นับถอยหลัง’ภาษีทรัมป์’ หวังรัฐฯประคองศก.ไทย
หุ้นวิชั่น
อัพเดต 22 กรกฎาคม 2568 เวลา 17.01 น. • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • HoonVision | หุ้นวิชั่น - หุ้น ข่าวหุ้น หุ้นไทยวันนี้ หุ้นวันนี้ หุ้นเด่น วิเคราะห์หุ้น ธุรกิจ การเงิน เศรษฐกิจ การลงทุน ดัชนีราคาหุ้นหุ้นวิชั่น - บล.เอเซียพลัส นับถอยหลัง 9 วัน ก่อนที่นโยบายภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ (RECIPROCAL TARIFF) มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค. 68 โดยอิงจากประกาศรอบใหม่ไทยโดนไปที่อัตรา 36% ซึ่งอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับหลายประเทศในแถบเอเซีย ทั้งนี้ใน กรณีที่บ้านเราไม่สามารถลดภาษีให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 36% ได้ อาจเพิ่มความเสี่ยง DOWNSIDE ต่อ GDP GROWTH ในอนาคต
ในมุมของ ธปท. ประเมิน GDP GRWOTH ไทยในปี 2024 ขยายตัว +2.3%YOYO ภายใต้สมมิตฐานที่ไทยถูกเรียกเก็บ RECIPROCAL TARIFF 18% (ครึ่งหนึ่งของที่เคยประกาศไว้ ณ วันที่ 2 เมษายน 2568) และจีนถูกเรียกเก็บ 30%
ขณะที่ประเทศอื่นถูกเรียกเก็บ 10% อย่างไรก็ตาม ธปท. เคยประเมิน GDP ไทยในกรณี WORST CASE ว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตแค่ +1.3%YOY
สำหริบทิศทางภาคการส่งออกของไทย มีแนวโน้มเห็นการเร่งตัวก่อนที่ RECIPROCAL TARIFF จะมีผลบังคับใช้ โดยCONSENSUS คาดการณ์ส่งออกไทยเดือน มิ.ย. 68 จะยังเห็นการขยายตัวมากว่า +18%YOY อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2H68 อาจจะต้องระมัดระวังมากขึ้น โดยเห็นสัญาณจากช่วง TRADE WAR 1 ที่การขยายตัวของภาคส่งออกไทยชะลอตัวลง
การรับมือกับ TARIFF ยังคาดหวังว่ารัฐบาลจะใช้งบประมาณช่วยประคองเศรษฐกิจไทย รวมถึงการมใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้น (การประชุม กนง. ครั้งถัดไปวันที่ 13 ส.ค. 68) นอกจากนี้ จะยังเป็นการบรรเทาผลกระทบจากเงินบาทไทยที่แข็งค่าสุดในรอบ 4 ปี ซึ่งค่าเงินบาทแข็งค่า 5.7%YTD สวนทางกับอินโดฯ อ่อนค่า 1.5%YTD