BEMสร้างฐานเติบโตใหม่ ดันรายได้เชิงพาณิชย์เพิ่ม
#BEM #ทันหุ้น – BEM คาดผลงานครึ่งปีหลัง 2568 ดีกว่าครึ่งแรก หนุนจากผู้โดยสาร MRT และปริมาณจราจรทางด่วนเพิ่มตามเศรษฐกิจ พร้อมเร่งก่อสร้างสายสีส้ม–สายสีม่วงตามแผน ขยายสัญญาสายสีน้ำเงินถึงปี 2593 ต่อยอดรายได้เชิงพาณิชย์ผ่านโฆษณา-กิจกรรมสร้างประสบการณ์ในสถานีและขบวนรถ เพิ่มโอกาสสร้างมูลค่าใหม่ในอนาคต
ดร.สมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เปิดเผยว่า โมเดลธุรกิจ BEM ทั้งธุรกิจทางด่วน และธุรกิจรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเข้าสู่ช่วงการเติบโตอย่างมั่นคง ปริมาณผู้โดยสารในระบบรถไฟฟ้า MRT และปริมาณการจราจรบนทางด่วนเติบโตสอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการพัฒนาพื้นที่โดยรอบเส้นทาง (Normal Organic Growth)
เบื้องต้นคาดการณ์ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2568 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องเมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 2/2568 หนุนจากการเติบโตของผู้โดยสารในระบบรถไฟฟ้า MRT ที่เร่งตัวขึ้นสอดคล้องกับการจัดกิจกรรมของศูนย์การค้า, ศูนย์ประชุมสิริกิติ์, วัน แบงค็อก, รวมถึงการเปิดโครงการมิกซ์ ยูส ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค และและสวนลอยฟ้า (Roof Park) อย่างไม่เป็นทางการช่วงปลายไตรมาส 3/2568 นี้ ต่อเนื่องถึงไตรมาส 4/2568 ซึ่งจะมีการจัดงาน – กิจกรรมต่างๆ เพิ่มขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล
“ผลงานช่วงครึ่งหลังจะเติบโตดีกว่าช่วงครึ่งแรกที่อย่างแน่นอน แม้ว่าการเติบโตแบบ Organic Growth เนื่องจากโครงการพัฒนาพื้นที่รอบเส้นทางหลายโครงการถูกชะลอออกไป ประกอบกับการเติบโตของ S-curve แรกเริ่มเข้าสู่ช่วง Plateau สร้างรายได้มั่นคง และช่วยรองรับธุรกิจใหม่”
*มุ่งสร้างการเติบโตยั่งยืน
สำหรับภาพรวมการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม งานโยธาส่วนตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ระยะทาง 22.5 กม. เสร็จสมบูรณ์แล้ว และอยู่ระหว่างรอผลิตขบวนรถไฟฟ้า 32 ขบวน ขบวนละ 3 ตู้โดยสาร ซึ่งจะทยอยมาถึงประเทศไทยในปี 2569 ส่วนการก่อสร้างงานโยธาส่วนตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ระยะทาง 13.4 กิโลเมตร มีความคืบหน้าราว 10% เป็นไปตามแผนงาน ด้านโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ (เตาปูน–ราษฎร์บูรณะ) งานโยธามีความคืบหน้าราว 58% เป็นไปตามแผน โดยยังคงกำหนดแล้วเสร็จในปี 2572
