‘ศรีสะเกษ’ เร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดน ควบคู่ดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
เมื่อวันที่ 5 ส.ค. นายสุริยา บุตรจินดา รอง ผวจ.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจาก นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผวจ.ศรีสะเกษ ประชุมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อสั่งการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนควบคู่ไปกับการดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้หน่วยงานด้านการศึกษา เช่น วิทยาลัยเทคนิค และโรงเรียนในเขตพื้นที่ จัดหาที่พักชั่วคราวรองรับผู้ที่ต้องย้ายออกจากบ้านเพื่อความปลอดภัย พร้อมเตรียมความพร้อมด้านการเรียนการสอนให้แก่เด็กและเยาวชนที่ย้ายมาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย เพื่อไม่ให้เสียโอกาสทางการศึกษา
ด้านการสำรวจและเยียวยา จังหวัดมอบหมายให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย ทั้งในส่วนบ้านเรือน ทรัพย์สิน โรงเรียน และพื้นที่เกษตรกรรม เพื่อรวบรวมข้อมูลเสนอของบประมาณสนับสนุนและสิ่งของช่วยเหลือที่จำเป็น อาทิ อาหาร น้ำดื่ม เครื่องนุ่งห่ม และเครื่องใช้จำเป็นในครัวเรือน รวมถึงการดูแลกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้พิการอย่างใกล้ชิด
ด้านความมั่นคงและความปลอดภัย ได้สั่งการให้ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ร่วมกันตั้งจุดตรวจและลาดตระเวนเพิ่มในพื้นที่เสี่ยง ตรวจสอบการเข้า–ออกอย่างเข้มงวด ป้องกันการแทรกซึมและภัยคุกคาม พร้อมประสานกองกำลังป้องกันชายแดน และเตรียมแผนอพยพเพิ่มเติมหากสถานการณ์มีความจำเป็น นอกจากนี้ จังหวัดยังได้เปิดช่องทางให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบสามารถแจ้งปัญหาต่าง ๆ ผ่านกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และศูนย์อพยพประจำอำเภอ เพื่อให้ความช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็วและตรงกับความต้องการของแต่ละครอบครัว
จังหวัดศรีสะเกษยืนยันว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ความไม่สงบที่ส่งผลให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดนต้องอพยพมาอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว โดยได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์พักพิงอย่างเป็นระบบ พร้อมมอบหมายผู้รับผิดชอบแต่ละศูนย์ให้ดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างใกล้ชิด
ในระดับอำเภอ ได้มอบให้นายอำเภอทำหน้าที่เป็น ผู้อำนวยการศูนย์พักพิงระดับอำเภอ ขณะที่ในแต่ละศูนย์พักพิงชั่วคราว มีการแต่งตั้งผู้จัดการศูนย์ เช่น ผู้อำนวยการโรงเรียน ผู้อำนวยการวิทยาลัย หรือ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่ เป็นผู้ดูแลบริหารจัดการศูนย์อย่างใกล้ชิด
ภายในศูนย์ มีการแบ่งงานกันอย่างชัดเจน ทั้งในด้านการจัดหาอาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค การดูแลสุขภาพจิต รวมถึงการรักษาความสงบเรียบร้อย โดยทุกฝ่ายบูรณาการทำงานร่วมกัน เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกและปลอดภัยสูงสุด
ขณะเดียวกัน อาจมีบางศูนย์พักพิงที่จำเป็นต้อง เคลื่อนย้ายประชาชน ไปยังพื้นที่อื่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแล และให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่า ขณะนี้ประชาชนยังคงต้องพักอยู่ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว เนื่องจากในหลายหมู่บ้านยังตรวจพบกระสุนปืนตกในพื้นที่ ซึ่งอยู่ระหว่างการเก็บกู้และทำลายโดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยอย่างแท้จริงก่อนให้ประชาชนกลับเข้าไปยังพื้นที่เดิมได้
พร้อมขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนให้เชื่อมั่นในมาตรการของภาครัฐ พร้อมขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมแรงร่วมใจในการดูแลและให้กำลังใจกันในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้.