16 ส.ค. ไทย นำทูตลงพื้นที่ ดูจุด “เขมร” วางระเบิดชายแดน
วันนี้ (15 ส.ค. 68) นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) กล่าวบรรยายสรุปสถานการณ์ชายแดนไทยและกัมพูชา แก่คณะทูตกลุ่มรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา เกี่ยวกับเหตุการณ์การใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ต่อเอกอัครราชทูต อุปทูตรักษาการชั่วคราว ผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูต ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร และองค์การระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา
นายรัศม์ กล่าวว่า ไทยให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาทุ่นระเบิดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ที่ไม่ใช่เพียงเพราะ ประเด็นด้านความมั่นคง แต่ยังเป็นประเด็นด้านมนุษยธรรมที่ต้องให้ความสำคัญ และดำเนินการด้วยความเร่งด่วนที่สุด เพราะพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นพื้นที่เดียวที่ยังได้รับผลกระทบจากทุ่นระเบิดดังกล่าว และประเทศไทยได้ยื่นข้อเสนอให้กัมพูชาดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เพื่อมนุษยธรรมตามแนวชายแดน ในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (Extraordinary General Border Committee (GBC) สมัยวิสามัญ ที่ผ่านมา แต่กัมพูชา ไม่ได้ยอมรับข้อเสนอดังกล่าว แม้จะมีผลลัพธ์เชิงบวกจากการประชุมในการหยุดยิงอย่างเคร่งครัด งดการเสริมกำลังและงดเว้นการกระทำใด ๆ ที่เป็นการยั่วยุ รวมถึงการปฏิบัติการทางทหารและการเผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือน ตลอดจนปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด แต่ประเทศไทยมีความเสียใจที่กัมพูชา ไม่ได้ยอมรับข้อเสนอของไทย ในการบรรจุประเด็นการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม และการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งเป็น 1 ในผลลัพธ์หลักของการประชุม GBC
นายรัศม์ กล่าวอีกว่า เพื่อให้เป็นการขยายผลจากบรรยายสรุปวันนี้ (15 ส.ค.) กระทรวงการต่างประเทศของไทย ได้เชิญผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูต เข้าร่วมการเยี่ยมพื้นที่ในวันพรุ่งนี้ (16 ส.ค.) เพื่อสังเกตพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเพิ่งถูกฝังโดยฝ่ายกัมพูชา โดยจะไปเยี่ยมชมหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม จ.ศรีสะเกษ และภูมิประเทศที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งจะมีโอกาสเห็นด้วยตนเอง ถึงผลกระทบด้านมนุษยธรรมของทุ่นระเบิดต่อชุมชนในพื้นที่ จากนั้นจะเยี่ยมชมบ้านหนองเม็ก อ.กันทรลักษ์ ซึ่งบ้านเรือนของประชาชนที่ได้รับความเสียหาย จากการโจมตีด้วยอาวุธโดยกัมพูชา
นายรัศม์ กล่าวด้วยความหวังอีกว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้จะช่วยให้เห็นข้อเท็จจริง และตระหนักถึงผลกระทบด้านมนุษยธรรมของทุ่นระเบิด ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างไม่เลือกเป้าหมายอย่างไร้มนุษยธรรม และความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งประเทศผู้ให้ความช่วยเหลือและประเทศที่ได้รับผลกระทบ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการลดภัยคุกคามจากทุ่นระเบิด การคุ้มครองความปลอดภัยของชุมชนที่ได้รับผลกระทบ และการสร้างโอกาสเพื่อความปลอดภัย ความเป็นอยู่ที่ดี และการพัฒนาของประชาชนในพื้นที่
ทั้งนี้ นายรัศม์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ได้ย้ำย้อนถึงผลการประชุม GBC ที่ผ่านมา ที่ทั้งไทย-กัมพูชา เห็นพ้องที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง และยังเห็นพ้องที่จะจัดตั้ง “คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว” (Interim Observer Team) ประกอบด้วย ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารของประเทศสมาชิกอาเซียนที่ประจำอยู่ ณ กัมพูชา และประเทศไทย ซึ่งจะถูกจัดตั้งแยก และปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นอิสระในแต่ละประเทศ เพื่อสังเกตการณ์การปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างสม่ำเสมอ ไม่ข้ามแดน และจะประสานงานอย่างใกล้ชิดกับคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค (Regional Border Committee) และคณะกรรมการชายแดนทั่วไปของแต่ละประเทศ และ ไทย-กัมพูชา ยังเห็นพ้องที่จะรักษาช่องทางการสื่อสาร และใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ทุกช่องทาง เพื่อป้องกันมิให้เหตุการณ์ใด ๆ บานปลาย รวมทั้งจะจัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค หรือ RBC ซึ่งเริ่มต้นในวันนี้ (15 ส.ค.)