บิ๊กมูฟ PSGC จากรับเหมาก่อสร้างสู่ธุรกิจพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ
PSGC ปรับยุทธศาสตร์ต่อยอดฐานธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเดิม มูฟสู่ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติและพลังงาน ตั้งเป้าทำรายได้ต่อปี 2- 3 หมื่นลบ. ภายในปี 2578 มองไกลเจาะ CLMVควบคู่ปรับโครงสร้างทุนเพื่อเสริมสร้างฐานะทางการเงิน
บริษัท พีเอสจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PSGC (ชื่อย่อหลักทรัพย์ PSG) ผู้นำในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจร กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ เมื่อ“เดวิด แวน ดาว” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ประกาศแผนยุทธศาสตร์ที่มุ่งขยายความแข็งแกร่งจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ไปสู่สองธุรกิจที่มีศักยภาพสูงอย่าง ทรัพยากรธรรมชาติ และ พลังงาน
โดยมีเป้าหมายใหญ่คือการก้าวขึ้นเป็นบริษัทชั้นนำระดับภูมิภาคด้านการพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนและทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน พร้อมตั้งเป้ารายได้ต่อปีทะลุ 20,000 - 30,000 ล้านบาท ภายในปี 2578 และเตรียมขยายโอกาสทางธุรกิจในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) ควบคู่กับการปรับโครงสร้างทุนเพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางการเงิน
ปัจจุบัน PSGC กำลังดำเนินงานก่อสร้าง 2 โครงการสำคัญใน สปป.ลาว ซึ่งถือเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับแผนการขยายธุรกิจในอนาคต โครงการแรก คือ โครงการขยายกำลังการผลิตเหมือง XPPL Phase 1 มูลค่า 239.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 8,082.23 ล้านบาท) ซึ่งมีความคืบหน้าแล้ว 81% และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2569 ส่วน โครงการที่สอง คือ โครงการก่อสร้างพื้นที่พัฒนาเพื่อการตั้งถิ่นฐานใหม่ Resettlement Development มูลค่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งมีความคืบหน้า 21% และคาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี 2570
“ความสำเร็จในการดำเนินงานทั้งสองโครงการนี้ตอกย้ำถึงศักยภาพของ PSGC ในการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งนี้ผลักดันให้เรากำหนดวิสัยทัศน์ใหม่ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำในการพัฒนาโครงการพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ โดยอาศัยความเชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างในการขยายธุรกิจสู่ภาคส่วนสำคัญที่มีบทบาทต่อการพัฒนาภูมิภาค”
แม้ว่า สปป.ลาว จะเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา PSGC ยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตระยะยาวของประเทศ ซึ่งขับเคลื่อนโดยภาคพลังงาน เหมืองแร่ และเกษตรกรรม บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนใน สปป.ลาว อย่างต่อเนื่อง และมองเห็นสัญญาณเชิงบวกจากการปฏิรูปในหลายด้าน
สำหรับปี 2568 PSGC วางแผนที่จะขยายการเติบโตด้วยการรับงานก่อสร้างใหม่ 1-2 โครงการ ที่มีมูลค่าใกล้เคียงกับโครงการที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน โดยขณะนี้มี 2 โครงการสำคัญใน สปป.ลาว ที่อยู่ระหว่างการสรุปรายละเอียด ได้แก่
- โครงการก่อสร้างอาคารประกอบอุปกรณ์สนับสนุนสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนเซกอง (XTPPL) ขนาด 1,800 เมกะวัตต์ ซึ่งรวมถึงงานโยธา การติดตั้งอุปกรณ์โรงไฟฟ้า เหมืองแบบบูรณาการ และสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 500 กิโลโวลต์ คาดว่าจะดำเนินการตั้งแต่ไตรมาส 4/2568 ถึงไตรมาส 1/2573
- โครงการก่อสร้างระบบลำเลียงถ่านหินและเถ้าสำหรับโรงไฟฟ้าขนาด 1,800 เมกะวัตต์ ซึ่งมีกำหนดระยะเวลาก่อสร้างตั้งแต่ปี 2568 ถึงไตรมาส 1/2570 หากได้รับงานดังกล่าว Backlog งานก่อสร้างของ PSGC จะเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่า ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับแผนการเติบโตของบริษัทฯ อย่างก้าวกระโดด
นอกจากนี้ PSGC ยังได้เริ่มทดลองให้บริการด้านการดำเนินงานและบริหารจัดการเหมืองใน สปป.ลาว ในพื้นที่ 2 แห่ง ซึ่งผลการดำเนินงานเบื้องต้นเป็นที่น่าพอใจ และคาดว่าจะสามารถสรุปรูปแบบการดำเนินงานได้ภายในสิ้นปีนี้ โดยตลาดแร่ใน สปป.ลาว มีมูลค่าการผลิตรวมสูงกว่า 3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2567 ซึ่งเพิ่มขึ้น 13% จากปีก่อนหน้า สะท้อนถึงโอกาสการเติบโตที่น่าสนใจในตลาดนี้
สำหรับการก้าวเข้าสู่ธุรกิจพลังงาน PSGC ได้วาง 3 แนวทางยุทธศาสตร์หลัก :
- การศึกษาความเป็นไปได้ในการปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ (PSH): โดยได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับ Electricite du Laos (EDL) เพื่อปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำเดิมของ EDL และศึกษาแนวทางการผนวกแหล่งพลังงานหมุนเวียนอื่นๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมเข้าสู่ระบบโครงข่ายไฟฟ้า
- การศึกษาการผลิตพลังงานหมุนเวียนแบบผสมผสาน: บริษัทฯ กำลังพิจารณาการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าแบบผสมผสาน (Hybrid) ที่รวมการผลิตไฟฟ้าจากระบบ PSH เข้ากับพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานหมุนเวียนรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งผลการศึกษาเบื้องต้นบนพื้นที่ 7,000 เฮกตาร์ในแขวงอัตตะปือ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการพัฒนาโซลาร์ฟาร์มขนาด 10,000 เมกะวัตต์
- หาพันธมิตรทางธุรกิจและตลาดจำหน่ายไฟฟ้า: PSGCได้ลงนาม MOU กับหน่วยงานพลังงานระดับภูมิภาค เพื่อศึกษาการส่งออกพลังงานไฟฟ้าจาก สปป.ลาวไปยังประเทศกัมพูชา สิงคโปร์ และจีน
ทางด้าน นางสาวสมฤดี ห์ลีละเมียร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการเงินPSGC กล่าวว่า สำหรับปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยในไตรมาส 1/2568 มีรายได้รวมกว่า 642 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 98.8 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมี Backlog รอการรับรู้รายได้ถึงปี 2570 กว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมงานก่อสร้างใหม่อีก 2 โครงการที่อยู่ระหว่างสรุปรายละเอียด เพื่อสนับสนุนการเติบโตและเพิ่มความโปร่งใสทางการเงิน PSGCได้ดำเนินการรวมหุ้นและลดทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้ว โดยการลดมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ เพื่อล้างรายการส่วนต่ำกว่ามูลค่าหุ้น ซึ่งกระบวนการนี้จะแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคมนี้
ทำให้จำนวนหุ้นของบริษัทฯ ลดลงเหลือ 16,248,109,539 หุ้น และราคาหลักทรัพย์มีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา การปรับโครงสร้างครั้งนี้จะช่วยให้งบการเงินของบริษัทสะท้อนมูลค่าและสถานะที่แท้จริงได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการดึงดูดนักลงทุนสถาบันและกองทุนมากขึ้นในอนาคต