ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ทรงตัว หลังดาวโจนส์ปิดสูงสุดตลอดกาลวันศุกร์
ซีเอ็นบีซี รายงานว่าตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหุ้นสหรัฐฯ ทรงตัวในคืนวันอาทิตย์ ( 24 ส.ค. 68) หลังจากดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดใหม่ทั้งระหว่างวันและช่วงปิดตลาด ขณะที่นักลงทุนจับตามองผลประกอบการของNvidia
ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย 19 จุด หรือ 0.04% S&P 500 ฟิวเจอร์
และNasdaq 100 ฟิวเจอร์ยังคงทรงตัวในวันศุกร์
ดัชนีดาวโจนส์หุ้นบลูชิพพุ่งขึ้น 846.24 จุด หรือ 1.89% มาอยู่ที่ 45,631.74 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.52% มาอยู่ที่ 6,466.91 จุด โดยในช่วงที่ทำระดับสูงสุดในรอบวัน ดัชนีนี้ขยับเข้าใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์โดยตำกว่าเพียง 3 จุด ขณะเดียวกัน ดัชนี Nasdaq Composite ซึ่งเน้นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 1.88% ปิดตลาดที่ 21,496.53 จุด
หุ้นปรับตัวสูงขึ้นหลังจากคำปราศรัยประจำปีที่รอคอยกันอย่างกว้างขวางของเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ณ เมืองแจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิง ซึ่งเขาได้ส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางอาจเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินในเดือนหน้า ความคาดหวังต่อการลดอัตราดอกเบี้ย 0.25%ในเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 84% ตามเครื่องมือติดตามเฟด FedWatch ของ CME Group จากประมาณ 75% ในช่วงต้นสัปดาห์
“เราได้เห็นปัจจัยที่เงินไหลออกจากหุ้นเทคโนโลยีไปสู่หุ้นกลุ่มขึ้นลงตามวัฏจักรและหุ้นมูลค่า ดังนั้น หากมีความคาดหวังเกี่ยวกับวัฏจักรการผ่อนคลายนโยบายของเฟดมากขึ้น การไหลออกหุ้นเทคโนโลยีก็จะยังคงดำเนินต่อไป” อดัม คริซาฟูลลี ผู้ก่อตั้ง Vital Knowledge กล่าว “นั่นสร้างแรงกดดันอย่างมากต่อรายงานสประกอบการสำคัญๆ ในวันพุธที่จะถึงนี้” บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านผลิตชิปเอไอ Nvidia จะรายงานผลประกอบการรายไตรมาสในวันพุธนี้
Dell และMarvell จะรายงานผลประกอบการในวันพฤหัสบดีเช่นกัน บริษัทเหล่านี้อาจมีบทบาทสำคัญในการกำหนดว่าการฟื้นตัวของหุ้นเทคโนโลยีจะกลับมาอีกครั้งหรือไม่ หรือยังมีทิศทางการหมุนออกจากหุ้นเทคฯอีกหรือไม่ คริซาฟูลลีกล่าว
ตลาดจับตาเงินเฟ้อ PCE
นักลงทุนต่างจับตาดูดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนกรกฎาคมที่จะประกาศในวันศุกร์ ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ให้ความสำคัญ ผลสำรวจของ FactSet คาดการณ์ว่าดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่ผันผวน จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เทียบกับการเพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือนมิถุนายน