รมว.คลังสหรัฐฯ มั่นใจสู้คดีภาษีทรัมป์ในชั้นศาลฎีกา แย้มมีแผนสำรองหากคดีพลิก
รมว.คลังสหรัฐฯ มั่นใจสู้คดีภาษีทรัมป์ในชั้นศาลฎีกา แย้มมีแผนสำรองหากคดีพลิก
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -2 ก.ย. 68 13:31 น.
สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ แสดงความมั่นใจว่า ศาลฎีกาจะมีคำตัดสินให้มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าชาติคู่ค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีความชอบธรรมตามฎหมายอำนาจฉุกเฉินทางเศรษฐกิจ (IEEPA) ปี 1977 พร้อมกล่าวว่า รัฐบาลได้เตรียมแผนสำรองไว้แล้วหากผลการตัดสินไม่เป็นไปตามที่คาดไว้
รมว.คลังสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า กำลังร่างเอกสารทางกฎหมายเพื่อให้ตัวแทนผ่านกฎหมายของรัฐบาลใช้ในการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา โดยเอกสารจะเน้นย้ำถึงความเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาการขาดดุลการค้าที่สั่งสมมานานหลายสิบปี รวมถึงหยุดยั้งการไหลทะลักของสารเฟนทานิลเข้ามาในสหรัฐฯ
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (29 ส.ค.) ศาลอุทธรณ์ของสหรัฐฯ มีมติ 7 ต่อ 4 เสียง ตัดสินให้ภาษีส่วนใหญ่ของทรัมป์นั้นผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นการบั่นทอนการใช้มาตรการภาษีของประธานาธิบดีในฐานะเครื่องมือนโยบายเศรษฐกิจสำคัญ แต่ยังคงอนุญาตให้คงการเก็บภาษีดังกล่าวไปจนถึงวันที่ 14 ต.ค. เพื่อให้รัฐบาลทรัมป์มีโอกาสยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
คำตัดสินของศาลอุทธรณ์ระบุว่า ภาษีที่ทรัมป์ประกาศไปเมื่อเดือนเม.ย. รวมถึงมาตรการขึ้นภาษีอีกชุดต่อจีน, แคนาดา และเม็กซิโกในเดือนก.พ. ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อยับยั้งการนำเข้าสารเฟนทานิล มีความถูกต้องชอบธรรม อย่างไรก็ตาม คำตัดสินของศาลในครั้งนี้ไม่มีผลต่อภาษีที่อยู่ภายใต้กฎหมายอื่น ๆ เช่น ภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม
"ผมมั่นใจว่า ศาลฎีกาจะปกป้องอำนาจของประธานาธิบดีในการใช้กฎหมาย IEEPA และยังมีอำนาจอื่น ๆ อีกมากมายที่สามารถนำมาใช้ได้ แม้ว่าจะไม่มีประสิทธิภาพหรือทรงพลังเท่ากฎหมายดังกล่าว" เบสเซนต์กล่าว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ มาตรา 338 ของกฎหมายภาษีนำเข้า Smoot-Hawley ปี 1930 ซึ่งอนุญาตให้ประธานาธิบดีกำหนดภาษีได้สูงสุด 50% เป็นเวลาห้าเดือนสำหรับสินค้านำเข้าจากประเทศที่เลือกปฏิบัติทางการค้าต่อสหรัฐฯ
เบสเซนต์กล่าวว่า สารเฟนทานิลที่ไหลเข้ามา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 70,000 รายต่อปีในสหรัฐฯ เป็นเหตุผลที่ชอบธรรมในการประกาศภาวะฉุกเฉิน ถ้านี่ไม่ใช่สถานการณ์ฉุกเฉิน แล้วอะไรล่ะที่เป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน
รมว.คลังสหรัฐฯ ระบุว่า เอกสารที่จะยื่นต่อศาลในวันอังคารหรือวันพุธนี้ จะเน้นไปที่ประเด็นการขาดดุลการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้นตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา และกำลังเข้าใกล้จุดวิกฤต "เราขาดดุลการค้ามาหลายปีแล้ว ซึ่งยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เรากำลังเข้าสู่จุดวิกฤต การป้องกันภัยคุกคามนี้จึงถือเป็นวาระเร่งด่วน
ที่มา Reuters
รายงาน โดย Supak Hopuengju เรียบเรียง โดย Supak Hopuengju
อีเมล์. supak@efinancethai.com
ดูข่าวต้นฉบับ