(1 ก.ค.) หุ้นไทยพุ่ง20.45จุด ปิดที่1,110.01จุด หลังการเมืองชัดเจนขึ้น
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (1 กรกฎาคม 2568) ปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,110.01 จุด เพิ่มขึ้น 20.45 จุด หรือ 1.88% มูลค่าการซื้อขายรวม 41,714.05 ล้านบาท โดยตลาดปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงบ่าย หลังสถานการณ์การเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งช่วยคลายความกังวลของนักลงทุนและดึงแรงซื้อกลับเข้าสู่ตลาดอีกครั้ง
ในช่วงบ่ายวันนี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่ขอให้วินิจฉัยการถอดถอน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สืบเนื่องจากกรณีคลิปเสียงสนทนากับนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เกี่ยวกับประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 สั่งให้น.ส.แพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย
แม้ว่านายกรัฐมนตรีจะถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว แต่รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมในการแต่งตั้งผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะฝ่ายกฎหมายของรัฐบาล เปิดเผยว่า ในช่วงเช้าวันที่ 1 กรกฎาคม ระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี ได้มีการตรวจสอบลำดับการมอบหมายผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ซึ่งตามคำสั่งเดิม รองนายกรัฐมนตรีลำดับที่ 1 คือ นายภูมิธรรม เวชยชัย แต่เนื่องจากนายภูมิธรรมได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และยังไม่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณในตำแหน่งใหม่ จึงไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีได้
ดังนั้น ผู้ที่จะทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีในขณะนี้คือ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
นายชูศักดิ์ ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า นายสุริยะมีอำนาจเต็มในการปฏิบัติหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี สามารถดำเนินการได้ทุกเรื่อง รวมถึงการปรับคณะรัฐมนตรีและการยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อไม่ให้เกิดภาวะชะงักงันหรือสุญญากาศทางการเมือง โดยนายสุริยะสามารถนำคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ได้ทันที ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ก็สามารถเข้าร่วมพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณในฐานะรัฐมนตรีได้เช่นเดิม
หุ้นไทยเด้งรับศาลรับคำร้องคดีคลิปเสียง DELTA หนุนดัชนีสวนแรงขาย
นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเริ่มฟื้นตัวในช่วงบ่ายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และสมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โดย น.ส.แพทองธาร ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกในเชิงจิตวิทยาต่อภาวะตลาดในระยะสั้น เนื่องจากตลาดมีความเปราะบางต่อสถานการณ์การเมืองในประเทศมาระยะหนึ่งแล้ว
แม้ภาพรวมทางการเมืองไทยในอนาคตยังคงมีความไม่แน่นอน แต่เหตุการณ์นี้ช่วยให้ตลาดได้รับความชัดเจนบางส่วน และคลายความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่จะเกิดการยกระดับการชุมนุมหรือความวุ่นวายในสภา หากศาลไม่รับคำร้อง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากหุ้น DELTA ซึ่งยังคงมีแรงซื้ออย่างต่อเนื่อง สวนทางกับที่ตลาดคาดว่ามาตรการ Capped Weight จะกดดันให้เกิดแรงขายในวันนี้ ทั้งนี้คาดว่า DELTA ยังคงเป็นที่สนใจของกองทุนทั่วไปที่ไม่ได้อิงกับดัชนี SET และมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องหลังความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของ Capped Weight ลดลง ขณะเดียวกัน ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างประเทศที่มีทิศทางดีขึ้น รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง
สำหรับแนวโน้มตลาดในวันพรุ่งนี้ (2 มิถุนายน 2568) แนะนำให้ติดตามความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าสำคัญอย่างใกล้ชิด รวมถึงการเจรจากับไทย แม้คาดว่าการเจรจาระหว่างไทยกับสหรัฐฯ อาจยังไม่สามารถสรุปผลได้ในเร็ว ๆ นี้ แต่สัญญาณล่าสุดสะท้อนถึงท่าทีที่ผ่อนคลายมากขึ้น โดยคาดว่าการจัดเก็บภาษีจะไม่กลับไปสู่ระดับสูงสุดที่ 37% ตามที่เคยประกาศไว้ในช่วงแรก กรอบดัชนีคาดการณ์ให้แนวต้านที่ 1,115 จุด และแนวรับที่ 1,100 จุด
หุ้นใหญ่รับแรงซื้อ หนุน SET Index ขยับเพิ่ม
ในด้านการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น แรงซื้อที่ชัดเจนในช่วงบ่ายนำโดยหุ้น DELTA ซึ่งราคาปรับตัวขึ้นโดดเด่นถึง 8.33% รวมถึงหุ้นกลุ่มใหญ่ อาทิ PTT, GULF และ ADVANC ที่ได้รับแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ช่วยผลักดันดัชนีให้ปรับตัวขึ้นแรงในช่วงท้ายตลาด
ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 5 อันดับแรก ได้แก่
- KTC (บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)) ราคาปิด: 24.40 บาท เปลี่ยนแปลง: +0.40 บาท (+1.67%) มูลค่าการซื้อขาย: 3,539.18 ล้านบาท
- DELTA (บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)) ราคาปิด: 104.00 บาท เปลี่ยนแปลง: +8.00 บาท (+8.33%) มูลค่าการซื้อขาย: 3,065.61 ล้านบาท
- PTT (บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)) ราคาปิด: 30.50 บาท เปลี่ยนแปลง: +0.50 บาท (+1.67%) มูลค่าการซื้อขาย: 2,608.52 ล้านบาท
- ADVANC (บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)) ราคาปิด: 283.00 บาท เปลี่ยนแปลง: +5.00 บาท (+1.80%) มูลค่าการซื้อขาย: 2,491.52 ล้านบาท
- KBANK (ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)) ราคาปิด: 154.50 บาท เปลี่ยนแปลง: +1.00 บาท (+0.65%) มูลค่าการซื้อขาย: 2,258.83 ล้านบาท