"อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์" ทุ่ม 120 ล้านบาท ดันองค์กรสู่ยุคดิจิทัลเต็มตัว
บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM ผู้ประกอบธุรกิจร้านค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ภายในบ้าน และของแต่งบ้านครบวงจร เปิดเผยถึงการลงทุนครั้งสำคัญในการทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ ด้วยการนำระบบ RISE with SAP S/4HANA Cloud for Retail มาใช้ ซึ่งนับเป็นผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกรายแรกในประเทศไทยที่ดำเนินการดังกล่าว
นางสาวกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน ทำให้ภาคธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันและขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้า การลงทุนกว่า 120 ล้านบาท ในการอัปเกรดระบบครั้งนี้ เป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในโลกธุรกิจค้าปลีกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ระบบ RISE with SAP S/4HANA Cloud for Retail เปรียบเสมือน "สมองกลอัจฉริยะ" ที่ทำงานบนฐานข้อมูลแบบ In-Memory ทำให้สามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลได้แบบเรียลไทม์ และเชื่อมโยงการทำงานภายในองค์กรได้ครบทุกส่วนงาน โดยการพัฒนาระบบนี้เป็นการร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ ได้แก่ บริษัท เน็กซัส ซิสเท็ม รีซอร์สเซส จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางระบบ SAP, SAP ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ ERP และ AWS ผู้ให้บริการคลาวด์แพลตฟอร์ม
โซลูชันใหม่นี้จะเข้ามาเสริมศักยภาพในมิติต่างๆ ของธุรกิจ ILM ดังนี้
- การดำเนินงานหน้าร้าน (Store Operations): ช่วยเพิ่มความเร็วของระบบ ณ จุดขาย (POS) และเชื่อมโยงข้อมูลกับสต็อกสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ ทำให้การจัดการงานขายและพนักงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
- การบริหารจัดการสินค้าคงคลัง (Supply Chain): สามารถบริหารจัดการสต็อกสินค้าได้อย่างแม่นยำ ลดต้นทุนการจัดเก็บ และติดตามสถานะการจัดส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การเงินและบัญชี (Finance and Accounting): สามารถออกรายงานทางการเงินได้แบบเรียลไทม์ ลดความซับซ้อนของกระบวนการ และช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปตามข้อกำหนดทางกฎหมาย
- การส่งเสริมการตลาด (Marketing): ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลลูกค้าได้อย่างเรียลไทม์ สามารถนำข้อมูลไปพัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นางสาวกฤษชนก กล่าวเพิ่มเติมว่า การทรานส์ฟอร์มครั้งนี้จะช่วยเพิ่ม Productivity และสร้างโอกาสทางธุรกิจในหลายมิติ ด้วยความสามารถในการรองรับ Big Data ซึ่งเป็นแกนหลักสำคัญในการต่อยอดสู่การบริหารจัดการด้านต่างๆ เช่น CRM (Customer Relationship Management) และการวิเคราะห์เทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการได้อย่างตรงจุด
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยทางข้อมูลของลูกค้า ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวจะเข้ามาสนับสนุนด้านความปลอดภัย และยังรองรับการทำงานร่วมกับ AI ที่จะเข้ามาเสริมการทำงานในอนาคต ทำให้สามารถขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ระบบดังกล่าวได้เริ่มใช้งานพร้อมกันที่ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา