“ประเสริฐ” คาดโทษหน่วยงาน “รัฐ-เอกชน” ทำข้อมูลประชาชนรั่วไหลโดนปรับอ่วม
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า กระทรวงดีอี โดย สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) เข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายกับหน่วยงานที่ทำข้อมูลประชาชนรั่วไหลทั้งภาครัฐและเอกชน โดยตั้งแต่มีการบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือกฎหมายพีดีพีเอ มีคำสั่งลงโทษปรับทางปกครองไปแล้ว 6 เรื่อง 9 คำสั่ง มีมูลค่ารวมปรับไปแล้วทั้งสิ้นกว่า 21.5 ล้านบาท
“ในปี 67 ได้ปรับหน่วยงานเอกชนแห่งหนึ่ง 7 ล้านบาท ส่วนในปี 68 นี้จะดำเนินการกับหน่วยงานของรัฐและเอกชนที่ยังละเมิดหรือปล่อยข้อมูลร่าวไหล โดยรัฐบาลมีเป้าหมายชัดเจนว่าการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลต้องเท่ากับศูนย์ ซึ่งทาง ดีอี จะร่วมกับ สคส. ส่งเสริมให้มีเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การพัฒนามาตรฐานข้อมูลส่วนบุคคล โดยมีระบบสารสนเทศที่ทันสมัย มั่นคงและปลอดภัย และการรณรงค์ให้ความรู้ของประชาชนให้ตระหนักถึงสิทธิของตัวเองในกรณีที่ถูกละเมิดข้อมูล”
ด้าน พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) กล่าวว่า การลงโทษปรับหน่วยงานต่างๆ เป็นผลจากกระบวนการตรวจสอบรวบรวมข้อเท็จจริง และพิจารณาของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญอย่างเป็นทางการ โดยมี 5 กรณีสำคัญที่เป็นอุทาหรณ์ให้ทั้งภาครัฐและเอกชนต้องเร่งปรับตัว อาทิ หน่วยงานของรัฐรายหนึ่งให้บริการประชาชนผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งถูกโจมตีและนำข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนกว่า 200,000 รายไปประกาศขายในดาร์ก เว็บ โดยมิชอบ หรือกรณี ปรากฏภาพถุงขนมโตเกียวที่ทำจากเอกสารเวชระเบียนของผู้ป่วย ถูกเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นข้อมูลผู้ป่วยของโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ ฯลฯ นอกจากนี้ สคส. อยู่ระหว่างพิจารณากรณีอื่น ๆ อีกจำนวนมาก เพื่อขับเคลื่อนแนวทางป้องกันเชิงรุก เพื่อบรรลุเป้าหมาย “ข้อมูลรั่วไหลต้องเป็นศูนย์”