โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

‘ทักษิณ’ เปิดตัว ThaiWORKS ต่อยอดโอทอป ดึงอดีตหัวหอกซัมซุงร่วมพัฒนาขายของดีเมืองไทย

เดลินิวส์

อัพเดต 9 กรกฎาคม 2568 เวลา 23.48 น. • เผยแพร่ 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เดลินิวส์
‘ทักษิณ’ เปิดตัว ThaiWORKS ต่อยอดโอทอป ดึงอดีตหัวหอกซัมซุงร่วมพัฒนาขายของดีเมืองไทย โอดการเมืองไร้สาระ ฉุดการพัฒนา ฟาด มหาดไทยเดิมไม่ร่วมมือ ฝาก ‘บิ๊กอ้วน’ ขับเคลื่อนงาน รอ ‘อิ๊งค์’ หมดชนักลุยงานต่อ ลั่นความไม่สามัคคี-อิจฉา-ริษยา เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ ขอให้เข้าวัดบ้าง

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 9 ก.ค. ที่ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงวิสัยทัศน์บนเวทีในหัวข้อ "Crafting the Future: From OTOP to ThaiWORKS and Beyond" ภายในงาน SPLASH soft power forum 2025 ว่า จุดเริ่มต้นของ OTOP เกิดขึ้นในปี 2545 ซึ่งเริ่มมาจากเมืองโออิตะ ประเทศญี่ปุ่น ตอนนั้นคนที่มาเล่ามาจากเจโทร ตนเติบโตที่ชินวัตรไหมไทย เห็นงานแฮนด์คราฟต์มาตลอด ไปได้ในระดับหนึ่ง แต่ไปไม่ได้ไกลอย่างที่คิด ดังนั้นถ้าเรามีการออกแบบใหม่ๆ การดีไซน์ใหม่ๆ และการตลาดดีๆ มันน่าจะไปได้ไกลกว่านั้น อยากทำอะไรที่ชาวบ้านมีส่วนร่วม มีรายได้ เลยทำเรื่องนี้จริงจัง และพบว่าประเทศไทยมีความรู้ ภูมิปัญญาชาวบ้าน หรือมีงานฝีมือของชาวบ้านอยู่ทุกที่ทุกภาคซึ่งปรับได้ แต่ต้องยอมรับว่า ชาวบ้านยังคิดแบบชาวบ้าน มีฝีมือจริง แต่วัสดุไม่สามารถลงทุนได้ ไม่สามารถหาตลาดได้ ไม่สามารถออกแบบใหม่ๆได้ เราก็ต้องไปช่วย

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า วันนั้นเราได้เจโทร (JETRO) ของญี่ปุ่นมาช่วยเราเยอะ และเราได้ข้าราชการทั้งกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพาณิชย์มาช่วยกัน เลยทำให้เราประสบความสำเร็จมาก OTOP ในช่วงนั้นปีแรกขายได้ 20,000 กว่าล้านบาท ปีถัดมาได้ 40,000 กว่าล้านบาท และส่งออกไปญี่ปุ่นได้ด้วย เราจัดงานขายของในเคเบิลทีวีของญี่ปุ่นขายได้หลายร้อยล้านบาท ตอนนั้นเราปรับปรุงได้ในระดับหนึ่ง ตนยังติดใจอยู่ว่าโลกข้างหน้าเราจะสู้กับเขาอย่างไร เราต้องยอมรับว่าการศึกษาของเรามีปัญหา ระบบบริหารของเรามีปัญหา เพราะว่าเรามีแนวคิดแบบไซโล หรือแท่งใครแท่งมัน ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างทำ เราตามเขาไม่ทันแน่นอน เลยยังติดใจว่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของเรานั้น น่าจะเป็นจุดแข็งที่หากินได้ยาว โลกยิ่งเปลี่ยนไป มีความรู้สึกว่าอยากให้มีสิ่งที่ทำด้วยมือมนุษย์เพราะเดี๋ยวนี้เป็นเครื่องจักรไปแล้ว ซึ่งอยากรักษาตรงนี้ไว้ ดังนั้นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ยังเป็นจุดแข็งของประเทศไทย นอกเหนือจากการตามให้ทันเศรษฐกิจด้านเทคโนโลยี

