สรุปค่าเงินบาท จับตาตัวเลขส่งออกไทย คาดกรอบเงินบาท 32.10-33.00 บาท
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย และธนาคารกสิกรไทย รายงานเงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมาอ่อนค่าลงตามทิศทางของสกุลเงินอื่นในเอเชีย สวนทางเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าตามการปรับตัวขึ้นตามบอนด์ยีลด์สหรัฐ หลัง CME's FedWatch tool สะท้อนโอกาสความเป็นไปได้ (Probability) ที่จะเห็นเฟดลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย. เพียง 70% ซึ่งต่ำกว่าก่อนหน้านี้ที่ Probability เกือบเต็ม 100% หลังตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ อาทิ PMI เบื้องต้นสำหรับเดือน ส.ค. และข้อมูลยอดขายบ้านมือสองเดือน ก.ค. ออกมาดีกว่าที่คาด
แรงขายเงินดอลลาร์ ยังชะลอลงตามการปรับโพสิชั่นในช่วงที่ตลาดรอสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐ จากประธานเฟดในงานสัมมนาประจำปีของเฟดที่ Jackson Hole ขณะที่ ทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ การปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลกในระหว่างสัปดาห์ และปัจจัยทางการเมืองในประเทศ ก็เป็นปัจจัยลบที่กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน
ในวันศุกร์ที่ 22 ส.ค. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 32.63 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับ 32.43 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (15 ส.ค.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 18-22 ส.ค. 2568 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทย 6,135 ล้านบาท และ 2,463 ล้านบาทตามลำดับ
สัปดาห์ระหว่างวันที่ 25-29 ส.ค. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 32.10-33.00 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกและรายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือนก.ค. ของไทย ทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติและราคาทองคำในตลาดโลก
ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย ดัชนีราคา PCE/Core PCE เดือน ก.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ส.ค. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2568 และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ รวมถึงถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด