จากนักแสดงไร้ชื่อ สู่ปรากฏการณ์แห่งฮอลลีวูด ‘เปโดร ปาสคาล’ กับเส้นทางชีวิตที่มีแต่คำว่าพยายาม
ภาพจำของผู้ชายนามว่า เปโดร ปาสคาล ของทุกคนเป็นอย่างไร?
นอกจากลุคหนุ่มหล่อมาดเซอร์ ผู้มาพร้อมกับหนวดเครารำไร และรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์แล้ว เชื่อว่าหลายคนน่าจะจดจำเปโดร ปาสคาล (Pedro Pascal) ได้เป็นอย่างดี จากบทบาทของ โอเบอริน มาร์เทล ในGame of Thrones (2014) หรือโจเอล มิลเลอร์ ในThe Last of Us (2023-ปัจจุบัน) โดยทั้ง 2 บทบาทนี้ไม่เพียงกลายเป็นภาพจำให้แก่ผู้ชม แต่ยังเป็นบันไดสำคัญที่พานักแสดงหนุ่มขึ้นสู่แถวหน้าของวงการฮอลลีวูด
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่บันไดขั้นนี้จะโผล่มา เส้นทางการเป็นนักแสดงของเปโดร กลับไม่ได้ราบรื่นราวกับโรยด้วยกลีบกุหลาบ และดังเปรี้ยงปร้างในชั่วข้ามคืนหากแต่ตัวเขาต้องผ่านการพิสูจน์ฝีมือมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน กว่าจะมาเป็นเปโดร ปาสคาลอย่างที่เรารู้จักกัน
และเนื่องในโอกาสที่เปโดรกำลังจะได้รับบทนำในThe Fantastic Four: First Steps (2025) และ Materialists (2025) ที่กำลังจะลงจอฉายในเร็ววัน The MATTER เลยอยากพาทุกคนไปรู้จักเรื่องราวและเบื้องหลังเส้นทางชีวิตของเปโดร ปาสคาลในฐานะนักแสดงดาวรุ่ง ผู้มากไปด้วยความสามารถผู้นี้กัน
cr.NORMAN JEAN ROY, Esquire
ไม่ใช่ทุกคนจะเริ่มต้นได้อย่างสวยงาม
นักแสดง อีกหนึ่งอาชีพที่ต้องใช้ทั้งความชอบและความมุ่งมั่นในการเป็นแรงผลักดันสู่เป้าหมายที่วาดฝัน เพราะไม่ใช่ทุกคนจะสามารถเดินเข้าไปแคสภาพยนตร์สักเรื่อง แล้วมีชื่อเสียงทันทีทันใด แต่มันอาจต้องใช้เวลาและสั่งสมประสบการณ์มากกว่าที่เราคิด
เปโดร ปาสคาล หรือ โฆเซ่ เปโดร บัลมาเซดา ปาสคาล เด็กน้อยชาวชิลีผู้เกิดมาท่ามกลางสถานการณ์คุกกรุ่นของประเทศที่มีผู้นำเผด็จการทหารปกครอง พ่อแม่ของเขาในฐานะกลุ่มคนที่ต่อต้านระบบการปกครองนี้ จึงจำเป็นต้องพาเปโดรวัย 9 เดือน หนีออกนอกประเทศในฐานะผู้ลี้ภัยทางการเมือง พวกเขาย้ายไปมาอยู่หลายครั้ง และท้ายสุดก็ได้ลงหลักปักฐานที่เทศมณฑลออเรนจ์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
หากถามว่าความหลงใหลในการแสดงของเปโดรเริ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็คงต้องขอบคุณผู้เป็นพ่อที่พาครอบครัวไปดูหนังอยู่เป็นประจำ จนเปโดรเริ่มสนใจเรื่องราวในวงการบันเทิงและการเป็นนักแสดงมาตั้งแต่ยังเด็ก ครั้งหนึ่งตัวของเปโดรเคยอินกับหนังอย่าง Indiana Jones หนักมาก ถึงขั้นสวมบทบาทเป็นนักผจญภัยตามตัวละครในหนัง จนอาจอินกับบทบาทมากเกินไป ทำให้แขนหักถึง 2 ครั้งเลยทีเดียว
ถึงการสวมบทบาทเป็นนักแสดงจะทำเขาต้องเจ็บตัว แต่ก็ไม่ได้หยุดความหลงใหลต่อการแสดงของเปโดรได้เลยแม้แต่นิดเดียว เพราะถ้าความชอบหยุดลงแค่ตรงนั้น เราก็คงไม่ได้เห็นเขาบนจอในวันนี้ หลังจบช่วงประถมศึกษาปีที่ 5 เปโดรก็ได้เข้าเรียนที่ Orange County School of the Arts ซึ่งเขาเคยให้สัมภาษณ์กับ The New York Times เอาไว้ว่า ตัวเขาหมกมุ่นกับละคร ภาพยนตร์คลาสสิก การอ่านบทละครเป็นอย่างมาก จนรู้สึกว่าตนเองไม่เหมาะกับโรงเรียนทั่ว เพราะโรงเรียนเฉพาะทางด้านการแสดงคือสถานที่ที่จะช่วยให้เปโดรได้อยู่กับสิ่งที่เขารัก
ต่อมาในปี 1993 เปโดรก็ได้เข้าศึกษาต่อด้านการแสดงที่ New York University’s Tisch School of the Arts พร้อมก้าวเข้าสู่อาชีพนักแสดงอย่างจริงจัง โดยในระหว่างเรียนที่นี้ เปโดรก็ได้รู้จักและเป็นเพื่อนกับ ซาราห์ พอลสัน (Sarah Paulson) ซึ่งต่อมาเธอจะมีบทบาทสำคัญอย่างมากในชีวิตของเปโดร
หลังจากนั้น เปโดรก็ได้ลองออดิชั่นในฐานะนักแสดงเป็นครั้งแรกกับภาพยนตร์แนวสืบสวนสอบสวนเรื่อง Primal Fear (1996) แต่เขาก็ชวดจากหนังเรื่องนี้ไป และว่างงานอยู่เกือบ 10 ปี เปโดรได้เคยให้สัมภาษณ์กับ นิตยสาร Vanity Fair ว่าระหว่างที่เขาต้องหางานแสดงเพื่อหล่อเลี้ยงความชอบ ก็ต้องหาเงินเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตด้วยเช่นกัน เขาต้องไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหาร แถมยังเคยโดนไล่ออกมาเกือบ 10 ครั้ง จนกระทั่งได้รับโอกาสรับบทเป็นนักแสดงสมทบในทีวีซีรีส์หลายเรื่อง เช่น Buffy the Vampire Slayer (1999), Undressed (1999),NYPD Blue (2001) และ Nurse Jackie (2010)
แม้เส้นทางในสายการแสดงบนจออาจยังไม่รุ่งเท่าไหร่นัก หากแต่การแสดงบนเวทีของเปโดรกลับไปได้สวยงามกว่าที่เขาคิด เปโดรเป็นสมาชิกของ ‘LAByrinth Theater Company’ คณะละครนอกบรอดเวย์ในนิวยอร์ก ซึ่งตัวเขายังได้รับรางวัล Los Angeles Critics Circle Award และ Garland Award จากการแสดงในละครเรื่อง Orphans ถึงแม้จะเป็นรางวัลในฐานะนักแสดงละครเวที แต่มันก็ถือเป็นเชื้อเพลิงสำคัญที่ช่วยเติมเข้าไปในเปลวไฟแห่งความมุ่งมั่นในการเป็นนักแสดงไม่ให้มอดดับลงได้เป็นอย่างดี
แม้ชีวิตในช่วงแรกของเปโดรในฐานะนักแสดงจะเต็มไปด้วยความล้มลุกคลุกคลาน แต่นั่นกลับกลายเป็นก้าวแรกที่สำคัญ ที่ผลักดันให้เขาเดินหน้าไปได้ไกลขึ้นในวงการบันเทิง ทั้งยังพิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่น และความไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาไปในเวลาเดียวกันด้วย
cr.Looper
Game of Thrones กับจุดเปลี่ยนผันบนเส้นทางนักแสดง
หากจะพูดถึงจุดเปลี่ยนในฐานะนักแสดงของเปโดร ปาสคาล ก็คงต้องยกบทบาท ‘โอเบอริน มาร์เทล’ จาก Game of Thrones นี่แหละเพราะมันถือเป็นประตูบานสำคัญซึ่งเปิดให้เปโดรได้เดินไปสู่ความสำเร็จในวงการ
อย่างไรก็ดี บทนี้ไม่ได้วิ่งเข้าหาเปโดร แต่เป็นตัวของโปเดรเองต่างหากที่วิ่งเขาหาบทบาทนี้ ภายหลังจากที่ทีมงานได้มีการประกาศเพื่อหาคนมารับบท โอเบอริน มาร์เทล ตัวเขาในฐานะแฟนตัวยงของซีรีส์ Game of Thrones จึงลองออดิชั่นในบทนี้ดู ด้วยการอัดเสียงในโทรศัพท์ส่งไปเข้าร่วม ด้าน ซาราห์ พอลสัน ซึ่งขณะนั้นเป็นนักแสดงเช่นเดียวกับเปโดร ก็ได้ส่งคลิปเสียงนี้ให้กับ อแมนดา พีท (Amanda Peet) เพื่อนนักแสดงของเธอ ก่อนจะส่งไปถึงสามีเธอ อย่างเดวิด เบนิออฟ (David Benioff) หนึ่งในผู้สร้างซีรีส์ Game of Thrones และทีมคัดเลือกนักแสดงของซีรีส์ ทั้งเดวิดและทีมงานรู้สึกประทับใจในความสามารถและตัวของเปโดรเป็นอย่างมาก ทำให้สุดท้ายบทของโอเบอริน มาร์เทล ก็ได้ตกเป็นของเปโดร ปาสคาล
ในระหว่างถ่ายทำ ตัวของเปโดรก็ได้ฝึกฝนคิวบู๊และฉากแอ็กชั่นด้วยตนเองอยู่ตลอดเวลา ตัวเขาเคยให้สัมภาษณ์กับ The New York Times เอาไว้ว่า ตัวเขาทำตัวเองเจ็บตัวอยู่บ่อยครั้งจากการฝึกหมุนอาวุธซ้ายขวา บางทีก็มีฟาดหน้าอยู่หลายครั้ง ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เคยทำให้นักแสดงหรือทีมคิวบู๊ต้องเจ็บตัวเลยสักครั้งเดียว
จากบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้ ก็ได้ย้อนกลับไปถึงช่วงวัยเด็กที่ตัวเขารับบทบาทเป็นนักผจญภัยในวัยเด็กจนได้รับบาดเจ็บ ตัดภาพมาช่วงซีรีส์ ตัวเขาก็ยังคงเจ็บตัวอยู่เช่นเดียวกัน บางทีบาดแผลเหล่านี้ก็อาจเป็นสัญลักษณ์ของความพยายามและความมุ่งมั่นต่อการวิ่งตามความฝันของเปโดรปาสคาลก็เป็นได้
แม้ตัวละครดังกล่าว จะไม่ได้มีบทบาทโดดเด่นเท่าตัวละครหลักอื่นๆ แต่โอเบอริน มาร์เทลก็กลายเป็นตัวละครที่แฟนๆ หลงรักตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาปรากฏตัว Collider เว็บไซต์ด้านสื่อบันเทิง ก็ได้เผยแพร่บทวิจารณ์เกี่ยวกับตัวละครดังกล่าว พร้อมกล่าวชื่นชมฝีมือการแสดงของเปโดรที่ตัวเขาสามารถถ่ายทอดความฉลาดแกมโกงของตัวละครได้ออกมาอย่าลุ่มลึกและมีเสน่ห์ จนสามารถดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้อย่างไม่ยากเย็น
อาจนับได้ว่า Game of Thrones คือหนึ่งในผลงานที่เข้าขั้นประสบความสำเร็จอย่างมากของเปโดร ปาสคาล เพราะหลังจากบทบาทนี้ เขายังได้รับการคัดเลือกให้เล่นในหนังและซีรีส์เรื่องดังอีกหลายเรื่อง ตัวอย่างเช่น Kingsman : The Golden Circle (2017) กับบทบาทของแจ็ค แดเนียลสายลับสองหน้าผู้เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ หรือกระทั่ง Narcos (2015) กับบทบาทเจ้าหน้าที่ DEA ผู้ช่วยนำการสืบสวนและล่าตัวเจ้าพ่อค้ายา
เรื่องราวในช่วงนี้ของเปโดร คือเครื่องยืนยันว่า ตัวเขาไม่ได้รอให้โอกาสมาหา แต่เป็นตัวเขาเองที่เลือกลุกขึ้น แล้ววิ่งเข้าไปหาโอกาสด้วยตัวเอง และนั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมชื่อของเขาถึงปรากฏอยู่แทบทุกแพลตฟอร์มในทุกวันนี้
cr.IMDB
ทุกพื้นที่มีแต่เปโดร ปาสคาล
เมื่อไฟเริ่มติด มันก็ไม่มีวันมอดลงง่ายๆ มีแต่จะลุกโชนแรงขึ้นเรื่อยๆ เส้นทางสู่ความสำเร็จในฐานะนักแสดงของเปโดร ปาสคาลเองก็เช่นกัน
หนึ่งในสิ่งที่พิสูจน์ถึงการเป็นนักแสดงมืออาชีพได้เป็นอย่างดี ก็คงเป็นความกล้าที่จะรับบทบาทที่ท้าทายและแตกต่าง ไม่ได้วนอยู่แค่บทบาทเดียวบทบาทเดิมซ้ำไปซ้ำมา ซึ่งเปโดรคือนักแสดงคนนั้น คนที่สามารถทลายทุกภาพจำของตัวเองทุกครั้งที่รับบทบาทใหม่ๆ
เปโดร ปาสคาล กับบทบาท แม็กซ์เวล ลอร์ด ใน Wonder Woman 1984 (2020) อาจเป็นเครื่องยืนยันถึงความสามารถทางการแสดงของเขาได้เป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะเป็นตัวร้ายที่มีความทะเยอทะยานขั้นสุดแล้ว ตัวเขายังต้องถ่ายทอดความเป็นพ่อออกมาด้วยในเวลาเดียวกัน แม้บทของตัวละครนี้จะมีมิติทางอารมณ์และความขัดแย้งในตัวเองที่ค่อนข้างสูง แต่เปโดรก็สามารถเล่นออกมาให้เราเชื่อถึงความร้ายกาจของตัวละครตัวนี้ได้เป็นอย่างดี
ถึงอย่างนั้น หากจะต้องพูดถึงอีกบทบาทที่ทำให้แฟนๆ อีกจำนวนไม่น้อยรู้จักกับนักแสดงไฟแรงคนนี้มากขึ้น ก็เห็นจะเป็นบทบาทจาก The Last of Us ซีรีส์ดัดแปลงจากวิดีโอเกม โดยตัวเขาต้องรับบทเป็น โจเอล มิลเลอร์ ผู้รอดชีวิตผู้มีความแข็งแกร่งห่อหุ้มอยู่ภายนอก แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยบาดแผลจากในอดีต ที่ตามหลอกหลอนตัวเขาเรื่อยมา
แม้ตัวละครอย่างโจเอลจะเต็มไปด้วยเฉดสีทางอารมณ์ที่หลากหลาย ทว่าตัวของเปโดรก็สามารถถ่ายทอดความซับซ้อนออกนั้นออกมาได้เป็นอย่างดี การแสดงออกด้วยหน้าตาที่ไร้ซึ่งอารมณ์มากมาย แต่กลับสะท้อนความเปราะบางที่ซ่อนอยู่ข้างในออกมาให้ผู้ชมได้เห็น ด้วยผลงานการแสดงที่เข้าขั้นทรงพลังนี้เอง ทำให้นักวิจารณ์ภาพยนตร์และซีรีส์ วาเลอรี เอตเทนโฮเฟอร์ (Valerie Ettenhofer) ถึงกับบอกไว้เลยว่า “นี่อาจเป็นผลงานที่ดีที่สุดในฐานะนักแสดงของเปโดร ปาสคาลเลยก็ว่าได้”
บทบาทมากมายที่ผ่านมือของเปโดรมา ล้วนเต็มไปด้วยความหลากหลายและท้าทายไม่ซ้ำกัน แต่สิ่งที่ทำให้เราเห็นจากตัวเขามาตั้งแต่ต้น คือความสามาถในการแสดงที่ทำให้คนดูอินและเชื่อไปกับตัวละครเหล่านั้น
cr.Screenrant
หลังจากนี้เปโดรก็จะได้รับบทบาทสำคัญในภาพยนตร์อีก 2 เรื่องที่มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เรื่องแรก The Fantastic Four: First Steps กับบทบาทของซูเปอร์ฮีโร่ผู้ต้องรับบทเป็นทั้งหัวหน้าทีมและหัวหน้าครอบครัว ซึ่งตัวเขาต้องต่อกรกับวายร้ายระดับจักรวาลไปพร้อมกับประคับประคองความสัมพันธ์ของครอบครัวเอาไว้ และอีกเรื่องคือ Materialists ภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้ กับบทบาทเศรษฐีหนุ่ม ผู้ต้องการพิชิตใจสาวผู้สิ้นหวังในความรัก
เราคงต้องติดตามกันต่อไปว่าเปโดรจะสามารถสร้างความตะลึงให้กับเรามากแค่ไหนในภาพยนตร์ที่กำลังจะเข้าโรงในเร็ววันนี้
นับตั้งแต่ Game of Thrones เป็นต้นมา ชื่อของนักแสดงหนุ่มคนนี้ก็ไม่เคยห่างหายไปจากจอเงินหรือจอทีวีเลย ตรงกันข้าม ชื่อของเขากลับยิ่งปรากฏบ่อยขึ้น ราวกับกลายเป็นชื่อที่ขาดไม่ได้ในโปรเจกต์ใหญ่แทบทุกเรื่องในวงการฮอลลีวูด
เรื่องราวของเปโดรนับแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน ก็ได้พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่า บางครั้งเมล็ดพันธุ์ที่เรียกว่าสำเร็จมันก็อาจไม่ได้เติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็วเหมือนกับคนอื่น หากแต่มันอาจต้องใช้เวลามากกว่าอาจนานหลายปีหรือหลายสิบปี เหมือนกับตัวของเปโดร ซึ่งกว่าเขาจะได้มายืนอยู่ท่ามกลางแสงสป็อตไลท์ได้ ก็เลยมากว่าครึ่งค่อนชีวิตแล้ว
จากนักแสดงไร้ชื่อเสียงในวันแรก จนวันนี้ เปโดร ปาสคาล กลายเป็นอีกหนึ่งใบหน้าที่ไม่มีใครมองข้าม และไม่เกินจริงเลยหากจะบอกว่าเปโดรคือ ‘ปรากฏการณ์แห่งวงการฮอลลีวูดอย่างแท้จริง’
อ้างอิงจาก
Graphic Designer: Sutanya Phattanasitubon
Editorial Staff: Runchana Siripraphasuk