โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ผวา ‘ยุบสภา-ลาออก’ ฉุดเศรษฐกิจ 'เอกชน' ห่วงงบปี 69 เจรจาทรัมป์สะดุด

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 20 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เสถียรภาพการเมืองของรัฐบาลมีความไม่แน่นอนมากขึ้นจากกรณีที่มีการยื่นให้องค์กรอิสระทั้งศาลรัฐธรรมนูญ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาความผิดของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จากกรณีคลิปเสียงการสนทนากับสมเด็จฮุนเซน อดีตผู้นำของกัมพูชา ซึ่งสถานการณ์อาจนำไปสู่การลาออกของนายกรัฐมนตรี หรือการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ได้

ทั้งนี้หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศดังนี้

1. กรณีนายกรัฐมนตรีลาออก สภาผู้แทนราษฎรจะเปิดให้มีการโหวตนายกรัฐมนตรีใหม่จากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่มี ส.ส.เกิน 25 คน ซึ่งกรณีนี้ผลกระทบต่อเศรษฐกิจจะน้อยกว่าการยุบสภาเพราะมีโอกาสที่นายกรัฐมนตรียังมาจากแกนนำรัฐบาล คือ นายชัยเกษม นิติสิริ ซึ่งจะไม่กระทบการจัดทำงบประมาณปี 2569 วงเงิน 3,780,600 ล้านบาท และนโยบายเรือธงของรัฐบาลจะเดินหน้าต่อไปตามเดิม

ส่วนกรณีนายกรัฐมนตรีลาออกและเกิดการปรับเปลี่ยนพรรคที่เสนอชื่อขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีอาจกระทบการจัดทำงบประมาณปี 2569 โดยหากเป็นการโหวตนายกรัฐมนตรีจากพรรคที่อยู่คนละขั้วกับรัฐบาลก็อาจนำมาสู่การทบทวน พ.ร.บ.งบประมาณ 2569 ทั้งฉบับ และจะกระทบต่อนโยบายเรือธงสำคัญของรัฐบาลด้วย

2. กรณีนายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภา จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากกว่า ดังนี้

ความล่าช้าของการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ถึงแม้ว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ผ่านความเห็นชอบในวาระที่ 1 จากสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค.2568 แต่หากเกิดกรณีที่นายกรัฐมนตรียุบสภาฯ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณจะตกทั้งฉบับ และงบประมาณปี 2569 จะไม่สามารถประกาศใช้ได้ทันในวันที่ 1 ต.ค.2568 ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นปีงบประมาณใหม่

หากยุบสภาฯ เมื่อเลือกตั้งใหม่รัฐบาลใหม่จะทบทวนและปรับเปลี่ยนรายละเอียดของงบประมาณใหม่ เพื่อให้ตอบโจทย์นโยบายรัฐบาล ซึ่งคล้ายช่วงหลังการเลือกตั้งปี 2562 ที่กว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้ และปรับปรุงงบประมาณใหม่ล่าช้า 6 เดือน ทำให้รัฐบาลรักษาการต้องใช้งบประมาณแบบงบประมาณรายจ่ายไปพลางก่อน

ผ่านออกมาเป็นกฎหมายได้ในรัฐบาลนี้ โดยขณะนี้นอกจาก พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายฯ 2569 ยังมีกฎหมายสำคัญที่สนับสนุนนโยบายของรัฐบาล เช่น นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ซึ่งมีกฎหมายที่อยู่ในการพิจารณาของสภาฯได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ เช่น ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. …

ขณะที่การขับเคลื่อนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท ในส่วนนี้หากยุบสภาฯและรัฐบาลเป็นรัฐบาลรักษาการยังคงอนุมัติงบประมาณที่เหลืออีก 4 หมื่นล้านบาทเศษได้ เนื่องจากไม่ใช่งบประมาณใหม่ แต่เป็นงบกลางฯปี 2568 โดยคาดว่าหากยุบสภาฯรัฐบาลจะยังเดินหน้าอนุมัติโครงการ โดยเฉพาะในส่วนที่ปรับเปลี่ยนโครงการที่กระทรวงมหาดไทยสมัยที่พรรคภูมิใจไทยยังบริหารงานอยู่ได้เสนอเข้ามาก่อนนี้

ส่วนหากนายกฯลาออกแล้วมีการเปลี่ยนตัวนายกฯใหม่งบประมาณในส่วนนี้ก็ยังสามารถอนุมัติได้เช่นกันแต่มีเงื่อนไขในการผูกพันงบประมาณให้ทันภายใน 30 ก.ย.2568

การเมืองเปลี่ยนเสี่ยงเศรษฐกิจไทยพัง

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ไทยกำลังเผชิญหน้าพายุวิกฤติหลายลูกพร้อมกันทั้งปัญหาภายในที่เรื้อรัง และปัจจัยภายนอกที่รุนแรงอย่างน้อย 4 ด้าน หากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองตอนนี้ อาจนำพาเศรษฐกิจที่กำลังประคองตัวอยู่สู่หายนะ ทำให้ผู้ใช้แรงงานและSME ลำบากหนักกว่าเดิม

นายเกรียงไกร กล่าวว่า ปัญหาการเมืองในประเทศเป็นเสมือนหล่มที่ฉุดรั้งประเทศมานาน จากโครงสร้างระบบการเมืองอ่อนแอ แต่ที่น่าเป็นห่วงยิ่งกว่า คือ ไทยกำลังถูกซ้ำเติมด้วยปัญหาภายนอกที่หนักหน่วง ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อภาคเศรษฐกิจ ได้แก่

1. การเจรจาภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐ ซึ่งเป็นเรื่องคอขาดบาดตายต้องเร่งเดินหน้า โดยการที่สหรัฐประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าไทยสูงถึง 36% ใกล้ครบกำหนด 90 วัน หากรัฐบาลเกิดสุญญากาศ ไม่มีผู้นำที่มีอำนาจเต็มการเจรจาอาจทำให้สหรัฐอาจไม่เชื่อถือ และจะกระทบรุนแรงการส่งออกไทย

2. ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา โดยวิกฤติชายแดนเริ่มจากการปิดด่านและกระทบกระทั่งกัน กำลังสร้างความเสียหายมหาศาลต่อการค้าชายแดนกระทบต่อรายได้ 500 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งสมาชิก ส.อ.ท.หลายรายได้รับผลกระทบทางตรง ทั้งที่ส่งสินค้าไม่ได้และโรงงานในกัมพูชาต้องหาวัตถุดิบจากแหล่งอื่นด้วยต้นทุนสูงขึ้น ซึ่งไม่รู้ว่าจะยืดเยื้อนานแค่ไหน

3. ความล่าช้าในการผ่านงบประมาณปี 2569 หากยุบสภาฯ หรือนายกรัฐมนตรีลาออก ขณะที่งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ยังไม่ผ่านจะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง ซึ่งไทยเคยงบประมาณล่าช้า 8-9 เดือน ทำให้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจหายไปส่งผลให้ผู้รับเหมาล้มละลายและเลิกจ้างจำนวนมาก

“ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก หากงบประมาณ 2569 ต้องหยุดชะงัก รวมถึงงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.75 แสนล้านบาท ต้องเดินหน้าทันที หากติดขัดจะเกิดปัญหา ซึ่งยังไม่ควรเปลี่ยนแปลรัฐบาลรัฐบาลช่วงนี้เพราะมีประสบการณ์ที่ไม่ดีมาแล้ว”

4.การเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับสหภาพยุโรป (EU) ที่อยู่ช่วงโมเมนตัมที่ดี และมีเส้นตายสรุปภายในสิ้น 2568 แต่หากเปลี่ยนแปลงรัฐบาลอาจทำให้การเจรจาติดขัดและถูกเลื่อนออกไป

นายเกรียงไกร กล่าวว่า การเปลี่ยนรัฐบาลจะทำให้การทำงานมีปัญหา โดยหากยุบสภาฯ หรือนายกรัฐมนตรีลาออก จะเห็นข้าราชการเกียร์ว่าง ส่วนภาคเอกชนจะ wait and see ชะลอการลงทุนเพื่อรอดูภาพความชัดเจนว่าใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี และใครจะอยู่ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) และจะมีอำนาจขับเคลื่อนนโยบายแค่ไหน

ยุบสภาฯ กระทบจีดีพี 0.66%

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยเจอปัญหาสารพัดทั้งปัจจัยภายในและภายนอกทำให้ปรับลดประมาณการณ์เศรษฐกิจปี 2568 ลงจาก 3.0% เหลือ1.7% สำหรับประเด็นเสถียรภาพการเมืองประเมินไว้ 3 กรณี คือ

1. นายกฯ อยู่ ตลอดทั้งปี 2568 (กรณีฐาน) รวมกระทบจีดีพี 11,034 ล้านบาท หรือ 0.06%

2. มีนายกฯ คนใหม่จากพรรคแกนนำเดิม กระทบจีดีพี 37,692 ล้านบาท หรือ -0.20%

3. นายกฯ ยุบสภา กระทบจีดีพี 112,257 ล้านบาท หรือ -0.66%

ทั้งนี้ ต้องจับตาการชุมนุมใหญ่วันที่ 28 มิ.ย.นี้ว่า จะมีผู้เข้าร่วมชุมนุมมากน้อยแค่ไทยจะสั่นคลอนคะแนนนิยมรัฐบาลได้ขนาดไหน อีกทั้งดูศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม หากตัดสินให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ รองนายกฯ อาจเข้ามาปฏิบัติหน้าที่แทน ภายใต้นายกฯ ยังเป็นคนเดิม งบประมาณจะสามารถขับเคลื่อนได้ต่อ

“ซีไอเอ็มบี” ชี้การเมืองกระทบ ศก.ทุกทาง

ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า ความไม่แน่นอนทางการเมือง หรือการที่เสถียรภาพการเมืองมีปัญหาส่งผลลบต่อเศรษฐกิจทั้งความเชื่อมั่นนักลงทุนและประชาชน ความต่อเนื่องของนโยบายรัฐบาล รวมถึงการเจรจาการค้ากับต่างประเทศ โดยเฉพาะการเจรจากับสหรัฐที่อาจทำให้ไทยเสียโอกาสต่อรองภาษีการค้า

ดังนั้น ไม่ว่าทางออกทางการเมืองจะเป็นไปในทิศทางใด ไม่ว่านายกฯ จะลาออกหรือมีการยุบสภา ผลลัพธ์สุดท้าย คือ การส่งผลลบต่อเศรษฐกิจทั้งสิ้น เพียงแต่ผลกระทบจะมีต่างกัน

ทั้งนี้ กรณีนายกฯ ลาออกหรือการเปลี่ยนนายกฯ อาจส่งผลความไม่แน่นอนระยะสั้น แต่จะมีความต่อเนื่องในการบริหารเพราะมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาสานต่องาน ดังนั้นอาจเป็นทางเลือกที่น่าจะดีต่อเศรษฐกิจระยะสั้นมากกว่า เพราะความกังวลหลักของภาคเอกชนและนักเศรษฐศาสตร์คืองบประมาณรายจ่ายประจำปี หากเปลี่ยนนายกฯ และตั้งรัฐบาลใหม่ได้รวดเร็วก็เป็นไปได้สูงที่งบประมาณจะสานต่อได้

นายกฯ ลาออกกระทบเศรษฐกิจน้อยสุด

นายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ และ Chief Economist บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า มองว่าการที่นายกรัฐมนตรีลาออกและมีการเปลี่ยนตัว ถือเป็นทางออกที่ดีกว่าการยุบสภาหากการเมืองไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ดังนั้นแนวทางแรกอาจมีผลกระทบที่น้อยที่สุดที่อาจเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจไทย

เพราะสิ่งที่ไม่อยากเห็นคือ สุญญากาศทางเศรษฐกิจ จากสุญญากาศทางการเมือง หากมีการยุบสภา ซึ่งจะส่งผลเสียอย่างมากต่อภาพรวมของการกระตุ้นเศรษฐกิจ

“การยุบสภาเป็นสิ่งที่น่ากังวล เพราะอาจนำไปสู่สูญญากาศได้ หากงบประมาณไม่ได้รับการอนุมัติ ซึ่งจะฉุดเศรษฐกิจลงอย่างมาก คล้ายกับสถานการณ์เมื่อประมาณ 2 ปีก่อนที่ยังไม่สามารถหาตัวนายกรัฐมนตรีได้”

“เคเคพี” ชี้หากรัฐบาลขาดเสถียรภาพเชื่อมั่นทรุด

ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า มองว่า ไม่ว่าเกิดกรณีใด หากรัฐบาลขาดเสถียรภาพ สิ่งที่ตามมาคือกระทบต่อ ความมั่นใจของนักลงทุนและภาคเอกชนจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินนโยบาย และความต่อเนื่องของนโยบาย หรือโครงการสำคัญที่เคยคาดหวังว่าจะดำเนินการได้ ซึ่งความล่าช้าต่างๆอาจสร้างไม่มั่นใจ และอาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมได้

โดยเฉพาะกระทบต่อเศรษฐกิจ ที่ห่วงที่สุดคือ หากเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และนำไปสู่ ความล่าช้าของงบประมาณ อาจกระทบต่อเศรษฐกิจค่อนข้างมาก เหมือนอดีตที่มีการเลือกตั้งล่าช้า ทำให้การผ่านงบต่างๆล่าช้าออกไป ซึ่งมองว่าหากล่าช้าออกไป 1ไตรมาส จีดีพีไตรมาส4อาจมีความสุ่มเสี่ยงติดลมได้

เปลี่ยนผู้นำ ถือเป็นการรีเซ็ทใหม่

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ที่กล่าวถึงการยุบสภาหรือเปลี่ยนแปลงผู้นำ หากเกิดขึ้นจริงถือเป็นการรีเซ็ทกันใหม่ ซึ่งหากมีผู้นำใหม่ควรมีคุณสมบัติในการขับเคลื่อนนโยบายการบริหารประเทศให้เกิดความต่อเนื่อง โดยเฉพาะการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) ที่รัฐบาลได้ไปทำการเชิญชวนไว้

นอกจากนี้ ผู้นำควรจะมีความสาารถในการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจเพราะเป็นเรื่องใหญ่ การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน และรองรับสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลก รวมถึงความสามารถในการเจรจาการค้าด้วย

ขณะที่ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจะส่งผลกระทบให้เกิดสุญญากาศ ประเทศชาติหยุดชะงัก มองว่าที่ผ่านมาไทยเผชิญเหตุการณ์หนักกว่านี้ บางเรื่องสะดุดบ้างได้ ไม่ต้องวิ่งเร็วตลอดเวลา หยุดเพื่อให้ประเทศชาติวิ่งได้เร็วกว่าเดิม อีกทั้งการขับเคลื่อนประเทศไม่ได้มีแค่รัฐบาลเท่านั้น แต่ยังมีภาคส่วนอื่น เช่น เอกชนที่เดินหน้า

20 ปี บทเรียนการเมืองธุรกิจเจอทุกรูปแบบ

นายพันธ์ พะเนียงเวทย์ ผู้จัดการใหญ่ ไทยเพรซิเดนท์ ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเมืองตอนนี้ 2 ซีนาริโอผู้นำลาออก หรือมีการยุบสภาสถานการณ์ย่อมแตกต่างกัน แต่หากพรรคขนาดกลางถอนตัวในการร่วมรัฐบาลจะทำให้เสียงปริ่มน้ำเกินกว่าที่จะอยู่ยาว หากเปลี่ยนแปลงตัวผู้นำ แกนนำรัฐบาลยังมีตัวเลือกอยู่ แต่ต้องดูว่าพร้อมทำหน้าที่หรือไม่ ส่วนโครงสร้างยังเหมือนเดิม และสิ่งที่ถูกมองเป็นปัญหาไม่ใช่สถานภาพ พรรคการเมือง แต่เป็นตัวผู้นำ เพราะมาตรฐานบางประเทศเกิดเรื่องเช่นนี้ต้องลาออก

ที่น่าเป็นห่วงหากมีการยุบสภา จะส่งผลกระทบต่อการพิจารณาอนุมัติงบประมาณปี 2569 ที่จะผ่านสภาฯไม่ได้ ต้องใช้งบกลางไปก่อน ทำให้เบิกจ่ายงบลงทุนใช้ได้ไม่เต็มที่

อย่างไรก็ตาม การเมืองจะมีขั้นตอน เช่น ปรับ ครม. ยุบสภา แต่ 2 เหตุการณ์ ที่ภาคธุรกิจไม่ต้องการให้เกิดขึ้น คือการชุมนุมประท้วง เกิดความยืดเยื้อ ความรุนแรง และนำไปสู่การรัฐประหาร ซึ่งตลอดเวลา 20 ปี ไทยเผชิญมาทุกรูปแบบ มีบทเรียนทุกซีนาริโอ

“20 ปี ไทยผ่านมาทุกซีนาริโอ ทำอะไร แล้วจะได้อะไร หากทำแบบเดิมประเทศชาติจะได้แบบเดิม ไม่มีอะไรใหม่ บทเรียนสอนว่าอย่าฝืน”

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

ผบ.ทอ. แจงปม 'ฮุนมาเนต' ตบโบนัสสอย F-16 ย้ำพร้อมบินใน 5นาที หนุนสู้รบ

24 นาทีที่แล้ว

“พิชัย” เผยไทยได้คิวเจรจาภาษีแล้ว เตรียมบินสหรัฐฯ สัปดาห์หน้า

47 นาทีที่แล้ว

ราคาทองวันนี้ 27 มิ.ย.68 ทองแท่ง ทองรูปพรรณ เปิดตลาด ร่วงแรง 200 บาท

49 นาทีที่แล้ว

กบข.ปรับพอร์ตลงทุนรับผันผวน เพิ่มลงทุนทอง ‘เล็งหุ้นไทย’

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอที ธุรกิจอื่น ๆ

PTT ครองแชมป์ไทย-อันดับ 2 Southeast Asia ต่อเนื่อง 2 ปีจาก Fortune

ทันหุ้น

ราคาทองเช้าวันนี้เปลี่ยนแปลง 3 รอบแล้ว ปรับลง 300 บาท

ทันหุ้น

TMI ชำระหุ้นกู้ 91.5 ลบ. พร้อมดบ.ตามกำหนด ตอกย้ำศักยภาพการเงินที่แข็งแกร่ง

สยามรัฐ

TMI ชำระหุ้นกู้ 91.5 ลบ. พร้อมดอกเบี้ย ตามกำหนด

ทันหุ้น

ไทย สมายล์ บัส ต้อนรับ รัฐมนตรีมาเลเซีย ดูงานระบบบริหารจัดการขนส่งมวลชนพลังงานสะอาด

สยามรัฐ

KGI จัด 2 หุ้นเด่น แนะเก็งกำไร ตามปัจจัยพื้นฐาน

ทันหุ้น

แนวโน้ม SET ไซด์เวย์อัพ เกาะติดนโยบาย “เฟด” หั่นดอกเบี้ย

ข่าวหุ้นธุรกิจ

“หุ้นเอเชีย” เปิดบวก ลุ้น “เฟด” หั่นดอกเบี้ย หลังเศรษฐกิจสหรัฐซบเซา

ข่าวหุ้นธุรกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...