นายทักษิณ กล่าวว่า ตอนที่ตนอยู่เมืองนอก Peter Arnell ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์มาพบกับตน เป็นคนสร้างแบรนด์และทำงานกับ Samsung มาตลอด เลยชวนมาทำ ThaiWORKS ต่อยอดจาก OTOP ปีเตอร์บอกว่าผ้าพันคอแอร์เมสขายผืนละ 50,000 ผ้าพันคอไทยขายได้ 2,000 ทำไมเราไม่เอาลายของแอร์เมส ซึ่งมีทั้งอานม้า รถม้า ลูกม้าซึ่งเป็นลายของเขาซึ่งขายดี ซึ่งเรามีลายบ้านเชียง ซึ่งก็น่าสนใจ ตนมองสินค้าไทยในภาพรวมมีโอทอปเป็นสินค้าฐาน และสินค้าของเอสเอ็มอีเป็นสินค้าประกอบ ตนรู้ว่าโลกยุคนั้นต้องสร้างแบรนด์ แต่ว่าแต่ละบริษัทเล็กๆ หมด หากจะสร้างแบรนด์ต้องใช้เงินเยอะเพื่อนำไปสู่สากล ดังนั้นให้มาเกาะปีกแบรนด์ไทยแลนด์ จึงจะสร้างแบรนด์ไทยแลนด์ เมื่อแบรนด์แข็งแรงแล้วก็สร้างแบรนด์ตัวเอง จึงอยากจะไปทำร้านในเมืองใหญ่ๆ ในศูนย์ชอปปิงทั้งหลายเพื่อเป็นโชว์รูมของประเทศไทย

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า ปรากฏว่าช่วงที่คิดเป็นช่วงปลายปี 2548 เป็นช่วงที่การเมืองเริ่มยุ่งแล้ว บ้านเราเสียเวลาเรื่องการเมืองที่ไร้สาระมากกว่าเรื่องที่มีสาระ เลยทำให้เรื่องมีสาระถูกละเลยเป็นประจำ เป็นช่วงๆ เมื่อเจอปีเตอร์เลยอยากสานต่อเพื่อให้แนวคิดเป็นสากล ซึ่งตนเคยคิดว่า ถนนราชดำเนินเป็นที่ทรัพย์สินกำลังจะหมดสัญญา ตนบอกว่าหากเอาแบรนด์ไปใส่หนึ่งห้อง OTOP หนึ่งห้องสลับกันไปมา ทำให้ OTOP ได้เห็นพัฒนาการ และปรับตัวเองใช้วัสดุดีๆ เพื่อให้ราคาเพิ่มขึ้นให้ปรับตัวไปเรื่อยๆ

“และเป็นช่วงที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ แต่พอดีมีปฏิวัติเสียก่อนเลยต้องพักไป ตอนนี้กลับมาใหม่ จะเอาของเก่าที่ดีไซน์ไว้มารีเฟรชใหม่ และดูว่าจะขับเคลื่อนอย่างไรต่อ จำไว้ว่าตนเป็นรัฐบาลหรือไม่เป็นรัฐบาล ไม่มีเลิกทำ เพราะที่ทำทั้งหมดออกเงินเองเพราะต้องการให้เป็นโซเชียลเอนเตอร์ไพรซ์ของคนไทย ไม่ใช่ของการเมือง เพื่อให้การพัฒนาประเทศในด้านครีเอทีฟอีโคโนมีต่อเนื่องยาวนาน” นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า การผลิตนอกจากลิขสิทธิ์ที่เราได้ให้เอสเอ็มอีไปขยายผลแล้ว ตนยังอยากให้ทุกหมู่บ้านเป็นหนึ่งโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อผลิตสินค้าที่ดี ดีไซน์จากส่วนกลางและเป็นทักษะของท้องถิ่นผสมผสานกับแนวคิดครีเอทีฟของคนท้องถิ่นและปรับไปมา เหมือนเราฟังแนวคิดและดีไซน์ของเขามาปรับให้เป็นสากลแล้วไปออกแบบในการสร้างต่อไป ขณะนี้ต้องรีบทำให้สินค้าหรือดีไซน์แบบของไทยทำเงินได้ เด็กรุ่นใหม่แน่นอนว่าโดยเฉพาะเจน Z จะห่วงเรื่องสถานะการเงินของเขามาก ถ้าเขาไม่มีช่องทางหารายได้ เขาก็ทิ้ง แต่ถ้าหากพ่อแม่สอนมา เขาทำเป็นแต่เขาไม่อยากทำเพราะการเงินไม่ได้ แต่ถ้าเขาทำเงินกับมันได้เขาก็ทำ ไม่มีใครทิ้งสิ่งที่ทำเงินได้ แต่ขึ้นกับเศรษฐกิจ เราจะต้องทำเศรษฐกิจฟื้นตัวให้ได้ เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวทำอะไรก็ขายได้ วันนี้การแก้ปัญหาเศรษฐกิจยากกว่าสมัยก่อนเพราะหมักหมมมานาน แต่ก็ต้องแก้ เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวและงาน ThaiWORKS หรือ OTOP ของเราขับเคลื่อนได้ วันนั้นคนรุ่นใหม่จะหันกลับเป็นช่องทางทำมาหากินอีกช่องทางหนึ่ง

“วันนี้มันอยู่ที่การเอาจริงเอาจัง หากรัฐเอาจริงเอาจัง ข้าราชการก็ร่วมมือ เมื่อข้าราชการร่วมมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเมื่อก่อนนี้ไม่ให้ความร่วมมือ วันนี้กระทรวงมหาดไทยต้องร่วมมือเต็มที่ เป็นกระทรวงสำคัญที่จะนำนโยบายไปสู่ประชาชน นั่นคือผู้ว่าฯ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เขาอยู่ติดชาวบ้านที่สุด ถ้าเขาร่วมมือปุ๊บทุกอย่างจะขับเคลื่อนได้ คนที่ช่วยขับเคลื่อนคือกระทรวงมหาดไทยต้องมูฟ” นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ในวันที่ 10 ก.ค. ตนจะเอาแนวคิดที่จะทำ ThaiWORKS มาคุยกับปีเตอร์ โดยจะดูว่าอะไรที่จะนำไปลงหมู่บ้านชุมชน ก็จะฝากให้ รมว.มหาดไทย รมว.อุตสาหกรรมไปช่วยกัน วันนี้เอสเอ็มอีเรามีปัญหาเพราะโดนเอาของจีนราคาถูกมาขาย ซึ่งตนจะเชิญเอสเอ็มอีมาฟังเรื่องราวทั้งหมด ดังนั้นการขับเคลื่อนของ ThaiWORKS จะลงไปใน 2 ระดับ ซึ่งระดับสู่ตลาดโลกนั้นเราจะใช้ทีมของปีเตอร์ซึ่งมีความกว้างขวางในวงการตลาดโลกพอสมควร รู้จักแบรนด์ต่างๆ ว่าเราจะผลิตป้อนแบรนด์หรือจะดีไซน์ร่วมอย่างไร หรือจะทำแบรนด์ของเราต่างหาก เหล่านี้เป็นเรื่องที่ทำต่อไป รอให้ท่านนายกฯ ได้กลับไปทำงานก่อน ตนเป็นคนใจร้อนตอนนี้ 76 ปีแล้ว ไม่รู้จะอยู่ได้นานแค่ไหน รีบๆ ทำเถอะ

เมื่อถามว่า อยากจะเห็นวงการภาพยนตร์ไทยพัฒนาอย่างไร นายทักษิณ กล่าวว่า ตนทำมาทุกอย่างผ่านมาเยอะ สมัยก่อนหนังไทยสร้างหยาบๆ แต่เรื่องไหนได้ตุ๊กตาทอง ไม่ได้เงิน เพราะสร้างดีไป หนังหยาบๆ ได้ตังค์ สมัยก่อนตนเดินสายหนังภาคเหนือซื้อลิขสิทธิ์หนังมาเดิน ล้มลุกคลุกคลาน เพราะเมื่อก่อนวงการหนังกู้แบงก์ไม่ได้ ต้องแลกเช็ค เพราะแบงก์ไม่เชื่อถือ เพราะเป็นธุรกิจ 50/50 เจ๊งได้รวยได้ ถือเป็นปัญหาวงการหนังไทย และต้องยอมรับว่า วงการหนังบ้านเรา มีระบบมากขึ้น เมื่อมีเด็กรุ่นใหม่เข้ามาแล้ว มีกลุ่มเป้าหมายชัดเจน ทำให้หนังไทยประสบความสำเร็จมากขึ้น ซึ่งเมื่อก่อนเป็นมวยวัด แต่วันนี้การสร้างมีระบบขึ้น ทั้งนี้หากสามารถมี target ที่ชัดเจน ภาพยนตร์ไทยจะสำเร็จมากขึ้น

ตอนนี้คนใน Hollywood เริ่มซื้อสคริปต์หนังไทยไปแปลแล้วเพราะคนไทยเขียนนิยายเก่งโดยเฉพาะการเมืองนิยายน้ำเน่าเยอะ ฉะนั้นหากเราทำหนังดีๆ มีคุณภาพและเปิดตลาดให้กว้างขึ้นแล้วรัฐช่วยสนับสนุน โดยคุยกับสถาบันการเงิน ว่าต้องไฟแนนซ์กัน จะทำให้หนังไทยโตได้ ตลาดจะกว้างขึ้น ส่วนเรื่องการคืนภาษี ทำให้ต่างประเทศได้ก็ทำให้คนไทยได้เช่นกัน สำหรับผู้สร้างภาพยนตร์ วันนี้ต้องทำสมองให้พัฒนาในการทำงาน อย่าไปพัฒนาการทำร้ายซึ่งกันและกัน ประเทศมันอยู่ไม่ได้

นายทักษิณ ยังกล่าวด้วยว่า เด็กในสังคมเกาหลี มั่วสุมกันอย่างสร้างสรรค์ ถ้าเด็กเรา ถ้าส่งเสริมให้ไปสุมหัวกันเล่นดนตรีแข่งกันหรือซ้อมดนตรี เราควรต้องกระจาย เหมือนกับมวยต้องกระจาย ถ้าไปกระจุกที่เดียวก็ลำบาก ในเรื่องของบางกอกแฟชั่นเวฟวันนี้กำลังจะกลับมาเมืองไทยควรจะมีทุกอย่างที่ในโลกสากลมี

เมื่อถามว่า มองอนาคตซอฟต์พาวเวอร์ของไทย มีอนาคตแค่ไหน ต้องขับเคลื่อนอย่างไร และจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้จริงหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ก่อนอื่นเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศนั่นคือความไม่สามัคคีมีความอิจฉาริษยา ถ้าเราอยู่ด้วยความสามัคคีไม่อิจฉาริษยาเกื้อกูลกัน ซอฟต์พาวเวอร์ จะมีพลังมหาศาล ถ้าคนไทยมีสิ่งเหล่านี้เมื่อรวมกันแล้วจะสามารถสร้างพลังซอฟต์พาวเวอร์ได้หลากหลายสาขาหลากหลายช่องทางนั่นคือช่องทางทำมาหากินทั้งนั้น แม้โลกจะมีเทคโนโลยีใหม่ ทันสมัยแค่ไหนก็หนีคำว่า ซอฟต์พาวเวอร์ไม่ได้ ครีเอทีฟยังใช้ได้ในโลกใบนี้ ทุกอย่าง ต้องไม่ทิ้งแกนเดิม เรามีของดีอยู่แล้ว เรามีคนไทยถึงมีสายเลือดใหม่ ต้องเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์ แต่สำคัญคือพอสร้างขึ้นพอคนนั้นเริ่มโต คนนี้มาอิจฉากันตรงนี้ต้องทิ้งไปบ้าง เข้าวัดหน่อย

