ครูสาวน้ำตาร่วง ถูกไล่ออก เพราะทำตามคำสั่งอดีต ผอ. ปมเงินค่าอาหารกลางวัน ส่วนคนสั่งแค่ถูกปลด
ครูสาวน้ำตาร่วง ขอความเป็นธรรม หลังถูกไล่ออก เพราะทำตามคำสั่งอดีต ผอ.ปมเงินค่าอาหารกลางวัน ปฏิเสธไม่ได้ เพราะผู้บังคับบัญชาสั่ง ถูกปัดความผิดให้ หมดอนาคตแล้ว ส่วนคนสั่งแค่ถูกปลด
วันที่ 15 ส.ค.68 ตัวแทนชาวบ้าน และผู้ปกครองนักเรียนใน ต.สะแกโพรง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เดินทางไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 1 เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับ น.ส.อ้อ อายุ 53 ปี ครูประจำชั้น ป.1 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.สะแกโพรง หลังจากที่มีการร้องเรียนไปยัง ปปช.เกี่ยวกับการหักเงินอาหารกลางวันเด็กบางส่วนไปซ่อมห้องน้ำ เมื่อปี 2564 ซึ่งครูอ้อ ได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องอาหารกลางวันเด็ก แต่ปี 2564 เกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 เด็กต้องเรียนแบบออนไลน์
ทางกระทรวงฯ จึงเปลี่ยนจากการทำอาหารกลางวันให้เด็กรับประทานที่ รร. เป็นการจ่ายเงินสดให้ผู้ปกครองซื้ออาหารกลางวันให้เด็กแทน แต่ช่วงเดือน ก.ค.2564 ผู้อำนวยการโรงเรียนที่ดำรงตำแหน่งขณะนั้น ได้มีคำสั่งให้ครูอ้อ ซึ่งรับผิดชอบเกี่ยวกับโครงการอาหารกลางวัน หักเงินอาหารกลางวันบางส่วนที่จะต้องจ่ายให้กับผู้ปกครอง ไปซ่อมห้องน้ำใน รร. ซึ่งครูในโรงเรียนก็รับรู้ว่าเป็นคำสั่งของ ผอ.ขณะนั้นแต่ไม่มีใครทักท้วง และ ผอ.ก็ไม่ได้อธิบายชี้แจงข้อเท็จจริงให้ผู้ปกครองรับทราบ จนเกิดการร้องเรียนและตรวจสอบ ระหว่างการสอบข้อเท็จจริงของ ปปช. ผอ.ยังบอกให้ครูอ้อ ให้ถ้อยคำตาที่ ผอ.แนะนำแล้วจะรอด แต่สุดท้ายกลับถูก ปปช.ชี้มูลว่ามีความผิดฐานทุจริต
และล่าสุดคณะกรรมการ อ.ก.ค.ศ. ก็มีมติไล่ครูอ้อ ออกจากราชการตามการชี้มูลของ ปปช. แต่ ผอ.คนที่สั่งให้ครูอ้อ หักเงินกลับถูก อ.ก.ค.ศ.ชุดก่อนมีมติแค่ปลดออก ซึ่งชาวบ้าน และผู้ปกครองมองว่าไม่มีความเป็นธรรมกับครูอ้อ ในฐานะที่เป็นครูและทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเพราะไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่กลับโดนโทษหนักกว่าคนที่สั่งให้ทำผิด จึงอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาทบทวนมติไล่ออกและให้ความเป็นธรรมกับครูด้วย
ขณะที่ช่วงบ่ายวันนี้ครูอ้อ ก็ได้เดินทางมายังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 1 เพื่อเซ็นรับทราบคำสั่งที่ถูกไล่ออก ทันทีที่เซ็นรับทราบเสร็จเดินลงมาเจอกับชาวบ้าน และผู้ปกครองที่มาเรียกร้องความเป็นธรรม ก็ถึงกับปล่อยโฮระบายความรู้สึกว่า “ทำไมเขาถึงใจร้ายกับหนูแบบนี้” ขณะที่ผู้ปกครองก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่ทั้งร้องไห้และพูดปลอบใจครูอ้อ ให้ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมและความถูกต้อง
แต่ครูอ้อก็ตัดพ้อว่า ถ้ามีมติให้ปลดออกก็ยังพอหายใจได้ แต่ไล่ออกเหมือนหมดอนาคตแล้วจะเอาเงินที่ไหนส่งเสียลูกเรียน แถมยังต้องเลี้ยงดูแม่อีก และหนี้สินที่ยังค้างอยู่จะทำยังไงก็ยังไม่รู้ แถมยังต้องขึ้นศาลต่อสู้ในคดีอาญาอีก ยอมรับเครียดมากจนถึงขั้นคิดสั้น อยากจะขอความเป็นธรรมกับผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย
หลังจากนี้ก็จะเดินหน้าหาหลักฐานเพื่อยื่นอุทธรณ์ทั้งทางวินัยที่มีคำสั่งไล่ออกซึ่งมีเวลา 30 วัน และก็จะต่อสู้ในชั้นศาลก็เชื่อว่าความจริงและความดีที่ตนทำมา จะทำให้ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งครูอ้อ ยังย้ำว่าทุกอย่างทำตามคำสั่งอดีต ผอ.เพราะเกษียณไปเกือบ 2 ปีแล้ว และที่ให้ถ้อยคำกับ ปปช.ก็ทำตามคำสั่ง ผอ.ให้พูดเช่นกันทั้งที่มันขัดกับความเป็นจริง แต่ด้วยความไว้ใจจึงให้การแบบนั้น ไม่คิดว่าจะเป็นการปัดความผิดให้
ด้าน ดร.กัญจนา สัตตรัตนำพร ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา บุรีรัมย์ เขต 1 กล่าวว่า เรื่องราวดังกล่าวเกิดตั้งแต่ปี 2564 และอดีต ผอ.ก็มีมติตั้งแต่คณะกรรมการ อ.ก.ค.ศ. ชุดเดิม สั่งปลด ก่อนที่ตนเองจะย้ายมาดำรงตำแหน่ง แต่ส่วนของครูอ้อเป็นมติของคณะกรรมการ อ.ก.ค.ศ.ชุดปัจจุบันที่มีมติไล่ออก ซึ่งก็เป็นการพิจารณาตามการชี้มูลความผิดของ ปปช. และ สพป.ก็มีหน้าที่ออกคำสั่งตามมติเท่านั้น
อย่างไรก็ตามแม้จะมีคำสั่งไล่ออก แต่ครูอ้อ ก็ยังมีโอกาสที่จะหาพยานหลักฐานยื่นอุทธรณ์ ต่อสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ภายใน 30 วัน เพื่อพิจารณาการลงโทษตามขั้นตอนอีกครั้ง ในส่วนของ สพป. ก็ทำได้แค่ให้คำแนะนำ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการต่อสู้ทางอาญาหากสิ้นสุดกระบวนการ แล้วศาลตัดสินว่าไม่มีความผิด คำพิพากษาดังกล่าวก็จะมีผลต่อการพิจารณาทางวินัยเช่นกัน ซึ่งยังมีโอกาสที่จะกลับมารับราชการครูได้เหมือนเดิม ดังนั้นตอนนี้ครูอ้อ ก็ต้องหาหลักฐานมายืนยันให้ได้ว่าไม่ได้ทำความผิด เป็นการทำตามคำสั่งไม่ได้ทำโดยพลการ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ครูสาวน้ำตาร่วง ถูกไล่ออก เพราะทำตามคำสั่งอดีต ผอ. ปมเงินค่าอาหารกลางวัน ส่วนคนสั่งแค่ถูกปลด
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th