สทนช.ลุยงบ 3.9 หมื่นล้าน บริหารจัดการน้ำทั่วไทย จ้างงาน 7.3 หมื่นคน/เดือน
เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 คณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้มีมติเห็นชอบข้อเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท (ข้อเสนอโครงการฯ) ที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ จำนวน 50 หน่วยรับงบประมาณ จำนวน 481 โครงการ (8,939 รายการ) ภายในกรอบวงเงิน 115,375 ล้านบาท เพื่อเป็น การกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่ได้ผลในระยะยาว
นางพัชรวีร์ สุวรรณิก รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรนํ้าแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะโฆษก สทนช. เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากผลกระทบสงครามการค้า และการประกาศนโยบาย Reciprocal Tariff หรือ ภาษีตอบโต้ของสหรัฐส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย และจะส่งผลทำให้รายได้ของประชาชนลดลง โดยเฉพาะภาคการส่งออก รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร จำเป็นต้องทบทวนการใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปและเสริมศักยภาพการแข่งขันในระยะยาว
สำหรับ สทนช. รับผิดชอบแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้านที่ 1 โครงสร้างพื้นฐาน (ด้านนํ้า) มี 7 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมทรัพยากรนํ้าบาดาล ,กรมทรัพยากรนํ้า,กรมชลประทาน,กรมพัฒนาที่ดิน,การประปาส่วนภูมิภาค,กองทัพบกและกองทัพเรือ รวมแผนที่จะดำเนินการในครั้งนี้ 2,881 รายการ งบประมาณ 3.9 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น 5 ด้านสำคัญ ได้แก่ด้านที่ 1 การพัฒนานํ้าอุปโภคบริโภค วงเงิน 10, 292 ล้านบาท,
ด้านที่ 2 เพิ่มประสิทธิภาพแหล่งนํ้าเดิมและพัฒนาระบบกระจายนํ้า วงเงิน 17,021 ล้านบาท, ด้านที่ 3 พัฒนาพื้นที่เกษตรนํ้าฝน วงเงิน 8,529 ล้านบาท ,ด้านที่ 4 พัฒนาพื้นที่หน่วงนํ้าและการป้องกันนํ้าท่วมชุมชนเมือง 2,981 ล้านบาท และด้านที่ 5 อนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศทรัพยากรนํ้า 312 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถป้องกันอุทกภัยในช่วงฤดูฝน สร้างพื้นที่กักเก็บนํ้าไว้ใช้สำหรับฤดูแล้ง และป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน พื้นที่ได้รับการป้องกัน
นํ้าท่วมหรือการชะล้างพังทลายของดิน 191,167 ไร่ และสามารถกระจายนํ้าไปยังชุมชนและพื้นที่ต่าง ๆ ผลิตนํ้าเพื่อสนับสนุนภาคเกษตรในพื้นที่ทั่วประเทศ พัฒนาและปรับปรุงระบบนํ้าประปา ทำให้ปริมาณนํ้าเพิ่มขึ้น 192.22 ล้านลูกบาศก์เมตร ในภาพรวมมีพื้นที่ได้รับประโยชน์ 4,791,974 ไร่ ครัวเรือนได้รับประโยชน์ 906,803 ครัวเรือน และสามารถสร้างการจ้างงานได้ 73,807 คนต่อเดือน
นางพัชรวีร์ กล่าวว่า จากที่รัฐบาลมีงบประมาณจำกัด ซึ่งจากเดิมแผนงานและงบประมาณในการบริหารจัดการโครงการด้านนํ้า ตั้งไว้ที่ 1.2 แสนล้านบาท รอบแรกโดนตัดเหลือ 8 หมื่นล้านบาท ล่าสุดผ่านคณะอนุกลั่นกรองฯ 2-3 รอบ จนเหลือ 3.9 หมื่นล้านบาท โดยโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านบริหารจัดการนํ้าจะพิจารณาเน้นกระจายไปยังภูมิภาคที่มีรายได้ต่อหัวตํ่า โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ นครพนมและสกลนคร และภาคเหนือ อาทิ แม่ฮ่องสอน เป็นต้น ขณะที่ภาคตะวันออก อาทิ ระยอง และชลบุรี ส่วนภาคกลาง อาทิ กรุงเทพฯ สมุทรสาคร ซึ่งคนมีรายได้ต่อหัวสูง จะมีการกระจายวงเงินงบประมาณในสัดส่วนที่น้อยกว่า เป็นต้น
อย่างไรก็ดีโครงการด้านนํ้าและคมนาคม ถือเป็นการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะกลางถึงระยะยาวและเป็นตัวช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง ก่อให้เกิดผลเชื่อมโยงไปยังสาขาเศรษฐกิจต้นนํ้าและปลายนํ้า เช่น สาขาก่อสร้าง สาขาค้าปลีกค้าส่ง สาขาการเงิน และบริการอื่น ๆ เป็นต้นคาดว่าเม็ดเงินที่จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 115,375 ล้านบาทในครั้งนี้จะทำให้เกิดการจ้างงานทั่วประเทศไม่น้อยกว่า 7.4 ล้านคนและ จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.4%
หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,109 วันที่ 29 มิถุนายน - 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2568