การบินไทย กลับมาเทรดวันแรกเปิดที่ 10.50 บาท หลังพ้นจากแผนฟื้นฟู
บล.โกลเบล็ก ระบุว่า บมจ.การบินไทย [THAI] รายงานกำไรไตรมาส 1/68 ที่ 9,839 ล้านบาท +306% YoY พลิกเป็นกำไรจากมีผลขาดทุนในไตรมาส 4/67 เนื่องจากผลขาดทุนจากการปรับโครงสร้างหนี้ 4.53 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณารายได้เติบโต 12%YoY สู่ 5.16 หมื่นล้านบาท ตามจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น 12%YoY สู่ 4.33 ล้านคน และมี Cabin Factor ทรงตัวที่ 83% เนื่องจากมีการเพิ่ม จำนวนเครื่องบิน 5 ลำจาก ไตรมาส 1/67 สู่ 78 ลำ
เราประเมินมูลค่าด้วยวิธี EV/EBITDA PE Ratio และ PBV โดยเทียบกับสายการบินแห่งชาติของประเทศต่างๆ (China Francce Canada Japan New Zealand Singapore และ Korean) และเทียบกับสายการบินในประเทศ (BA AAV VJC) โดยได้ค่าเฉลี่ย EV/EBITDA PE Ratio และ PBV ที่ 4.63 10.80 และ 1.76 เท่า ตามลำดับ (สมมติฐานกำไรปี 68 ใช้กำไรไตรมาส 1/68 คูณ 4) ได้ราคาเหมาะสม 2.23 15.01 และ 3.45 บาทต่อหุ้นตามลำดับ
ทั้งนี้ การบินไทยปรับโครงสร้างแปลงหนี้เป็นทุนจำนวน 2.17 หมื่นล้านหุ้นที่ราคา 2.5452 บาทต่อหุ้น
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุว่า นับตั้งแต่ปี 64 การบินไทย [THAI] ได้ดำเนินแผนฟื้นฟูกิจการเบ็ดเสร็จ โดยได้ปรับเปลี่ยนธุรกิจด้วยการปรับโครงสร้างฝูงบินและองค์กรอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้นำไปสู่ความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการด้วยดี ขณะที่ เราประเมินราคาเป้าหมายกลางปี 69 ของ THAI ที่ 8.00 บาท (อิงจาก EV/EBITDA ที่ 6x) ซึ่งสูงกว่า AAV เล็กน้อย และใกล้เคียงกับบริษัทในภูมิภาคเดียวกัน นอกจากนี้ เรายังมองในแง่ดีเกี่ยวกับการพัฒนาเชิงบวกของบริษัทในระยะยาว
THAI กลับมาด้วยการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก ตั้งแต่ปี 64 THAI ได้ดำเนินแผนฟื้นฟูกิจการเบ็ดเสร็จ โดยปรับเปลี่ยนธุรกิจด้วยการปรับโครงสร้างฝูงบินและองค์กรอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้นำไปสู่ความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการด้วยดี ในที่สุด THAI ก็ได้รับคำสั่งศาลให้เสร็จสิ้นกระบวนการฟื้นฟูกิจการ
i) ปรับโครงสร้างองค์กรเพิ่มความโปร่งใสขึ้นและธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งขึ้น ตลอดหลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้ใช้มาตรการต่าง ๆ ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในระยะยาว คือ: i) ปรับปรุงองค์กรและรวมหน่วยงานเพื่อการดำเนินงานให้คล่องตัวขึ้น ii) ปรับปรุงค่าตอบแทนให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรม iii) ควบรวมสายการบิน THAI Smile เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพฝูงบินและการปฏิบัติงาน iv) รวมศูนย์กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง v) นำแพลตฟอร์มดิจิทัลมาใช้เพื่อเพิ่มความโปร่งใส vi) เสริมสร้างกระบวนการควบคุมภายใน และ vii) แต่งตั้งคณะกรรมการใหม่ 7 ท่านที่มีประสบการณ์หลากหลาย
ii) การปรับปรุงและพัฒนาฝูงบิน เครือข่าย และบริการต่าง ๆ โดยที่ ส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การฟื้นฟู THAI ได้มุ่งเน้นการปลดระวางเครื่องบินรุ่นเก่าที่สิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เช่น Airbus A380, Boeing 777-200ER และ Airbus A330-300 ทำให้ต้นทุนการซ่อมบำรุงและต้นทุนเชื้อเพลิงลดลง ขณะที่ ในปี 62 THAI มีฝูงบินหลากหลายรุ่นและชนิดเครื่องยนต์ถึง 9 ประเภท ซึ่งทำให้การซ่อมบำรุงรักษา การฝึกอบรม และการจัดตารางบินมีความซับซ้อนอยู่ แต่ ณ Q1/68 มีฝูงบินเหลือเพียง 6 รุ่นและเครื่องยนต์ 7 ประเภท ดังนั้น อัตราการใช้เครื่องบิน (aircraft utilization rate) ดีขึ้นจาก 10.9-12.0 ชั่วโมง/วัน ในช่วงปี 58-62 เป็น 12.2-13.2 ชั่วโมง/วัน ในปี 66-67
iii) การปรับโครงสร้างเงินทุนและเสถียรภาพทางการเงิน THAI ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างเงินทุนภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการสำเร็จในเดือน ธ.ค.67 ซึ่งทำให้หนี้สินสุทธิต่อทุน (net gearing ratio) ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 10.7x ในปี 2562 เป็นสถานะเงินสดสุทธิ (net-cash position) ณ สิ้น Q1/68
เราคาดว่า THAI จะสามารถทำกำไรแข็งแกร่งได้หลังจบแผนฟื้นฟูกิจการแล้ว คาดกำไรสุทธิของ THAI จะมาพร้อมกับการดำเนินงานที่แข็งแกร่งต่อเนื่องในปี 68 และ 69 ขณะที่ ณ สิ้น Q1/68 THAI มีเครื่องบินรวม 78 ลำ กํบอัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสาร (cabin factor) แข็งแกร่งถึง 83.3% หนุนจากการบริหารจัดการการขนส่งพัสดุภัณฑ์ได้ดีและอุปสงค์การเดินทางของผู้โดยสารเพิ่มขึ้น