ขณะที่ธุรกิจทางด่วน คาดปริมาณการจราจรจะเร่งตัวขึ้นราว 1 – 2% YoY ได้ตามอัตราการเติบโตปกติหลังการก่อสร้างโครงการต่างๆ บริเวณหน้าด่านจัดเก็บค่าผ่านทางทยอยเสร็จสิ้น และคืนพื้นที่การจราจรให้ผู้ใช้รถใช้ถนน
“ธุรกิจของ BEM เน้นความยั่งยืนทั้งการบริหารงานและการเติบโต เช่นรถไฟฟ้าทั้ง 3 สัญญาสัมปทาน สายสีน้ำเงินมีจุดเด่นคือเส้นทางวิ่งเป็นวงกลมรอบกรุงเทพฯ เชื่อมต่อการเดินทางทั้งรถเมล์ รถยนต์ฯลฯ และสายนี้กำลังกลายเป็น S-Curve ที่ใหญ่ขึ้น หลังจากถึงจุดคุ้มทุน (Break Even Point) และได้ขยายสัญญาสัมปทานไปถึงปี 2593 ส่วนสายสีม่วงที่ BEM เป็นผู้รับจ้างเดินรถนั้น หากได้เป็นผู้เดินรถต่อเนื่องตลอดทั้งสายก็จะกลายเป็น S-Curve ที่ใหญ่ขึ้นเช่นเดียวกัน”
*ต่อยอดรายได้เชิงพาณิชย์
ดร.สมบัติ กล่าวถึงกลยุทธ์สร้างการเติบโตรายได้ธุรกิจพัฒนาเชิงพาณิชย์ เข้ามาชดเชยรายได้จากการให้ผู้ให้บริการโครงข่ายโทรศัพท์มือถือ (Operator) ควบรวมกันเหลือเพียง 2 ราย ว่า บริษัทปรับกลยุทธ์การตลาดเชิงรุกเข้าสู่การโฆษณา – ประชาสัมพันธ์ระบบ 3D สร้างประสบการณ์ตรง ให้ผู้บริโภครู้สึกและจดจำแบรนด์ (Experiential Advertising) รวมถึงยังสามารถจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์สร้างการจดจำแบรนด์ และผลิตภัณฑ์ใหม่ให้กับผู้ใช้บริการภายในสถานีรถไฟฟ้าได้อีกด้วย ไม่ใช่เพียงแค่สื่อประชาสัมพันธ์แบบโปสเตอร์หรือสื่อดิจิทัลทั่วไป ขณะเดียวกันยังสามารถขยายพื้นที่เชิงพาณิชย์ได้ตามจำนวนสถานีรถไฟฟ้าที่จะแล้วเสร็จทั้งสายสีส้ม และสายสีม่วงในอนาคต
“การปรับพื้นที่บางส่วนของสถานีรถไฟฟ้า หรือภายในขบวนรถไฟฟ้าเป็นสวนดอกไม้ เป็นถ้ำ เป็นลานน้ำแข็ง ฯลฯ มีทั้งแสง สี เสียง บางครั้งสามารถสร้างกลิ่นใหม่ๆ ที่ต้องการนำเสนอต่อผู้บริโภคได้ด้วย ถือเป็นการเพิ่มมูลค่าการโฆษณาที่ไม่ใช่เพียงติดโปสเตอร์ หรือป้ายไฟดิจิทัลทั่วไป”
*ผลงานโค้งสองทรงตัว
สำหรับผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2568 บริษัทมีรายได้ 3,997 ล้านบาท กำไรสุทธิ 993 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน (YoY) แบ่งเป็น รายได้จากธุรกิจระบบราง 1,623 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20 ล้านบาท YoY มีปริมาณผู้ใช้บริการเฉลี่ย 385,800 เที่ยวต่อวัน และในวันทำการเฉลี่ยอยู่ที่ 456,400 เที่ยวต่อวัน
ส่วนรายได้จากธุรกิจทางพิเศษ มีจำนวน 2,084 ล้านบาท ลดลง 30 ล้านบาท YoY ในภาพรวมมีปริมาณรถที่ใช้ในทางพิเศษ เฉลี่ยอยู่ที่ 1.08 ล้านเที่ยวต่อวัน ปรับตัวลงเล็กน้อย YoY ที่เฉลี่ยอยู่ที่ 1.10 ล้านเที่ยวต่อวัน ส่วนรายได้จากธุรกิจพัฒนาเชิงพาณิชย์ มีจำนวน 290 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน