแมด (Digital Nomad) อย่างจริงจัง ทั้งนี้ดิจิทัลนอแมดคือ กลุ่มคนที่ทำงานโดยใช้เทคโนโลยี ทำให้สามารถทำงานและใช้ชีวิตที่ไหนก็ได้ เพียงมีแล็ปท็อปและอินเทอร์เน็ต
Grab เผยยอดใช้บริการเดลิเวอรีของกลุ่มลูกค้าต่างชาติเหล่านี้เติบโตขึ้นกว่า 50% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา พร้อมเปิดตัวฟีเจอร์ One Click Translation แปลภาษาบนแอปฯ ได้ถึง 9 ภาษา และมอบสิทธิพิเศษ Grab Expat Pass ส่วนลดสูงสุด 2,000 บาท ครอบคลุมทุกบริการ
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนพฤติกรรมผู้ใช้ที่เปลี่ยนไป แต่ยังชี้ให้เห็นทิศทางของกลยุทธ์แพลตฟอร์มในยุคที่ Personalization หรือการตอบโจทย์เฉพาะบุคคล กำลังกลายเป็นหัวใจของการสร้าง Brand Affinity โดยเฉพาะกลุ่มเอ็กซ์แพตซึ่งเป็นลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง มีแนวโน้มใช้จ่ายระยะยาว และต้องการความสะดวกที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า
จิรกิตติ์ กว้างสุขสถิตย์รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจเดลิเวอรี แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “ประเทศไทยไม่ใช่แค่จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวอีกต่อไป แต่เป็นบ้านของชาวต่างชาติที่เข้ามาพักอาศัย ทำงาน หรือทำธุรกิจ โดยเฉพาะในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ซึ่งล่าสุดได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่เหมาะสมที่สุด สำหรับชาวอเมริกันที่ทำงานแบบรีโมต ด้วยปัจจัยด้านค่าครองชีพ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และคุณภาพชีวิตที่น่าพึงพอใจ”
ข้อมูลจากรายงานThailand Migration Report 2024 ระบุว่า ปัจจุบันมีชาวต่างชาติพำนักอยู่ในประเทศไทยถึง 5.3 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8% จากปี 2019 โดยมีสัดส่วนสำคัญเป็นกลุ่มเอ็กซ์แพตและดิจิทัลนอแมด ซึ่งเติบโตต่อเนื่องควบคู่ไปกับบทบาทของไทยในฐานะ Soft Landing Hub หรือศูนย์กลางสำหรับการใช้ชีวิตและทำงานแบบรีโมตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในช่วงกรกฎาคม 256-มิถุนายน 2568 กลุ่มเอ็กซ์แพตและนอแมดที่ใช้ Grab มีมูลค่าการสั่งเฉลี่ยต่อออเดอร์อยู่ที่ 300–500 บาท โดย 5 สัญชาติที่ใช้บริการมากที่สุดคือ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ซึ่งกระจายตัวอยู่ทั้งในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา และหัวหิน สะท้อนความหลากหลายและขนาดของตลาดที่มีศักยภาพ
อาหารไทยยังคงเป็นตัวเลือกยอดนิยม โดย ‘ข้าวผัด’ ขึ้นแท่นเมนูขายดีอันดับหนึ่งด้วยยอดสั่งมากกว่า 6.27 แสนจานต่อปี ตามด้วย ‘ข้าวมันไก่’ และ ‘ชาไทย’ ที่มียอดสั่งกว่าแสนแก้วต่อปี ขณะเดียวกันบริการเรียกรถอย่าง GrabBike ก็เติบโตถึง 30% จากพฤติกรรมการเดินทางที่ต้องการความคล่องตัวในเมืองใหญ่
ด้านนวัตกรรม Grab นำเทคโนโลยี GenAI มาพัฒนาฟีเจอร์ One Click Translation ให้สามารถแปลเมนูอาหารและรายละเอียดร้านค้าบนแอปฯ เป็น 9 ภาษา ครอบคลุมทั้งอังกฤษ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี และภาษาภูมิภาคอาเซียน ซึ่งไม่เพียงอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าต่างชาติ แต่ยังช่วยให้ร้านอาหารท้องถิ่น โดยเฉพาะ SMEs และร้านเล็กๆ เข้าถึงกลุ่มลูกค้าต่างชาติได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องมีพนักงานแปลภาษา กลายเป็นอีกมิติหนึ่งของการใช้ AI เพื่อสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขันบนแพลตฟอร์ม
พร้อมกันนี้ Grab ยังออก Grab Expat Pass แพ็กเกจส่วนลดสูงสุด 2,000 บาท สำหรับบริการเดลิเวอรี การเดินทาง และขนส่งพัสดุ เพื่อเพิ่มความคุ้มค่าและกระตุ้นการใช้งานในระยะยาว
การพัฒนาครั้งนี้ของ Grab จึงไม่ใช่แค่การปรับฟีเจอร์ให้ใช้ง่ายขึ้นสำหรับชาวต่างชาติเท่านั้น แต่เป็นการวางตำแหน่งตัวเองในฐานะแพลตฟอร์มที่เข้าใจความหลากหลาย และพร้อมเติบโตไปกับโครงสร้างประชากรใหม่ของไทย ที่มีชาวต่างชาติกลายเป็นส่วนหนึ่งของแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล