หมอบี ย่องเงียบ มอบเอกสารหลักฐาน ให้พนักงานสอบสวน
วันนี้ ที่กองบังคับการปราบปราม บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก เมื่อ นายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล หรือที่รู้จักกันในชื่อ "หมอบี ทูตสื่อวิญญาณเดินทางพร้อมทนายความ เข้าพบพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 1 เพื่อยื่นเอกสารและให้ข้อมูลเพิ่มเติมในคดีสำคัญ
แม้ผู้สื่อข่าวจะพยายามสอบถามหลากประเด็น แต่เจ้าตัวเพียงยิ้ม และปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ มีเพียงเสียงหัวเราะเบา ๆ เมื่อถูกถามผิดชื่อวัดจาก "วัดพระบาทน้ำพุ" กลายเป็น "วัดพระพุทธบาท"
ขณะเดียวกัน นายเกิดผล แก้วกำเนิด อดีตทนายความวัดพระบาทน้ำพุ ออกมาเปิดใจ ถึงเหตุผลการถอนตัวจากการทำคดีของ หมอบี ว่าเป็นเพราะสภาทนายความได้แต่งตั้งทีมทนายชุดใหม่ให้หลวงพ่ออลงกต และเพื่อหลีกเลี่ยงการทำงานซ้ำซ้อน ประกอบกับปัญหาสุขภาพต้องฟอกไต จึงขอวางมือจากคดีนี้ ย้ำชัดไม่มีความขัดแย้งกับวัดหรือหลวงพ่อ ยังคงศรัทธาเหมือนเดิม
สำหรับกรณีพิพาทที่ดินวัด นายเกิดผลเผยว่า มีหลักฐานเสียงยืนยันคำพูดของญาติอดีตไวยาวัจกรว่า "อยากได้ให้ไปฟ้องเอา" และมองว่าลูกศิษย์ใกล้ชิดควรออกมาชี้แจงต่อสังคม เพื่อปกป้องชื่อเสียงของหลวงพ่อ
ด้าน สภาทนายความ ออกแถลงการณ์ยืนยัน ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่หลวงพ่ออลงกตได้ เนื่องจากไม่เข้าเกณฑ์ ผู้ยากไร้หรือคดีเพื่อประโยชน์สาธารณะตาม พ.ร.บ.ทนายความ พ.ศ. 2528 พร้อมระบุว่า การถอนตัวของทนายเกิดผล เป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวข้องกับสภาทนายความแต่อย่างใด
ต่อมา เวลา 16.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยความคืบหน้าหลังการประชุมคณะทำงานคดีระหว่าง "หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ" และวัดพระบาทน้ำพุ โดยย้ำว่า ตำรวจมุ่งเน้นตรวจสอบคดีนี้อย่างรอบด้าน เนื่องจากข้อเท็จจริง แตกแขนงออกไปมาก ทั้งจากพยานหลักฐานและข้อมูลในสื่อมวลชน
หนึ่งในประเด็นสำคัญ คือ การตรวจสอบบัญชีธนาคารของหมอบีที่เปิดให้วัดใช้ตั้งแต่ปี 2562 รวมกว่า 6 ปี ซึ่งต้องใช้เวลาตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะเกี่ยวพันกับความรู้สึกและความศรัทธาของผู้บริจาค ที่เกรงว่าเงินทำบุญอาจไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ รอง ผบก.ป. ย้ำชัด คดีนี้ ไม่จำเป็นต้องรอให้วัดหรือหลวงพ่ออลงกตแจ้งความ เพราะเข้าข่ายเป็นคดีอาญาแผ่นดินในข้อหาฉ้อโกงประชาชน พนักงานสอบสวนสามารถดำเนินการได้ทันที พร้อมสั่งไล่ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ทั้งการบริจาคตรงให้วัด และการบริจาคผ่านบัญชีหมอบี
สำหรับกรณี ทรัพย์สินของวัดที่มีบุคคลอื่นถือครองแทน ตำรวจจะตรวจสอบว่ามีเจตนาส่อทุจริตหรือไม่ เพราะตามหลักแล้ว ทรัพย์สินที่ซื้อจากเงินทำบุญต้องเป็นชื่อของวัด หากใช้ชื่อบุคคลอื่นย่อมเข้าข่ายความผิด เช่นเดียวกับกรณีหมอบีอ้างซื้อรถให้วัด แต่กลับใช้ชื่อบุคคลอื่น ถือเป็นข้ออ้างที่เลื่อนลอยและส่อผิดกฎหมาย และ ยังระบุถึงข้อสงสัยเรื่อง โครงการรับบริจาคไถ่ชีวิตโคระบือ ที่ออกใบอนุโมทนาบัตรไม่ตรงวัตถุประสงค์ ว่าต้องตรวจสอบว่าการกระทำนั้นเข้าข่ายทุจริตหรือไม่
พร้อมกันนี้ ขอให้สาธารณชนมั่นใจว่า แม้คดียังอยู่ระหว่างสอบสวน แต่หากมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน ก็สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ และหากพบว่าการกระทำนั้นเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน ยักยอกทรัพย์ หรือทุจริต ก็จะนำไปสู่ความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่ง ผู้ที่รับโอนหรือถือครองทรัพย์สินแทนวัด อาจต้องรับโทษร่วมกัน
พ.ต.อ.เอนก ทิ้งท้ายด้วยว่า "เงินทำบุญนั้นแรง… ฝหากใครไม่สำนึก ก็จะมีความผิด และย่อมกระทบต่อศรัทธาและความเชื่อมั่นของสังคมโดยรวม
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews