Pi Daily ชี้การเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯ เป็นตัวแปรสำคัญต่อส่งออก-นิคมฯ พร้อมประเมิน 3 กรณีภาษีนำเข้า
Pi Daily ชี้การเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯ เป็นตัวแปรสำคัญต่อส่งออก-นิคมอุตสาหกรรม พร้อมประเมิน 3 กรณีภาษีนำเข้า
วันที่ 7 ก.ค.68 บล.พาย เผยว่าตลาดหุ้น Dow Jones และสินค้าโภคภัณฑ์ปิดทำการเนื่องในวัน Independence Day
สัปดาห์นี้นักลงทุนจะไปให้น้ำหนักกับเส้นตายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯกับนานาประเทศ ตามกำหนดการจะแล้วเสร็จในวันที่ 9 ก.ค. ประเทศที่สามารถตกลงการค้ากับสหรัฐฯได้ประกอบไปด้วย จีน เวียดนาม อังกฤษ ข้อมูลล่าสุดสหรัฐฯระบุว่าบางประเทศอาจเผชิญภาษีนำเข้าเพียง 10% และบางประเทศก็อาจสูงถึง 70% แต่อย่างไรก็ตามกับประเทศไทยนั้นล่าสุดรัฐมนตรีคลังได้แถลงในวันศุกร์ที่ผ่านมาโดยระบุว่าการเจรจากับสหรัฐฯเป็นไปได้ด้วยดี โดยได้พูดคุยกับทั้งฝั่งรัฐบาลและเอกชนแต่ข้อเสนอที่ทางไทยเสนอให้กับสหรัฐฯอาจยังไม่ตรงกับความต้องการจึงต้องกลับมาทำข้อเสนอให้กับสหรัฐฯใหม่
โดยสรุปก็คือยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงรอบสุดท้ายได้ แต่อย่างไรก็ตามในช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา Team Thailand ได้ระบุว่าจะเจรจาให้ทันก่อนวันที่ 9 ก.ค. คาดหวังให้ภาษีต่ำกว่าระดับ 18% ฝั่งสหรัฐฯก็ได้ระบุว่าในวันจันทร์นี้จะเตรียมส่งจดหมายให้แต่ละประเทศว่าจะเก็บภาษีนำเข้าในอัตราเท่าใด เราประเมินความน่าจะเป็นของภาษีแบ่งออกเป็นดังนี้ (1) กรณีดีที่สุดไทยอาจเผชิญกับภาษีนำเข้าในระดับ 10% กรณีนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยเชื่อว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ 2% และ SET INDEX มีโอกาสตอบรับเชิงบวกนำและกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมกับส่งออกจะได้ผลบวกจากปัจจัยข้างต้น (แต่เชื่อว่าโอกาสน้อย)
(2) กรณีกลางๆกล่าวคือไทยเผชิญภาษีนำเข้าในช่วง 15-25% เศรษฐกิจไทยน่าจะพอเติบโตได้ในช่วง 1-1.5% SET INDEX อาจตอบรับเชิงบวกระยะสั้นๆและกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมกับส่งออกอาจได้รับผลกระทบแต่ยังไม่มากเท่าใดนักโดยให้โอกาสเกิดขึ้นมากที่สุด
(3) กรณีเผชิญภาษีนำเข้า 30% ขึ้นไป หากกรณีเช่นนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยอาจขยายตัวเพียง 1.3% และ SET INDEX มีโอกาสตอบรับเชิงลบมีโอกาสทดสอบระดับ Low เดิมที่ 1050 สร้างแรงกดดันต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมและส่งออก สำหรับเวียดนามนั้นสินค้าส่งออกหลักๆไปยังสหรัฐฯได้แก่อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรและอุปกรณ์เกี่ยวกับนิวเคลียร์ ซึ่งจากการประเมินแล้วกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์มีโอกาสเผชิญผลกระทบมากที่สุด ถัดมาจะเป็นนิคมอุตสาหกรรม
สัปดาห์นี้รอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจประกอบไปด้วยเงินเฟ้อไทยในวันจันทร์ Bloomberg Consensus คาดการณ์ -0.1%YoY สัปดาห์นี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1070 – 1140 เชิงกลยุทธ์การลงทุนอาจลดพอร์ตการลงทุนเพื่อรอดูการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับนานาประเทศรวมถึงไทยหากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้จะเป็นความเสี่ยงกับเศรษฐกิจโลกและไทย แต่หากรับความเสี่ยงได้ระยะสั้นอาจเลือกกลุ่ม Defensive อาทิ โรงพยาบาล (BDMS) หุ้นที่อิงกับต่างประเทศ (MINT) สื่อสาร (ADVANC INTUCH)
BDMS (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 26.00 บาท)
คาดการณ์รายได้ปี 2025 ที่เติบโตในอัตราลดลง (-2%) โดยใน 1Q25 ประกาศกำไรสุทธิที่ 4.3 พันล้านบาท (+7% YoY) ทรงตัวจากไตรมาสก่อน หนุนจาก 1) รายได้รับรู้จากโรงพยบาลและเตียงผู้ป่วยใหม่ และ 2) การเติบโตของผู้ป่วยต่างชาติ โดยเฉพาะในกลุ่มตะวันออกกลาง (+22% YoY) และ CLMV (+11% YoY) ขณะที่ใน 2Q25 เรามองว่าผลประกอบการจะเติบโต YoY แม้อ่อนตัว QoQ จาก 1) ปัจจัยฤดูกาล และ 2) จำนวนผู้ป่วยต่างชาติชะลอตัวในเดือนเมษายน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบระยะสั้นจากเหตุแผ่นดินไหว ทั้งนี้ เราคาดสามารถชดเชยจากการฟื้นตัวในเดือนพฤษภาคม (+6% YoY)
MINT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 36.00 บาท)
2Q25 กำไรปกติจะเติบโตสูง QoQ และมีโอกาสเติบโต YoY หนุนจาก 1) แนวโน้มการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรม ด้วยยอดการจองล่วงหน้าตั้งแต่เดือนเมษายนอยู่ในระดับที่ดี โดยเฉพาะในโซนยุโรปที่กำลังเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว หนุน RevPar ปรับตัวสูงขึ้น 2) โรงแรมในประเทศไทยได้รับอานิสงค์จากช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทำให้ทั้งอัตราการเข้าพัก (Occupancy) และ RevPar อยู่ในเกณฑ์ที่ดี และ 3) คาดรายได้ธุรกิจร้านอาหารจะฟื้นกลับมาทรงตัว YoY ด้วยยอดขายไอศกรีมมะม่วง เมนูฤดูกาลยอดนิยมที่เลื่อนเปิดการขายจาก 1Q25 มาใน 2Q25 เนื่องจากสภาพอากาศต้นปีที่หนาวยาวนานกว่าปีก่อน
#PiDaily #ข่าววันนี้ #ภาษีนำเข้า #ทรัมป์ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #เจรจาการค้าไทยสหรัฐ #ส่งออก #นิคมอุตสาหกรรม #SETIndex