ในช่วงท้ายนายทักษิณ ยังกล่าวอีกว่า วันที่ 26 ก.ค.นี้ก็จะอายุ 76 ปีแล้วย่าง 77 ปี ซึ่งเร็วจังเลย แต่ใจยังไม่อยากไปตรงนั้น ตนถึงบอกว่า I accept my age but not my aging

ทั้งนี้นายทักษิณ พร้อมด้วย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.วัฒนธรรม นายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี น.ส.พินทองทา คุณากรวงศ์ พี่สาว และนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ พี่เขย ชมการแสดงแฟชั่นโชว์และเยี่ยมชมบูธภายในงาน โดยได้แวะเยี่ยมชมบูธซอฟต์พาวเวอร์ภายในงาน ทั้งบูธมวยไทย ที่ได้มอบนวมชกมวยไทยให้นายทักษิณ และน.ส.แพทองธาร เป็นที่ระลึกด้วย ก่อนเยี่ยมชมบูธภาพยนตร์ และเยี่ยมชมบูธอุตสาหกรรมดนตรี ที่มีการนำเพลงไทยไปประยุกต์เพื่อสื่อสารกับชาวต่างชาติให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก เดลินิวส์

9 สัญญาณเตือน ร่างกายกำลังขาดแมกนีเซียม

45 นาทีที่แล้ว

‘ทักษิณ’ ชี้ ‘ทรัมป์’ ส่งจดหมายขีดเส้นภาษีนำเข้าเป็นการเจรจาทางธุรกิจ

49 นาทีที่แล้ว

‘ทักษิณ‘ เชื่อ ปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา มีกลไกพูดคุยได้ ยันไม่เกิดความรุนแรง

56 นาทีที่แล้ว

“มูเซียลา” ไม่โทษ “ดอนนารุมมา” แม้โดนอัดจนข้อเท้าหัก

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

Thaksin ends brotherhood with Hun Sen for what he did to Paetongtarn

Thai PBS World

‘ทักษิณ’ เชื่อปัญหาชายแดนไทย-เขมร ยังพูดคุยได้ งงสาเหตุ ฮุน เซน แฉคลิป เหน็บ ‘ภูมิใจไทย’ ปมคอมเพล็กซ์

Khaosod

‘ทักษิณ’ บอก ‘ฮุน เซน‘ ลืมชื่อกันไปแล้ว เชื่อ คลิปหลุดตั้งใจอัด โอด‘น่าเจ็บใจทำได้ยังไง’ มอง ไม่ได้ทำลายเราแต่ทำลายตัวเอง

สยามรัฐ

"ทักษิณ"ตอก ‘อนุทิน’ สวมรอยตีปี๊บเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เป็นเหตุ ทำนักท่องเที่ยวจีนไม่มาไทย

สยามรัฐ

‘ทักษิณ’ ชี้ ‘ทรัมป์’ ส่งจดหมายขีดเส้นภาษีนำเข้าเป็นการเจรจาทางธุรกิจ

เดลินิวส์

‘ทักษิณ’ เผย ‘ทรัมป์’ คุยแบบนักธุรกิจ เวลายังไม่หมด อย่าตกใจ ตนยังอยู่-ไม่โง่

Khaosod

ข่าวและบทความยอดนิยม

‘ฮุน เซน’ ชี้ผล ‘นิด้าโพล’ น่าขันอย่างยิ่ง บอกกลัวคนไทยเผลอมารักจนดูทรยศประเทศ

เดลินิวส์

คอหวยแห่ส่องเลขเด็ด “ลูกจระเข้ 6 ขา” เพิ่งฟักออกจากไข่มาให้โชค ลุ้นรวยงวดนี้!

เดลินิวส์

‘หมอสุภัทร’ เปิดเคสชาย 40 ปวดท้องหนัก เหตุดื่มน้ำกระท่อมมานาน 5 ปี

เดลินิวส์
ดูเพิ่ม